เริ่มกันที่
Nokia Lumia 520 - 5xxx บาท (อาจผันแปรได้)
ผมเชื่อว่าทุกคนที่ใช้โทรศัพท์มือถือต้องเคยใช้โนเกียมาก่อน และเชื่อเถอะว่าแบรนด์โนเกียในใจนั้นยังคงขลังมาจนถึงทุกวันนี้ สำหรับ Lumia 520 นั้นถือได้ว่าเป็น Windows Phone 8 ราคาถูกที่สุดในตอนนี้ คือราคาเพียงเกือบๆ หกพันบาท เชื่อเถอะว่าชื่อโนเกียยังขายได้อยู่เสมอ
สำหรับจุดเด่นก็คงไม่พ้นการที่ใช้ Micro-Sim เหมือนกับโทรศัพท์สมัยใหม่รุ่นอื่นๆ หน้าจอขนาด 4.0 นิ้ว (ความละเอียด 480x800 พิกเซล) และใช้ GPS + GLONASS (โดยปกติแล้วรุ่นถูกขนาดนี้มักจะไม่มี GLONASS) นอกนั้นก็เป็นไปตามมาตรฐานของ Windows Phone 8 ครับผม
Acer Liquid Z2 - 3,9xx บาท
สำหรับ Acer Liquid Z2 นี้ก็ถือได้ว่าเป็นการชิงตลาดล่างสำหรับสมาร์ทโฟนจากค่ายโน้ตบุคที่เรารู้จักกันดีครับ สำหรับสเปคนี้ก็ถือได้ว่าหดตามราคา ไม่ว่าจะเป็นรองรับ 3G ที่ความถี่ 900 MHz (บ้านเราก็คือ AIS เจ้าเดียว) หรือใช้ SIM ขนาดปกตินั่นเองครับ หน้าจอ 3.5 นิ้ว ความละเอียด 320 x 480 พิกเซล
จุดเด่นก็น่าจะเป็นใช้งาน Android เวอร์ชัน Jelly Bean 4.1.1 เลยทีเดียวครับ น่าจะเป็นอินเตอร์แบรนด์ที่ได้ Jelly Bean ในราคาที่ถูกมากๆ ที่สุดตัวหนึ่งในตอนนี้แล้วนั่นเอง
Oppo Find Guitar - 55xx บาท
สำหรับแบรนด์หน้าใหม่อย่าง Oppo นั้นก็ส่งมาให้เรารีวิวหลายครั้งแล้ว จริงๆ Oppo ก็เป็นแบรนด์ที่อยู่ในตลาดมาสักพักแล้ว ไม่ใช่หน้าใหม่เท่าไหร่ แต่เนื่องจากมีการรีแบรนด์ภาพลักษณ์ให้ดีขึ้นเมื่อปีที่แล้ว และถือเป็นการเข้าสู่ตลาดสมาร์ทโฟนอย่างจริงจังนั่นเอง
สำหรับ Oppo Find Guitar นี้แม้ราคาจะเล็ก แต่สเปคก็ถือว่าไม่ธรรมดา ไม่ว่าจะเป็นการรองรับ 3G ทุกเครือข่าย หน้าจอ IPS (ขนาด 3.5 นิ้ว ความละเอียด 320x480) ติดที่จอเล็กไปนิดหน่อย และอัพเกรดระบบปฏิบัติการได้ ตอนเปิดตัวเป็น Android 2.3 ปัจจุบันล่าสุดไปได้ถึง Android 4.0.2 แล้วนั่นเอง
hTC 8S - 59xx บาท
คราวนี้มาเจอกับ Windows Phone รุ่นกลางๆ กันบ้างกับ hTC 8S แต่เดิมนั้นรุ่นนี้ถือว่าอยู่ในเกณฑ์กลางๆ ค่อนบนเสียด้วยซ้ำ แต่ช่วงนี้ Windows Phone 8 ราคาร่วงกราวกันเยอะ ทำให้มีสิทธิ์สอยอดีตนางฟ้ามาได้ สำหรับราคา 59xx นี้เป็นราคาโปรโมชัน (ที่ไม่แน่ใจว่าจะคงราคานี้ไปตลอดจนสินค้าหมดหรือเปล่า) ถือได้ว่าคุ้ม สำหรับคนที่อยากจะลองใช้งาน Windows Phone แต่ถ้าคนทั่วไปที่ไม่สนใจว่าจะต้องเป็น Windows Phone เราเคยรีวิวกันไปแล้ว ผมว่าคุณภาพพอผ่าน ถ้าอยู่ในราคาช่วงนี้ครับ
ข้อเด่นของเครื่องนี้ก็คือหน้าจอ 4.0 นิ้ว ความละเอียด 480x800 พิกเซล ระบบ GPS+GLONASS และใช้งาน Windows Phones 8 นั่นเองครับ
Samsung Galaxy Ace Plus- 59xx บาท
มาถึงแบรนด์จอมถล่มราคาอย่าง Samsung กันบ้าง สำหรับตระกูลโทรศัพท์แอนดรอยด์ ทาง Samsung จะทำการตลาดภายใต้แบรนด์ Galaxy ทั้งหมด โดยรุ่นนี้จะใช้ซิมปกติ รองรับ 3G เฉพาะ 900/2100 (ว่าง่ายๆ คือ AIS และ TOT)
สำหรับโทรศัพท์เครื่องนี้ ใช้หน้าจอ 3.65 นิ้ว ความละเอียด 320x480 พิกเซล ครอบด้วย TouchWiz UI อีกทีหนึ่ง ระบบปฏิบัติการอาจจะเก่าไปหน่อยสำหรับ Android 2.3 แต่ก็ว่าอะไรไม่ได้มาก เนื่องจากเป็นโทรศัพท์ที่ค่อนข้างจะเก่าในตลาดตัวหนึ่ง (แต่ดันไม่ตกกระป๋องหายไปเสียที เป็นที่น่าประหลาดใจยิ่ง) สิ่งที่น่าสนใจสำหรับตลาดกลุ่มราคานี้ก็คงจะเป็นการมี FM ในตัวนั่นเองครับ
Samsung Galaxy S Duos - 59xx บาท
สำหรับ Galaxy S Duos นี้แปะแบรนด์ Duos ก็แปลว่าสามารถใส่ซิมได้ 2 ซิมนั่นเอง โดยไม่น่าแปลกใจนัก เพราะหลายๆ เครื่องของ Samsung ที่คัดมาขายในประเทศไทยเป็นรุ่นที่รองรับ Duos Sim และวางขายในไม่กี่ประเทศเสียด้วย
สำหรับรุ่นนี้ยังคงรองรับความถี่ 3G ที่ 900/2100 เช่นเคย แปลว่าถ้าจะให้ชัวร์ก็คือใช้ AIS จะใช้ 3G ได้อย่างแน่นอน หน้าจอขนาด 4.0 นิ้ว ความละเอียด 480x800 พิกเซล ถือได้ว่ามีหน้าจอขนาดที่ค่อนข้างใหญ่ เมื่อเทียบกับพี่น้องอย่าง Ace Plus นั่นเอง
อีกข้อที่ได้เปรียบ ACE Plus ก็คือการที่ใช้งาน Android 4.0 ซะด้วย ทำให้แลดูมีอนาคตที่สดใสกว่ากันนั่นเอง
฿5,000 - 10,000
สำหรับช่วงราคาห้าพันถึงหนึ่งหมื่นบาทนี้ก็เป็นอีกช่วงราคาที่มีการต่อสู้กันเยอะ เนื่องจากคนไทยเราจะพยายามไม่ให้ตัวเลขบานปลาย กระโดดขึ้นไปแตะอีกหลักหนึ่งนั่นเอง แนวต้านเก้าพัน - หมื่นบาท ถือเป็นแนวตั้งรับที่ค่อนข้างหนา แม้ว่าหลายคนแนวต้านพัง กระโดดไปหมื่นสอง หมื่นสามพันบาทบ้างก็ตามที โดยรวมแล้วช่วงราคาแถวนี้เป็นช่วงราคายอดนิยมอีกช่วงครับ
Samsung Galaxy S3 Mini - 8,9xx บาท
Galaxy S3 Mini นี้ถือได้ว่าเป็นตัวสืบทอดหน้าตาของ Galaxy S3 รุ่นท็อปของปีที่แล้วนั่นเอง หรือถ้าจะว่ากันตามตรงก็คือสำหรับคนที่อยากได้ Galaxy S3 แต่ไม่ต้องการฟีเจอร์เวอร์เกินนั่นเอง
จุดเด่นก็คือหน้าจอ ที่เป็น Super AMOLED ขนาด 4 นิ้ว ความละเอียด 480x800 และมี RAM ถึง 1GB ส่วนหน่วยประมวลผลนั้นแม้ว่าจะไม่ใช่ Samsung Exynos แต่ก็ใช้หน่วยที่เชื่อถือได้อย่าง NovaThor ที่ถือได้ว่าแรงไม่แพ้กัน รวมทั้งใช้ระบบปฏิบัติการ Android 4.1 (Jelly Bean) ครับผม
Samsung Galaxy Ace 2 - 6,xxx บาท
Ace 2 ก็คือทายาทสืบทอดจาก Ace นั่นเอง สำหรับรุ่นนี้นั้นต่อยอดมาจากเดิมไม่มากมายนัก โดยมีหน้าจอ 3.8 นิ้ว ความละเอียด 480x800 พิกเซล และมี RAM เพียง 768 MB เท่านั้น
สำหรับหน่วยประมวลผลก็ใช้ NovaThor เช่นเดียวกับ Galaxy S3 Mini (แต่คนละรุ่นกัน) โดยตอนออกมานั้นยังคงใช้งาน Android 2.3 อยู่ แต่ล่าสุดสามารถอัพเกรดเป็น Jelly Bean ได้แล้ว (4.1.2) จุดเด่นยังเหมือนเคยคือรองรับ FM Radio และใช้งาน GPS + GLONASS
SONY Xperia L - 9,xxx บาท
สำหรับ Xperia L นั้นจะมีการแยกรุ่น 3G ระหว่าง 900 กับ 850 ควรตรวจสอบให้ดีก่อนทำการซื้อว่ารุ่นไหนรองรับ 3G เครือข่ายที่เราใช้อยู่ สำหรับรุ่นนี้ถือเป็นระยะเริ่มต้นสู่การก้าวเข้าอารยธรรม หน้าจอ 4.3 นิ้ว ความละเอียด 480x854 พิกเซล และกระจกกันรอย (ไม่ได้เผยชื่อว่าใช้ของอะไร) เซนเซอร์กล้องของ SONY เอง และใช้งาน Android 4.1 (Jelly Bean) น่าเสียดาย ที่ใช้ซีพียูค่อนข้างต่ำไปหน่อย อาจจะช้าในหลายๆ โอกาส แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อมองว่าเป็นยี่ห้อ SONY แล้ว ราคานี้ถือว่าถูกๆ ในตระกูล Xperia รุ่นใหม่
SONY Xperia Sola - 7,xxx บาท
Sola อาจจะเป็นโทรศัพท์ที่เก่าสักหน่อย เพราะออกมาตั้งแต่ปี 2012 แถมตามสไตล์ SONY ที่ชอบใส่ไส้ในเก่าเกินแกง ทำให้แม้ว่าะวางขายปี 2012 แต่สเปคกลับเทียบเท่ารุ่นปี 2011 เสียด้วยซ้ำไป
Xperia Sola นั้นออกมาในช่วงที่ SONY เริ่มผลิตสมาร์ทโฟน Xperia ออกมามากรุ่น (ในช่วงนั้นยังมี Xperia S, Xperia P, Xperia U, Xperia ION และอีกเพียบ) สำหรับจุดเด่นของ Sola คือหน้าจอ 3.7 นิ้ว ความละเอียดระดับ 480 x 854 พิกเซล และมีหน้าจอ SONY Mobile Bravia Engine นั่นเอง ตอนแรกที่วางจำหน่ายใช้งาน Android 2.3 ปัจจุบันสามารถอัพเกรดได้เป็น Android 4.0.x แล้ว
SONY Xperia U - 7,xxx บาท
Xperia U นั้นถือได้ว่าเป็น Budget Phone จากทาง SONY ในช่วงปี 2012 เลยก็ว่าได้ โดยมีหน้าจอ 3.5 นิ้ว ความละเอียด 480 x 854 พิกเซล และสามารถเปลี่ยนแท่นสีด้านล่างของตัวเครื่องได้ แน่นอนว่ายังคงมี SONY Mobile Bravia Engine เช่นกัน ตอนแรกก็ยังคงใช้งาน Android 2.3 ปัจจุบันสามารถติดตั้ง Android 4.0 ได้ และยังมีแผนที่จะได้รับอัพเดทเป็น 4.1 อีกด้วย
SONY Xperia P - 9,xxx บาท
Xperia P นั้นถือว่าเป็นโทรศัพท์รุ่นท็อป (ไม่นับ Xperia S ที่ถือเป็น Flagship ในตอนนั้น) ท่ามกลางกลุ่ม Budget จากทาง SONY เมื่อตอนปี 2012 ไม่ว่าจะเป็นการที่มีรุ่นเดียวรองรับ 3G ทุกความถี่ ไม่เหมือนตัวอื่นๆ ที่แยกรุ่นระหว่าง 850 กับ 900 ออกจากกัน รวมถึงใช้หน้าจอ 4.0 นิ้ว ความละเอียด 540x960 พิกเซล, Mobile Bravia Engine, WhiteMagic Technology แน่นอนว่าใช้ Android 2.3 (ที่สามารถอัพเกรดได้เป็น Android 4.0 และมีแผนจะอัพเกรดเป็น 4.1 ในอนาคต)
Oppo Find Clover - 8,xxx บาท
Oppo Find Clover นั้นแม้อาจจะดูไม่ค่อยมีภูมิฐานเหมือนอย่าง SONY หรือ Samsung แต่ว่าสเปคภายในที่อัดแน่นไปด้วยความสามารถด้าน Entertainment นั้นมีเยอะอย่างไม่น่าเชื่อ
สำหรับในตัว Find Clover นั้นมีลำโพงสเตอริโอ และชิปประมวลผลเสียงจาก Burr-Brown ทำให้ระบบเสียงดีอย่างไม่น่าเชื่อว่าอยู่ในช่วงราคาไม่ถึง 10,000 บาท นอกจากนั้นยังรองรับ 3G ทุกเครือข่ายอีกด้วย รวมไปถึงใช้งานชิป Quad Core ที่ไม่น่าจะใส่ได้ในช่วงงบราคาเช่นนี้
จุดเด่นของ Find Clover นอกจากระบบเสียง และหน่วยประมวลผล Quad-Core แล้วยังรองรับการใช้งาน 2-SIM อีกด้วย (เป็น SIM ปกติ 1 ซิม และ Micro SIM อีก 1 ซิม) และใช้งาน Android 4.2.1 เรียกได้ว่าในช่วงราคาระดับเดียวกันนี้ Oppo Find Clover ใส่มาจัดเต็มกว่าเจ้าอื่นอย่างเห็นได้ชัดเลยทีเดียว
hTC One V - 7,xxx บาท
มาที่ค่ายดังอย่าง hTC กันบ้าง สำหรับ One V เองก็ถือว่าเป็นน้องเล็ก ที่เปิดตัวไปเมื่อปีที่แล้ว โดยส่วนตัวแล้วชอบหน้าตาอย่างนี้ แม้จะแปลกไปบ้าง ไม่ว่าจะเป็นทรง Candybar แต่คางหักเข้าหาผู้พูดเล็กน้อยตอนด้านล่าง
สำหรับหน้าจอนั้นเป็นเพียง SuperLCD2 เท่านั้น หน้าจอ 3.7 นิ้ว ความละเอียด 480x800 พิกเซล ใช้ Sense UI 4.0 ครอบทับอีกทีหนึ่ง ตอนเปิดตัวเป็น Android 4.0.3 และไม่ได้อัพเกรดเป็น 4.1 ทำให้ความน่าสนใจลดลงไปอีกเล็กน้อย ระบบเสียงนั้นใช้ของ beat audio ทำให้เสียงดัง กังวาลฟังชัดไม่ต้องกังวลแต่ประการใด งานนี้ใครซื้อต้องวัดใจไปอัพเกรดกับรอมนอกเอาเอง
ขอขอบคุณบทความดีดีจากเว็บ
overclockzone.com ครับ
http://www.overclockzone.com/reviews/hypertext78/2013/07/buyaphone2/
Budget Phone: มีเงินไม่เกินหมื่นซื้อโทรศัพท์รุ่นไหนดี ?
Nokia Lumia 520 - 5xxx บาท (อาจผันแปรได้)
ผมเชื่อว่าทุกคนที่ใช้โทรศัพท์มือถือต้องเคยใช้โนเกียมาก่อน และเชื่อเถอะว่าแบรนด์โนเกียในใจนั้นยังคงขลังมาจนถึงทุกวันนี้ สำหรับ Lumia 520 นั้นถือได้ว่าเป็น Windows Phone 8 ราคาถูกที่สุดในตอนนี้ คือราคาเพียงเกือบๆ หกพันบาท เชื่อเถอะว่าชื่อโนเกียยังขายได้อยู่เสมอ
สำหรับจุดเด่นก็คงไม่พ้นการที่ใช้ Micro-Sim เหมือนกับโทรศัพท์สมัยใหม่รุ่นอื่นๆ หน้าจอขนาด 4.0 นิ้ว (ความละเอียด 480x800 พิกเซล) และใช้ GPS + GLONASS (โดยปกติแล้วรุ่นถูกขนาดนี้มักจะไม่มี GLONASS) นอกนั้นก็เป็นไปตามมาตรฐานของ Windows Phone 8 ครับผม
Acer Liquid Z2 - 3,9xx บาท
สำหรับ Acer Liquid Z2 นี้ก็ถือได้ว่าเป็นการชิงตลาดล่างสำหรับสมาร์ทโฟนจากค่ายโน้ตบุคที่เรารู้จักกันดีครับ สำหรับสเปคนี้ก็ถือได้ว่าหดตามราคา ไม่ว่าจะเป็นรองรับ 3G ที่ความถี่ 900 MHz (บ้านเราก็คือ AIS เจ้าเดียว) หรือใช้ SIM ขนาดปกตินั่นเองครับ หน้าจอ 3.5 นิ้ว ความละเอียด 320 x 480 พิกเซล
จุดเด่นก็น่าจะเป็นใช้งาน Android เวอร์ชัน Jelly Bean 4.1.1 เลยทีเดียวครับ น่าจะเป็นอินเตอร์แบรนด์ที่ได้ Jelly Bean ในราคาที่ถูกมากๆ ที่สุดตัวหนึ่งในตอนนี้แล้วนั่นเอง
Oppo Find Guitar - 55xx บาท
สำหรับแบรนด์หน้าใหม่อย่าง Oppo นั้นก็ส่งมาให้เรารีวิวหลายครั้งแล้ว จริงๆ Oppo ก็เป็นแบรนด์ที่อยู่ในตลาดมาสักพักแล้ว ไม่ใช่หน้าใหม่เท่าไหร่ แต่เนื่องจากมีการรีแบรนด์ภาพลักษณ์ให้ดีขึ้นเมื่อปีที่แล้ว และถือเป็นการเข้าสู่ตลาดสมาร์ทโฟนอย่างจริงจังนั่นเอง
สำหรับ Oppo Find Guitar นี้แม้ราคาจะเล็ก แต่สเปคก็ถือว่าไม่ธรรมดา ไม่ว่าจะเป็นการรองรับ 3G ทุกเครือข่าย หน้าจอ IPS (ขนาด 3.5 นิ้ว ความละเอียด 320x480) ติดที่จอเล็กไปนิดหน่อย และอัพเกรดระบบปฏิบัติการได้ ตอนเปิดตัวเป็น Android 2.3 ปัจจุบันล่าสุดไปได้ถึง Android 4.0.2 แล้วนั่นเอง
hTC 8S - 59xx บาท
คราวนี้มาเจอกับ Windows Phone รุ่นกลางๆ กันบ้างกับ hTC 8S แต่เดิมนั้นรุ่นนี้ถือว่าอยู่ในเกณฑ์กลางๆ ค่อนบนเสียด้วยซ้ำ แต่ช่วงนี้ Windows Phone 8 ราคาร่วงกราวกันเยอะ ทำให้มีสิทธิ์สอยอดีตนางฟ้ามาได้ สำหรับราคา 59xx นี้เป็นราคาโปรโมชัน (ที่ไม่แน่ใจว่าจะคงราคานี้ไปตลอดจนสินค้าหมดหรือเปล่า) ถือได้ว่าคุ้ม สำหรับคนที่อยากจะลองใช้งาน Windows Phone แต่ถ้าคนทั่วไปที่ไม่สนใจว่าจะต้องเป็น Windows Phone เราเคยรีวิวกันไปแล้ว ผมว่าคุณภาพพอผ่าน ถ้าอยู่ในราคาช่วงนี้ครับ
ข้อเด่นของเครื่องนี้ก็คือหน้าจอ 4.0 นิ้ว ความละเอียด 480x800 พิกเซล ระบบ GPS+GLONASS และใช้งาน Windows Phones 8 นั่นเองครับ
Samsung Galaxy Ace Plus- 59xx บาท
มาถึงแบรนด์จอมถล่มราคาอย่าง Samsung กันบ้าง สำหรับตระกูลโทรศัพท์แอนดรอยด์ ทาง Samsung จะทำการตลาดภายใต้แบรนด์ Galaxy ทั้งหมด โดยรุ่นนี้จะใช้ซิมปกติ รองรับ 3G เฉพาะ 900/2100 (ว่าง่ายๆ คือ AIS และ TOT)
สำหรับโทรศัพท์เครื่องนี้ ใช้หน้าจอ 3.65 นิ้ว ความละเอียด 320x480 พิกเซล ครอบด้วย TouchWiz UI อีกทีหนึ่ง ระบบปฏิบัติการอาจจะเก่าไปหน่อยสำหรับ Android 2.3 แต่ก็ว่าอะไรไม่ได้มาก เนื่องจากเป็นโทรศัพท์ที่ค่อนข้างจะเก่าในตลาดตัวหนึ่ง (แต่ดันไม่ตกกระป๋องหายไปเสียที เป็นที่น่าประหลาดใจยิ่ง) สิ่งที่น่าสนใจสำหรับตลาดกลุ่มราคานี้ก็คงจะเป็นการมี FM ในตัวนั่นเองครับ
Samsung Galaxy S Duos - 59xx บาท
สำหรับ Galaxy S Duos นี้แปะแบรนด์ Duos ก็แปลว่าสามารถใส่ซิมได้ 2 ซิมนั่นเอง โดยไม่น่าแปลกใจนัก เพราะหลายๆ เครื่องของ Samsung ที่คัดมาขายในประเทศไทยเป็นรุ่นที่รองรับ Duos Sim และวางขายในไม่กี่ประเทศเสียด้วย
สำหรับรุ่นนี้ยังคงรองรับความถี่ 3G ที่ 900/2100 เช่นเคย แปลว่าถ้าจะให้ชัวร์ก็คือใช้ AIS จะใช้ 3G ได้อย่างแน่นอน หน้าจอขนาด 4.0 นิ้ว ความละเอียด 480x800 พิกเซล ถือได้ว่ามีหน้าจอขนาดที่ค่อนข้างใหญ่ เมื่อเทียบกับพี่น้องอย่าง Ace Plus นั่นเอง
อีกข้อที่ได้เปรียบ ACE Plus ก็คือการที่ใช้งาน Android 4.0 ซะด้วย ทำให้แลดูมีอนาคตที่สดใสกว่ากันนั่นเอง
฿5,000 - 10,000
สำหรับช่วงราคาห้าพันถึงหนึ่งหมื่นบาทนี้ก็เป็นอีกช่วงราคาที่มีการต่อสู้กันเยอะ เนื่องจากคนไทยเราจะพยายามไม่ให้ตัวเลขบานปลาย กระโดดขึ้นไปแตะอีกหลักหนึ่งนั่นเอง แนวต้านเก้าพัน - หมื่นบาท ถือเป็นแนวตั้งรับที่ค่อนข้างหนา แม้ว่าหลายคนแนวต้านพัง กระโดดไปหมื่นสอง หมื่นสามพันบาทบ้างก็ตามที โดยรวมแล้วช่วงราคาแถวนี้เป็นช่วงราคายอดนิยมอีกช่วงครับ
Samsung Galaxy S3 Mini - 8,9xx บาท
Galaxy S3 Mini นี้ถือได้ว่าเป็นตัวสืบทอดหน้าตาของ Galaxy S3 รุ่นท็อปของปีที่แล้วนั่นเอง หรือถ้าจะว่ากันตามตรงก็คือสำหรับคนที่อยากได้ Galaxy S3 แต่ไม่ต้องการฟีเจอร์เวอร์เกินนั่นเอง
จุดเด่นก็คือหน้าจอ ที่เป็น Super AMOLED ขนาด 4 นิ้ว ความละเอียด 480x800 และมี RAM ถึง 1GB ส่วนหน่วยประมวลผลนั้นแม้ว่าจะไม่ใช่ Samsung Exynos แต่ก็ใช้หน่วยที่เชื่อถือได้อย่าง NovaThor ที่ถือได้ว่าแรงไม่แพ้กัน รวมทั้งใช้ระบบปฏิบัติการ Android 4.1 (Jelly Bean) ครับผม
Samsung Galaxy Ace 2 - 6,xxx บาท
Ace 2 ก็คือทายาทสืบทอดจาก Ace นั่นเอง สำหรับรุ่นนี้นั้นต่อยอดมาจากเดิมไม่มากมายนัก โดยมีหน้าจอ 3.8 นิ้ว ความละเอียด 480x800 พิกเซล และมี RAM เพียง 768 MB เท่านั้น
สำหรับหน่วยประมวลผลก็ใช้ NovaThor เช่นเดียวกับ Galaxy S3 Mini (แต่คนละรุ่นกัน) โดยตอนออกมานั้นยังคงใช้งาน Android 2.3 อยู่ แต่ล่าสุดสามารถอัพเกรดเป็น Jelly Bean ได้แล้ว (4.1.2) จุดเด่นยังเหมือนเคยคือรองรับ FM Radio และใช้งาน GPS + GLONASS
SONY Xperia L - 9,xxx บาท
สำหรับ Xperia L นั้นจะมีการแยกรุ่น 3G ระหว่าง 900 กับ 850 ควรตรวจสอบให้ดีก่อนทำการซื้อว่ารุ่นไหนรองรับ 3G เครือข่ายที่เราใช้อยู่ สำหรับรุ่นนี้ถือเป็นระยะเริ่มต้นสู่การก้าวเข้าอารยธรรม หน้าจอ 4.3 นิ้ว ความละเอียด 480x854 พิกเซล และกระจกกันรอย (ไม่ได้เผยชื่อว่าใช้ของอะไร) เซนเซอร์กล้องของ SONY เอง และใช้งาน Android 4.1 (Jelly Bean) น่าเสียดาย ที่ใช้ซีพียูค่อนข้างต่ำไปหน่อย อาจจะช้าในหลายๆ โอกาส แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อมองว่าเป็นยี่ห้อ SONY แล้ว ราคานี้ถือว่าถูกๆ ในตระกูล Xperia รุ่นใหม่
SONY Xperia Sola - 7,xxx บาท
Sola อาจจะเป็นโทรศัพท์ที่เก่าสักหน่อย เพราะออกมาตั้งแต่ปี 2012 แถมตามสไตล์ SONY ที่ชอบใส่ไส้ในเก่าเกินแกง ทำให้แม้ว่าะวางขายปี 2012 แต่สเปคกลับเทียบเท่ารุ่นปี 2011 เสียด้วยซ้ำไป
Xperia Sola นั้นออกมาในช่วงที่ SONY เริ่มผลิตสมาร์ทโฟน Xperia ออกมามากรุ่น (ในช่วงนั้นยังมี Xperia S, Xperia P, Xperia U, Xperia ION และอีกเพียบ) สำหรับจุดเด่นของ Sola คือหน้าจอ 3.7 นิ้ว ความละเอียดระดับ 480 x 854 พิกเซล และมีหน้าจอ SONY Mobile Bravia Engine นั่นเอง ตอนแรกที่วางจำหน่ายใช้งาน Android 2.3 ปัจจุบันสามารถอัพเกรดได้เป็น Android 4.0.x แล้ว
SONY Xperia U - 7,xxx บาท
Xperia U นั้นถือได้ว่าเป็น Budget Phone จากทาง SONY ในช่วงปี 2012 เลยก็ว่าได้ โดยมีหน้าจอ 3.5 นิ้ว ความละเอียด 480 x 854 พิกเซล และสามารถเปลี่ยนแท่นสีด้านล่างของตัวเครื่องได้ แน่นอนว่ายังคงมี SONY Mobile Bravia Engine เช่นกัน ตอนแรกก็ยังคงใช้งาน Android 2.3 ปัจจุบันสามารถติดตั้ง Android 4.0 ได้ และยังมีแผนที่จะได้รับอัพเดทเป็น 4.1 อีกด้วย
SONY Xperia P - 9,xxx บาท
Xperia P นั้นถือว่าเป็นโทรศัพท์รุ่นท็อป (ไม่นับ Xperia S ที่ถือเป็น Flagship ในตอนนั้น) ท่ามกลางกลุ่ม Budget จากทาง SONY เมื่อตอนปี 2012 ไม่ว่าจะเป็นการที่มีรุ่นเดียวรองรับ 3G ทุกความถี่ ไม่เหมือนตัวอื่นๆ ที่แยกรุ่นระหว่าง 850 กับ 900 ออกจากกัน รวมถึงใช้หน้าจอ 4.0 นิ้ว ความละเอียด 540x960 พิกเซล, Mobile Bravia Engine, WhiteMagic Technology แน่นอนว่าใช้ Android 2.3 (ที่สามารถอัพเกรดได้เป็น Android 4.0 และมีแผนจะอัพเกรดเป็น 4.1 ในอนาคต)
Oppo Find Clover - 8,xxx บาท
Oppo Find Clover นั้นแม้อาจจะดูไม่ค่อยมีภูมิฐานเหมือนอย่าง SONY หรือ Samsung แต่ว่าสเปคภายในที่อัดแน่นไปด้วยความสามารถด้าน Entertainment นั้นมีเยอะอย่างไม่น่าเชื่อ
สำหรับในตัว Find Clover นั้นมีลำโพงสเตอริโอ และชิปประมวลผลเสียงจาก Burr-Brown ทำให้ระบบเสียงดีอย่างไม่น่าเชื่อว่าอยู่ในช่วงราคาไม่ถึง 10,000 บาท นอกจากนั้นยังรองรับ 3G ทุกเครือข่ายอีกด้วย รวมไปถึงใช้งานชิป Quad Core ที่ไม่น่าจะใส่ได้ในช่วงงบราคาเช่นนี้
จุดเด่นของ Find Clover นอกจากระบบเสียง และหน่วยประมวลผล Quad-Core แล้วยังรองรับการใช้งาน 2-SIM อีกด้วย (เป็น SIM ปกติ 1 ซิม และ Micro SIM อีก 1 ซิม) และใช้งาน Android 4.2.1 เรียกได้ว่าในช่วงราคาระดับเดียวกันนี้ Oppo Find Clover ใส่มาจัดเต็มกว่าเจ้าอื่นอย่างเห็นได้ชัดเลยทีเดียว
hTC One V - 7,xxx บาท
มาที่ค่ายดังอย่าง hTC กันบ้าง สำหรับ One V เองก็ถือว่าเป็นน้องเล็ก ที่เปิดตัวไปเมื่อปีที่แล้ว โดยส่วนตัวแล้วชอบหน้าตาอย่างนี้ แม้จะแปลกไปบ้าง ไม่ว่าจะเป็นทรง Candybar แต่คางหักเข้าหาผู้พูดเล็กน้อยตอนด้านล่าง
สำหรับหน้าจอนั้นเป็นเพียง SuperLCD2 เท่านั้น หน้าจอ 3.7 นิ้ว ความละเอียด 480x800 พิกเซล ใช้ Sense UI 4.0 ครอบทับอีกทีหนึ่ง ตอนเปิดตัวเป็น Android 4.0.3 และไม่ได้อัพเกรดเป็น 4.1 ทำให้ความน่าสนใจลดลงไปอีกเล็กน้อย ระบบเสียงนั้นใช้ของ beat audio ทำให้เสียงดัง กังวาลฟังชัดไม่ต้องกังวลแต่ประการใด งานนี้ใครซื้อต้องวัดใจไปอัพเกรดกับรอมนอกเอาเอง
ขอขอบคุณบทความดีดีจากเว็บ overclockzone.com ครับ
http://www.overclockzone.com/reviews/hypertext78/2013/07/buyaphone2/