เรื่องมันเริ่มจากน้องที่คุยงานกันประจำดูเปลี่ยนไปมาก ทั้งๆ ตัวเราเองไม่ได้คิดว่าจะเกิดจากปัญหาเรื่องส่วนตัว เพราะไม่เคยคิดร้ายกับน้องคนนี้ คิดแต่ว่าที่น้องแปลกๆ ไปน่าจะเป็นจากเรื่องงาน เพราะช่วงนั้นงานที่ต้องประสานกันมีปัญหาเรื่องลูกค้าบ่อยๆ แต่เมื่อความอึดอัดมันมากขึ้น น้องเขาเดินมาถามว่า "พี่มีอะไรกับหนูหรือเปล่า?" ตัวเราก็อึ้ง ถามตอบกลับไปว่า "น้องนะแหละมีอะไรกับพี่หรือเปล่า"
น้องเขาตอบมาว่า "เรื่องมีอยู่ว่า มีคนมาบอกหนู ว่าพี่มาว่าหนูเงินเดือนเยอะแต่ทำงานไม่เป็น พี่ได้พูดอย่างนั้นไหม?"
พอเราได้ยินแบบนั้น เราน้ำตาแทบไหล ทั้งๆ ที่เราไม่เคยคิดร้ายกับน้องคนนี้ แต่กลับมามีปัญหาแบบนี้ได้ เราตอบไปว่า สาบานไม่เคยพูดเลย ซึ่งความจริงเราก็ไม่ได้พูดจริงๆ
พอเคลียร์กันได้ น้องเขาก็ขอโทษเรา และบอกไม่ต้องคิดมากแล้ว แต่ไม่บอกว่าคนๆ นั้นที่ปั่นกระแสคือใคร น้องบอกว่าอย่าพูดถึงมันอีกเลย
แต่...หลังจากนั้นไม่นาน บรรยากาศก็มาคุเหมือนเดิม เราไม่รู้ว่าแต่ละคนไปฟังอะไร คุยอะไรเพิ่มเติมกันมา ถึงแม้เรื่องจะเคลียร์ แต่ความในใจน้องคงไม่เคลียร์ หรือคนปั่นกระแสมันไม่เลิก เพราะมันลามไปคนที่ 2 คนที่ 3 คนที่ 4
ตอนนี้เราไม่มีความสุขในการทำงานเลย บางทีก็โดนแขวะบ้าง ซึ่งไม่เข้าใจว่าเพื่ออะไร
คือตัวเราเองสนิทกับหัวหน้า แต่ก่อนสนิทเราทะเลาะกับหัวหน้าประจำ ด้วยความที่เป็นหัวหน้าใหม่ ไม่เข้าใจงาน แต่พอนายใหญ่มาเคลียร์ทุกอย่างกับหัวหน้าเลยดีขึ้น แต่เรากลับโดนมองว่าเป็นคู่จิ้นกับหัวหน้าซะอีก ด้วยเหตุผลที่ว่าเราทำงานจองเราตามหน้าที่เป๊ะทุกอย่าง เช่น Performance เราถึง Target ตลอดเนื่องจากเราเป็นเซลล์ ทำ Targer ได้คือค่าคอมมิชชั่นเพิ่ม ไม่ได้หวังจะเอาหน้า แต่เราอยากได้เงิน โดย Target ที่ทำก็ไม่เกี่ยวข้องกับใครอยู่แล้ว แม้กระทั่งเซลล์ด้วยกันเพราะแยกความรับผิดชอบกันชัดเจน
แต่เราไม่รู้ด้วยเหตุผลที่เราทำผลงานดี นายชื่นชม ไม่ด่า ไม่ว่า แต่กัยเซลล์คนอื่นเขาจะใช้ไม้แข็งทุกคนเพราะเกี่ยวเนื่องกีบ Performance ของแต่ละคน เลยทำให้โดนหมั่นไส้หรือเปล่าก็ไม่รู้
เครียดค่ะ ทำอย่างไรถึงจะอยู่ตรงนี้ได้ท่ามกลางบรรยากาศที่เราโดนมองเป็นคนร้ายกาจ ทั้งที่เราไม่เคยทำร้ายใครก่อนเลย (แต่ถ้าใครทำร้ายเราก่อนก็ไม่ยอมเหมือนกัน)
เป้าหมายเราคือสิ้นปีนี้เราหมดภาระหนี้สิน ปีต่อไปเก็บเงินเท่านั้น และจะหยุดทำงานเมื่อเก็บเงินพอสร้างธุรกิจเล็กๆ ของเราได้ ซึ่งน่าจะไม่เกิน 2 ปีต่อจากนี้ แต่ไม่รู้จะทนได้หรือเปล่า
เหนื่อยจังกับสังคมแบบนี้ คงเป็นเวรเป็นกรรมของเราที่ต้องมาเจอกับพวกเขา ทำอย่างไรจะได้จากกันไวๆ คะ เครียดจังเลย T T
ถ้าโดนคนที่ไม่หวังดีปั่นกระแสให้คนในออฟฟิศเกลียดเรา
น้องเขาตอบมาว่า "เรื่องมีอยู่ว่า มีคนมาบอกหนู ว่าพี่มาว่าหนูเงินเดือนเยอะแต่ทำงานไม่เป็น พี่ได้พูดอย่างนั้นไหม?"
พอเราได้ยินแบบนั้น เราน้ำตาแทบไหล ทั้งๆ ที่เราไม่เคยคิดร้ายกับน้องคนนี้ แต่กลับมามีปัญหาแบบนี้ได้ เราตอบไปว่า สาบานไม่เคยพูดเลย ซึ่งความจริงเราก็ไม่ได้พูดจริงๆ
พอเคลียร์กันได้ น้องเขาก็ขอโทษเรา และบอกไม่ต้องคิดมากแล้ว แต่ไม่บอกว่าคนๆ นั้นที่ปั่นกระแสคือใคร น้องบอกว่าอย่าพูดถึงมันอีกเลย
แต่...หลังจากนั้นไม่นาน บรรยากาศก็มาคุเหมือนเดิม เราไม่รู้ว่าแต่ละคนไปฟังอะไร คุยอะไรเพิ่มเติมกันมา ถึงแม้เรื่องจะเคลียร์ แต่ความในใจน้องคงไม่เคลียร์ หรือคนปั่นกระแสมันไม่เลิก เพราะมันลามไปคนที่ 2 คนที่ 3 คนที่ 4
ตอนนี้เราไม่มีความสุขในการทำงานเลย บางทีก็โดนแขวะบ้าง ซึ่งไม่เข้าใจว่าเพื่ออะไร
คือตัวเราเองสนิทกับหัวหน้า แต่ก่อนสนิทเราทะเลาะกับหัวหน้าประจำ ด้วยความที่เป็นหัวหน้าใหม่ ไม่เข้าใจงาน แต่พอนายใหญ่มาเคลียร์ทุกอย่างกับหัวหน้าเลยดีขึ้น แต่เรากลับโดนมองว่าเป็นคู่จิ้นกับหัวหน้าซะอีก ด้วยเหตุผลที่ว่าเราทำงานจองเราตามหน้าที่เป๊ะทุกอย่าง เช่น Performance เราถึง Target ตลอดเนื่องจากเราเป็นเซลล์ ทำ Targer ได้คือค่าคอมมิชชั่นเพิ่ม ไม่ได้หวังจะเอาหน้า แต่เราอยากได้เงิน โดย Target ที่ทำก็ไม่เกี่ยวข้องกับใครอยู่แล้ว แม้กระทั่งเซลล์ด้วยกันเพราะแยกความรับผิดชอบกันชัดเจน
แต่เราไม่รู้ด้วยเหตุผลที่เราทำผลงานดี นายชื่นชม ไม่ด่า ไม่ว่า แต่กัยเซลล์คนอื่นเขาจะใช้ไม้แข็งทุกคนเพราะเกี่ยวเนื่องกีบ Performance ของแต่ละคน เลยทำให้โดนหมั่นไส้หรือเปล่าก็ไม่รู้
เครียดค่ะ ทำอย่างไรถึงจะอยู่ตรงนี้ได้ท่ามกลางบรรยากาศที่เราโดนมองเป็นคนร้ายกาจ ทั้งที่เราไม่เคยทำร้ายใครก่อนเลย (แต่ถ้าใครทำร้ายเราก่อนก็ไม่ยอมเหมือนกัน)
เป้าหมายเราคือสิ้นปีนี้เราหมดภาระหนี้สิน ปีต่อไปเก็บเงินเท่านั้น และจะหยุดทำงานเมื่อเก็บเงินพอสร้างธุรกิจเล็กๆ ของเราได้ ซึ่งน่าจะไม่เกิน 2 ปีต่อจากนี้ แต่ไม่รู้จะทนได้หรือเปล่า
เหนื่อยจังกับสังคมแบบนี้ คงเป็นเวรเป็นกรรมของเราที่ต้องมาเจอกับพวกเขา ทำอย่างไรจะได้จากกันไวๆ คะ เครียดจังเลย T T