เมื่อวานมีโยมผู้หญิงท่านหนึ่งเข้ามากราบหลวงปู่บอกว่ามาทำบุญแถวอีสาน (เธอเป็นเจ้าของบริษัทที่มตราเป็นดอกไม้) แล้วกราบเรียนถามหลวงปู่ถึงสถานะการณ์ปัจจุบัน ที่เธอกำลังทุกข์ใจ
โยม: หลวงปู่เจ้าขาโยมทำบุญสนับสนุนกิจการพระศาสนาทุกอย่าง ตั้งแต่นิมนต์พระมาเทศน์ที่บริษัท ถวายรถ ถวายของ ถวายปัจจัย หลงเชื่อว่าพระรูปนั้นเป็นพระอรหันต์ตามที่เค้าโฆษณากัน แต่พอเรื่องจริงกลับเป็นเพียงคนในผ้าเหลืองที่เอาสวรรค์มาขาย นิพพานมาล่อ เพื่อความสุขสบายของตนเอง อย่างนี้โยมจะได้บุญหรือไม่เจ้าค่ะ แล้วโยมจะเป็นบาปที่สนับสนุนเขาทำความชั่วรึเปล่า
หลวงปู่: เหอะๆ เจ้าคิดมากไปรึเปล่า
โยม: ก็นั้นสิเจ้าค่ะโยมจึงทุกข์เหลือเกิน กลัวบุญที่ทำไปไม่ได้บุญ กลัวบาปที่ทำโดยไม่รู้ตัว
หลวงปู่: ตอนถวายเขาไปนั้นมีความคิดยังไง
โยม: ก็ศรัทธาท่านเจ้าค่ะ ถึงทุ่มเทถวาย
หลวงปู่: คุณ ฉันอาศัยคำพระพุทธเจ้าดอกนะ ท่านว่า
นัตถิจิตตังปะสันนัมหิ อัปกานามะปะทักขิณา แปลว่า เมื่อจิตของคุณเลื่อมใสแล้วบุญที่ชื่อว่าน้อยย่อมไม่มี ตอนที่คุณถวายคุณมีศรัทธามาก นั้นเป็นเรื่องอดีต บุญที่เกิดขึ้นในอดีตมันเป็นบุญมหาศาลแต่ปัจจุบันคุณเสื่อมศรัทธาจากท่านแล้วมันเป็นปัจจุบันไม่ใช่อดีต เรื่องแล้วก็แล้วกันไป เป็นบุญแล้วเราไม่แก้ไขแล้ว ส่วนการสนับสนุนเขาทำบาปไหม อย่างนั้นยาสีฟันชุดนี้ที่โยมถวายมาโยมก็เอาคืนไป
โยม: โยมไม่เอาคืนหรอกเจ้าค่ะ เพราะโยมถวายหลวงปู่แล้วนี่ เป็นของหลวงปู่แล้ว
หลวงปู่:
เอ้า ก็คุณถวายมาแล้ว อาตมาจะเอาไปทำอะไรก็เรื่องของอาตมานี่ จะให้คืนโยมก็เป็นสิทธิ์ของอาตมา ถ้าคุณถวายมาแล้วยังตามมาบอกอาตมาว่าต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้ก็แสดงว่ามันยังเป็นของคุณอยู่ มันยังไม่ใช่ของอาตมา ของที่คุณถวายไปแล้วมันเป็นบุญแล้ว คนที่รับเขาจะเอาไปทำบาปหรือทำบุญมันเป็นเรื่องของเขา เราให้แล้วเราได้บุญแล้วขาดจากความเป็นเจ้าของของเรา เขาจะเอาไปทำดีมันก็ดีแก่เขา เอาไปทำชั่วมันก็ชั่วแก่เขา
ในสมัยหนึ่งพระเจ้าพรหมทัตใส่บาตรพระวันละ 500 รูป ท่านทำของท่านประจำ มีขี้เมาคนหนึ่งอยากหาอาหารง่ายๆ จึงโกนหัวห่มผ้าเหลืองไปบิณฑบาต พระเจ้าพรหมทัตได้เห็นก็ศรัทธามากเหลือเกิน เพราะพระรูปนี้หน้าแดงเหมือนลูกตำลึง ดูราศีเปล่งปลั่ง ก็ศรัทธาน้อมถวายอาหาร แล้วสั่งให้อำมาตย์ติดตามไปดูว่าท่านเป็นมนุษย์หรือเทวดา เพราะราศีท่านผ่องใสเหลือเกิน ถ้าท่านเหาะไปแสดงว่าท่านเป็นเทวดา ถ้าท่านดำดินแสดงว่าท่านเป็นนาคราช ถ้าท่านเดินออกนอกเมืองแสดงว่าท่านเป็นมนุษย์หรือพระอรหันต์ อำมาตย์ก็ติดตามไปพบว่าพระรูปนั้นเปลื้องจีวรออกแล้วไปกินเหล้า เห็นดังนั้นก็กลัวพระราชอาญาจึงไปกราบทูลว่า พระรูปนั้นเหาะไปพระเจ้าข้า โอ้ได้ยินดังนั้นพระเจ้าพรหมทัตก็ยินดีมาก ปีติจนขนพองสยองเกล้า น้ำตาไหลออกด้วยความดีใจ จากนั้นยิ่งถวายใส่บาตรพระวันละ 1000 รูป
พอพระเจ้าพรหมทัตสวรรคตไม่มีใครสืบราชบัลลังค์ต่อ ชาวเมืองจึงยกอำมาตย์คนสนิทให้เป็นพระราชาแทน พระเจ้าพรหมทัตองค์ใหม่ก็ยังใส่บาตรพระวันละ 1000 รูปเหมือนเดิม วันหนึ่งมีพระรูปหนึ่ง หน้าแดงยังกับลูกตำลึงสุก ผิวพรรณเปล่งปลั่งมารับบาตรด้วย พระเจ้าพรหมทัตองค์ใหม่ก็นึกเฉลียวใจ จึงให้คนตามไปดูโดยอ้างตำราพระราชาองค์ก่อน พอพระท่านเดินไปที่ลับตาคนท่านก็เหาะขึ้นฟ้าแล้วหายไป คนตามไปดูก็กลับมารายงานว่าพระเหาะพระเจ้าข้า พระราชาแทนที่จะดีใจกลับโกรธเป็นฟื้นเป็นไฟหาว่าเขาโกหกตน จึงสั่งเอาตัวไปประหารแล้วเลิกใส่บาตรพระตั้งแต่วันนั้น คุณว่าพระราชาองค์เก่ากับองค์ใหม่องค์ไหนไปสวรรค์องค์ไหนไปนรก
โยม: องค์เก่าไปสวรรค์ องค์ใหม่ไปนรก เจ้าค่ะ
หลวงปู่: เออ จะให้ตัวคุณไปสวรรค์หรือนรกหล่ะ
โยม: สาธุๆๆๆๆ เจ้าค่ะหลวงปู่ เจ้าค่ะ โยมจะไปสวรรค์เจ้าค่ะ กราบๆๆๆๆๆๆๆๆ
ที่มา
จากเฟซบุ๊ค
พระญาณวิสาลเถร (หา สุภโร) หรือ หลวงปู่ไดโนเสาร์
ทำบุญกับพระปลอม ได้บุญหรือบาป โดย พระญาณวิสาลเถร
โยม: หลวงปู่เจ้าขาโยมทำบุญสนับสนุนกิจการพระศาสนาทุกอย่าง ตั้งแต่นิมนต์พระมาเทศน์ที่บริษัท ถวายรถ ถวายของ ถวายปัจจัย หลงเชื่อว่าพระรูปนั้นเป็นพระอรหันต์ตามที่เค้าโฆษณากัน แต่พอเรื่องจริงกลับเป็นเพียงคนในผ้าเหลืองที่เอาสวรรค์มาขาย นิพพานมาล่อ เพื่อความสุขสบายของตนเอง อย่างนี้โยมจะได้บุญหรือไม่เจ้าค่ะ แล้วโยมจะเป็นบาปที่สนับสนุนเขาทำความชั่วรึเปล่า
หลวงปู่: เหอะๆ เจ้าคิดมากไปรึเปล่า
โยม: ก็นั้นสิเจ้าค่ะโยมจึงทุกข์เหลือเกิน กลัวบุญที่ทำไปไม่ได้บุญ กลัวบาปที่ทำโดยไม่รู้ตัว
หลวงปู่: ตอนถวายเขาไปนั้นมีความคิดยังไง
โยม: ก็ศรัทธาท่านเจ้าค่ะ ถึงทุ่มเทถวาย
หลวงปู่: คุณ ฉันอาศัยคำพระพุทธเจ้าดอกนะ ท่านว่า นัตถิจิตตังปะสันนัมหิ อัปกานามะปะทักขิณา แปลว่า เมื่อจิตของคุณเลื่อมใสแล้วบุญที่ชื่อว่าน้อยย่อมไม่มี ตอนที่คุณถวายคุณมีศรัทธามาก นั้นเป็นเรื่องอดีต บุญที่เกิดขึ้นในอดีตมันเป็นบุญมหาศาลแต่ปัจจุบันคุณเสื่อมศรัทธาจากท่านแล้วมันเป็นปัจจุบันไม่ใช่อดีต เรื่องแล้วก็แล้วกันไป เป็นบุญแล้วเราไม่แก้ไขแล้ว ส่วนการสนับสนุนเขาทำบาปไหม อย่างนั้นยาสีฟันชุดนี้ที่โยมถวายมาโยมก็เอาคืนไป
โยม: โยมไม่เอาคืนหรอกเจ้าค่ะ เพราะโยมถวายหลวงปู่แล้วนี่ เป็นของหลวงปู่แล้ว
หลวงปู่: เอ้า ก็คุณถวายมาแล้ว อาตมาจะเอาไปทำอะไรก็เรื่องของอาตมานี่ จะให้คืนโยมก็เป็นสิทธิ์ของอาตมา ถ้าคุณถวายมาแล้วยังตามมาบอกอาตมาว่าต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้ก็แสดงว่ามันยังเป็นของคุณอยู่ มันยังไม่ใช่ของอาตมา ของที่คุณถวายไปแล้วมันเป็นบุญแล้ว คนที่รับเขาจะเอาไปทำบาปหรือทำบุญมันเป็นเรื่องของเขา เราให้แล้วเราได้บุญแล้วขาดจากความเป็นเจ้าของของเรา เขาจะเอาไปทำดีมันก็ดีแก่เขา เอาไปทำชั่วมันก็ชั่วแก่เขา
ในสมัยหนึ่งพระเจ้าพรหมทัตใส่บาตรพระวันละ 500 รูป ท่านทำของท่านประจำ มีขี้เมาคนหนึ่งอยากหาอาหารง่ายๆ จึงโกนหัวห่มผ้าเหลืองไปบิณฑบาต พระเจ้าพรหมทัตได้เห็นก็ศรัทธามากเหลือเกิน เพราะพระรูปนี้หน้าแดงเหมือนลูกตำลึง ดูราศีเปล่งปลั่ง ก็ศรัทธาน้อมถวายอาหาร แล้วสั่งให้อำมาตย์ติดตามไปดูว่าท่านเป็นมนุษย์หรือเทวดา เพราะราศีท่านผ่องใสเหลือเกิน ถ้าท่านเหาะไปแสดงว่าท่านเป็นเทวดา ถ้าท่านดำดินแสดงว่าท่านเป็นนาคราช ถ้าท่านเดินออกนอกเมืองแสดงว่าท่านเป็นมนุษย์หรือพระอรหันต์ อำมาตย์ก็ติดตามไปพบว่าพระรูปนั้นเปลื้องจีวรออกแล้วไปกินเหล้า เห็นดังนั้นก็กลัวพระราชอาญาจึงไปกราบทูลว่า พระรูปนั้นเหาะไปพระเจ้าข้า โอ้ได้ยินดังนั้นพระเจ้าพรหมทัตก็ยินดีมาก ปีติจนขนพองสยองเกล้า น้ำตาไหลออกด้วยความดีใจ จากนั้นยิ่งถวายใส่บาตรพระวันละ 1000 รูป
พอพระเจ้าพรหมทัตสวรรคตไม่มีใครสืบราชบัลลังค์ต่อ ชาวเมืองจึงยกอำมาตย์คนสนิทให้เป็นพระราชาแทน พระเจ้าพรหมทัตองค์ใหม่ก็ยังใส่บาตรพระวันละ 1000 รูปเหมือนเดิม วันหนึ่งมีพระรูปหนึ่ง หน้าแดงยังกับลูกตำลึงสุก ผิวพรรณเปล่งปลั่งมารับบาตรด้วย พระเจ้าพรหมทัตองค์ใหม่ก็นึกเฉลียวใจ จึงให้คนตามไปดูโดยอ้างตำราพระราชาองค์ก่อน พอพระท่านเดินไปที่ลับตาคนท่านก็เหาะขึ้นฟ้าแล้วหายไป คนตามไปดูก็กลับมารายงานว่าพระเหาะพระเจ้าข้า พระราชาแทนที่จะดีใจกลับโกรธเป็นฟื้นเป็นไฟหาว่าเขาโกหกตน จึงสั่งเอาตัวไปประหารแล้วเลิกใส่บาตรพระตั้งแต่วันนั้น คุณว่าพระราชาองค์เก่ากับองค์ใหม่องค์ไหนไปสวรรค์องค์ไหนไปนรก
โยม: องค์เก่าไปสวรรค์ องค์ใหม่ไปนรก เจ้าค่ะ
หลวงปู่: เออ จะให้ตัวคุณไปสวรรค์หรือนรกหล่ะ
โยม: สาธุๆๆๆๆ เจ้าค่ะหลวงปู่ เจ้าค่ะ โยมจะไปสวรรค์เจ้าค่ะ กราบๆๆๆๆๆๆๆๆ
ที่มา
จากเฟซบุ๊ค พระญาณวิสาลเถร (หา สุภโร) หรือ หลวงปู่ไดโนเสาร์