[CR] * * * ตะลุยเที่ยวญี่ปุ่น หน้าซากุระ 11 วัน 10 คืน ตอนที่ 4 ฟูลบลูมที่ ถนนสายนักปราชญ์ Path of Philosophy

ความเดิมตอนที่แล้ว
* * * ตะลุยเที่ยวญี่ปุ่น หน้าซากุระ 11 วัน 10 คืน ตอนที่1 อยากเห็นหิมะ  http://ppantip.com/topic/30669450
* * * ตะลุยเที่ยวญี่ปุ่น หน้าซากุระ 11 วัน 10 คืน ตอนที่2 ยังอยากไปทาคายาม่า+ชิราคาวาโกะ http://ppantip.com/topic/30675504
* * * ตะลุยเที่ยวญี่ปุ่น หน้าซากุระ 11 วัน 10 คืน ตอนที่3 อราชิยาม่า โรแมนติคเทรน  http://ppantip.com/topic/30681873
วันนี้ เป็นไฮไลท์ของทริปเราเลยค่ะ นั่นก็คือ Path of Philosophy
แต่เราตื่นสายอีกแล้ว เพราะเมื่อวานเดินเยอะ เมื่อยขามาก
ถ้าจำกันได้เมื่อคืนพักที่ Shinimamiya ซึ่งอยู่โอซาก้า เรารีบเอากระเป๋าไปฝากไว้อีกโรงแรมนึงที่จะกลับมาพักคืนนี้ นั่นก็คือ Shin-Osaka station Hotel Annex (ที่จริงน่าจะพักที่นี่ทั้ง 2 คืน จะสะดวกกว่านี้ ด้วยความขี้เหนียว + กับคิดว่าที่โน่นจะใกล้ชินไซบาชิกว่านั่นเอง) กว่าจะถึงเกียวโต ก็เกือบ 11 โมง รีบไปซื้อบัตรรถบัส แล้วจะไปกิน Ippudo ramen ตามลายแทง แต่ก็หลงอีกแล้ว หาไม่เจอ เลยเปลี่ยนแผน ตรงไป Path of Philosophy เลยดีกว่า แล้วไปหาอะไรกินแถวนั้นเอา
เรานั่งรถบัสไปลงหน้าวัดเงิน ไม่ต้องกลัวหลงค่ะ เพราะตรงป้ายนี้ คนลงหมดคันรถเลย และจะเห็นต้นซากุระเป็นทิวแถวอยู่แล้ว ถึงไม่เคยอ่านรีวิวมาก็ไม่หลงชัวร์

แวะกินข้าวแถวนั้น แล้วเดินเข้าไปชมในวัดเงินก่อนค่ะ ทางเข้าวัดเงิน เป็นเนินขึ้นไป ระหว่างทาง มีของขายเยอะเหมือนกัน แต่ไม่เท่าวัดน้ำใส ฝนเริ่มปรอยลงมาแล้ว เห็นเค้าถือร่มกัน เดินไปเกือบถึงทางเข้าวัด  เจอร้านขายร่มแล้ว ถ้าจำไม่ผิด 300 เยน ทางเข้าวัดเงินประมาณ 400 เมตรค่ะ ก่อนถึงประตูขายบัตรเข้ามีกำแพงต้นไม้ ทั้ง 2 ข้าง เราชอบกำแพงนี้นะ ทำให้นึกถึงหนังการ์ตูนเรื่อง over the hedge (แก๊งค์สี่ขา ข้ามป่ามาป่วนเมือง)



ซื้อบัตรเสร็จก็เข้าไปชมปราสาท กับ สวนหินก่อน ละอองฝนลงมาเรื่อยๆ เป็นฝอยๆ ได้บรรยากาศเหงา  เราพยายามหาปรัชญาของหินที่เรียงแต่ละก้อน แต่ละแนว แหะๆๆ แต่เข้าไม่ถึงค่ะ ก็เดินไปตามแนวที่เค้ากั้นไว้เรื่อยๆ มีบอนไซสวยๆให้ชม จนในที่สุดก็ถึงทางออก มาบรรจบที่ตรง the hedge เหมือนเดิม


ขาออก แวะซื้อขนมชนิดนึง คล้ายเอแคล หรือจะเป็นเอแคลยักษ์ซะละมั๊ง มี 2 ไส้ เราเลือกไส้ชาเขียว ก็มาญี่ปุ่น อะไรๆก็ต้องชาเขียวไว้ก่อน แป้งข้างนอกแข็ง ไส้เป็นครีมๆ รสชาเขียว ไม่หวานมาก ก็กลมกล่อมดีค่ะ คนเข้าแถวซื้อกันเยอะ

แล้วเราก็เลี้ยวเข้า จุดเริ่มต้นของ Path of Philosophy  กันค่ะ หรือจะเป็นปลายทางก็ไม่อาจรู้ได้ เพราะว่ามันเริ่มได้ทั้ง 2 ทาง เดินไปตามทางเรื่อยๆ เคยรู้มาว่า ระยะทางนี้ 2 กม. ก็ไม่ได้วัด ว่ามัน 2 กม.จริงหรือเปล่า เพราะความรู้สึกของเราไม่ได้จดจ่อที่ระยะทาง แต่มันอยู่ที่ 2 ข้างทางมากกว่า ผู้คนเยอะแยะที่ตั้งใจมาชมความงามของเส้นทางสายนักปราชญ์แห่งนี้ แต่จำนวนคนที่มากไม่ได้ทำให้ความงามของที่นี่ลดน้อยลงเลยค่ะ ให้ภาพทำหน้าที่บอกเรื่องราวบนถนนสายนักปราชญ์นี้ดีกว่านะคะ เพราะคำพูดคงแทนความสวยงามได้ไม่ทั้งหมด







ตลอดระยะทาง 2 กม. ฝนก็ยังปรอยๆ ตลอดค่ะ เราเดินไปเรื่อยๆ จนสุดทาง ระหว่างทางนอกจากซากุระ หลายพันธ์แล้ว ยังมีดอกไม้อื่นที่คอยจะแย่งซีนอยู่เรื่อยๆ นักท่องเที่ยวปั่นจักรยาน ผ่านไปเป็นระยะๆ มีหนุ่มสาวชาวญี่ปุ่นแต่งชุดประจำชาติ มาชมดอกซากุระ ดูเข้ากันกับบรรยากาศมากเลยค่ะ

สุดทางแล้ว เลี้ยวขวา แล้วเดินไปเรื่อยๆ เพื่อไปวัด Nanzenji ค่ะ เดินชมสวนแถวนี้แป๊บนึง เพราะจริงๆแล้ว ที่เราจะไปคือ Keage Incline นั่นเอง ก็เดินตามทางไปเรื่อยๆค่ะ ไม่นานก็ถึง


ที่นี่คือทางส่งน้ำเก่า(ไม่แน่ใจ) ไม่ต้องลอดใต้ทางโค้งนะคะ ให้เลี้ยวซ้าย แล้วเดินขึ้นทางลาดไปได้เลย ก็จะเจอกับทางรถไฟและสวน ซึ่งมีประติมากรรม น้ำพุ และซากุระ รออยู่ค่ะ




เราเดินลงตามทางลาดของรางรถไฟ จนสุดทาง ก็จะเจอกับถนนพอดีค่ะ ข้ามถนน แล้วขึ้นรถบัสคันที่ผ่านไปยัง ศาลเจ้า Yazaka ค่ะ เพราะรู้มาว่า ที่นี่เค้าจะมีที่ให้นั่งฮานามิ และมีของกินขาย เหมือนเป็นงานวัดตอนกลางคืนค่ะ  ลงป้ายหน้าศาลเจ้าแล้วเดินเข้าไปเลยค่ะ แต่ตอนนี้ ฝนเริ่มตกเป็นเม็ดๆแล้ว ไม่ปรอยอย่างตอนกลางวัน แต่คนในศาลเจ้าก็เยอะค่ะ ระหว่างทางเดินมีร้านขายของกินเยอะ ทั้ง ไก่ทอด ชุดยูกาตะ ผ้า ของเล่น เยอะแยะเลยค่ะ พอเดินผ่านศาลเจ้าเข้าไปจะเป็นสวน Maruyama ตรงนี้จะมีต้นซากุระต้นใหญ่ เด่นเลยค่ะ แต่เสียดาย ฝนตกลงมาแล้ว จะฮานามิ คงอด เลยซื้อไก่ทอด มานั่งกินในเต้นท์ พอหายเมื่อย แล้วขึ้นรถบัสกลับมาที่สถานีเกียวโต




เอ๊ะ...แสงอะไรส้มๆ หันหลังกลับไปมอง ....เกียวโตทาวเวอร์นั่นเอง สวยแฮะ ตอนกลางคืนเด่นเชียว

เรานั่งชินคันเซนมาลงที่ชินโอซาก้า อืมม...ยังไม่ดึก ไปต่อกันดีกว่า เลยมุดใต้ดินโผล่มาที่ชินไซบาชิ มาถึงประมาณ 3 ทุ่มได้ค่ะ บางร้านเริ่มปิดแล้ว เดินไปตามทางเรื่อยๆ ทำไมยิ่งเดิน ยิ่งไม่มีคน เอ นัมบะไปทางไหน ไหนบอกว่าดึกๆก็ยังมี สงสัยหลงอีกตามเคย ถามทาง ได้ความว่า ต้องเดินกลับไปทางเก่า เพราะมาผิดทิศ แหะๆ เราเดินย้อนไป แวะช๊อปนิดหน่อย เจอร้านขาย Kitkat ชาเขียวแบบเป็นถุง ราคาไม่แพง ถูกกว่าแบบกล่องอีก มันต่างกันยังไงนะ เลยซื้อมากินดู แล้วเดินต่อไป เจอกับถนน Dotonbori พอดี คนคึกคักมาก แต่เราหิวนี่สิ กินอะไรดีๆๆ อ้าว นั่นมันมังกรตัวใหญ่เกาะอยู่บนป้ายหน้าร้าน...ใช่แล้ว ป่ะ ไปกินราเม็งจับกังกันดีกว่า

คนเยอะ หิวก็หิว เอาน่า...รอ รอ ไม่นานเกินรอ ถึงคิวแล้วค่ะ กดๆ  ได้ใบรายการมายื่นให้พนักงานแล้วไปนั่งรอ ไม่นานก็ได้กิน....เยอะ อ่ะ กินไม่หมด แต่อร่อยนะ อร่อยจริง ต้องลองค่ะ
    
อิ่มกันแล้ว ช้อปกันแล้ว เมื่อยกันแล้ว กลับไปนอนดีกว่านะ ราตรีสวัสดิ์ค่ะ



....แล้วพรุ่งนี้ กลับโตเกียวด้วยกันนะ
ชื่อสินค้า:   Tetsugaku no michi , Path of Philosophy Yasaka shrine เกียวโต
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่