สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 5
อยู่อเมริกาตรงไปตรงมา ถ้าทำตามกฏหมายของเขา
ทำใบเขียวก็ง่าย สอบเป็นซิติเซ่นก็ง่าย
ทุกๆอย่างตรงไปตรงมาตามระเบียบของเขา
ทำงาน เงินทองหาได้ไม่อั้น สุดตามความขยันของเรา
ผมเคยทำงานการบินกับรัฐบาลเรื่องตกงานไม่เคยมีปัญหา เพราะเราขยันกว่าฝรั่ง คนขี้เกียจจะรอเข้าแถวถูก เล ออฟ ก่อนเราเสมอ
ทำงานเสียภาษีตามระเบียบ แล้วก็ยังเหลือเก็บ
แก่แล้ว ก็จะมีบำนาญจากบริษัทต่างๆที่เคยทำงานมาแล้ว
และของโซเชียร รวมกันหลายๆแห่งก็พอๆกับตอนทำงาน
เรื่องนักการเมือง คนโกงกินมีน้อยมากๆ เพราะถ้าถูกจับได้ต้องเข้าคุกก่อนเสมอ
เงินซื้อตำรวจ หรือซื้ออัยการศาลไม่ได้ อย่างเมืองไทยนะ
คุกอันเดียวกันกันไม่ว่าจะรวยหรือจน
เมาแล้วขับรถอย่างปารีสก็ต้องเข้าคุก
เมืองไทยแพรวาประมาททำให้คนตาย๙คนยังไม่ต้องติดคุกเลย
ประชากรเขามีความรู้ และเฉลียวฉลาดพอ เลือกตั้งไม่มีการซื้อเสียง ทุกๆคนมี๑เสียงเท่ากันหมด
ทุกคนรู้จักเข้าแถว ใครมาก่อนได้ก่อน เท่ากันทุกคนไม่ว่าประธานาธิบดีหรือขอทาน
ประชากรฉลาดพอ ที่จะไม่เลือกคนเลวๆ ที่นั่งคอยจะกินเปอร์เซ็นต์ของงบประมาณโครงการต่างๆอย่างเมืองไทย
การจอดรถก็เหมือนกัน เขามีที่จอดข้างหน้าไว้ให้คนพิการจอดรถ
แต่เมืองไทยมีแต่คนสมองพิการจอดเต็มไปหมด จนคนพิการจริงๆไม่มีที่จอดนะ
เคยไปเช่าห้องสะตูดิโอ้ สุขุมวิทย์ซอย๓๑ ราคาเดือนละ๓หมื่น ยังต้องจ่ายค่าภาษีและน้ำค่าไฟอีก๓พันกว่า
รวมแล้วแพงกว่าอเมริกาอีก
ตอนพ่อต้องผ่าตัดหัวใจ ใส่สปริงถ่างหลอดเลือด๒เส้น เข้ารพรามคำแหง ต้องเอาเงิน มาวางก่อนถึงจะผ่าให้
เสร็จแล้วรวมจ่ายเกือบ๓แสนบาท ถ้าไม่มีเงิน ต้องเอาเข้า รพหลวง พ่ออาจจะตายไปแล้วก็ได้
เพื่อนอยู่อเมริกา ผ่าหัวใจ๒เส้นเหมือน กันเมดิแคร์จ่ายให้เกือบหมด เหลือตัวเองต้องจ่ายแค่๑๐๐๐เหรียญเท่านั้น
เมืองไทยน่าอยู่ ถ้ามีเงิน ซื้อได้ทุกๆอย่างครับ
ทำใบเขียวก็ง่าย สอบเป็นซิติเซ่นก็ง่าย
ทุกๆอย่างตรงไปตรงมาตามระเบียบของเขา
ทำงาน เงินทองหาได้ไม่อั้น สุดตามความขยันของเรา
ผมเคยทำงานการบินกับรัฐบาลเรื่องตกงานไม่เคยมีปัญหา เพราะเราขยันกว่าฝรั่ง คนขี้เกียจจะรอเข้าแถวถูก เล ออฟ ก่อนเราเสมอ
ทำงานเสียภาษีตามระเบียบ แล้วก็ยังเหลือเก็บ
แก่แล้ว ก็จะมีบำนาญจากบริษัทต่างๆที่เคยทำงานมาแล้ว
และของโซเชียร รวมกันหลายๆแห่งก็พอๆกับตอนทำงาน
เรื่องนักการเมือง คนโกงกินมีน้อยมากๆ เพราะถ้าถูกจับได้ต้องเข้าคุกก่อนเสมอ
เงินซื้อตำรวจ หรือซื้ออัยการศาลไม่ได้ อย่างเมืองไทยนะ
คุกอันเดียวกันกันไม่ว่าจะรวยหรือจน
เมาแล้วขับรถอย่างปารีสก็ต้องเข้าคุก
เมืองไทยแพรวาประมาททำให้คนตาย๙คนยังไม่ต้องติดคุกเลย
ประชากรเขามีความรู้ และเฉลียวฉลาดพอ เลือกตั้งไม่มีการซื้อเสียง ทุกๆคนมี๑เสียงเท่ากันหมด
ทุกคนรู้จักเข้าแถว ใครมาก่อนได้ก่อน เท่ากันทุกคนไม่ว่าประธานาธิบดีหรือขอทาน
ประชากรฉลาดพอ ที่จะไม่เลือกคนเลวๆ ที่นั่งคอยจะกินเปอร์เซ็นต์ของงบประมาณโครงการต่างๆอย่างเมืองไทย
การจอดรถก็เหมือนกัน เขามีที่จอดข้างหน้าไว้ให้คนพิการจอดรถ
แต่เมืองไทยมีแต่คนสมองพิการจอดเต็มไปหมด จนคนพิการจริงๆไม่มีที่จอดนะ
เคยไปเช่าห้องสะตูดิโอ้ สุขุมวิทย์ซอย๓๑ ราคาเดือนละ๓หมื่น ยังต้องจ่ายค่าภาษีและน้ำค่าไฟอีก๓พันกว่า
รวมแล้วแพงกว่าอเมริกาอีก
ตอนพ่อต้องผ่าตัดหัวใจ ใส่สปริงถ่างหลอดเลือด๒เส้น เข้ารพรามคำแหง ต้องเอาเงิน มาวางก่อนถึงจะผ่าให้
เสร็จแล้วรวมจ่ายเกือบ๓แสนบาท ถ้าไม่มีเงิน ต้องเอาเข้า รพหลวง พ่ออาจจะตายไปแล้วก็ได้
เพื่อนอยู่อเมริกา ผ่าหัวใจ๒เส้นเหมือน กันเมดิแคร์จ่ายให้เกือบหมด เหลือตัวเองต้องจ่ายแค่๑๐๐๐เหรียญเท่านั้น
เมืองไทยน่าอยู่ ถ้ามีเงิน ซื้อได้ทุกๆอย่างครับ
ความคิดเห็นที่ 4
ปัจจุบันอาศัยอยู่ที่นิวยอร์กครับ คิดว่าตนเองอยู่ที่อเมริกานานมากกกกกกกกกก (ถึงแม้จะคิดว่าตนเองอายุเพียง 18 ขวบและคิดผมน่าจะเป็นเต่าล้านปีคนแรกในอเมริกา)
มีแต่ผมคนเดียวที่ขออยู่ที่เมริกาต่อไป เพราะว่าสมัยโน้นตนเองเปลี่ยนใจไปมีชู้กับผู้ชาย และดันไปชอบกับสังคมที่อเมริกา เนื่องจากสมัยโน้นสังคมไทยยังไม่โดดเด่นในเรื่องเพศเดียวกัน หรือว่าตนเองไม่อยากจะยอมรับความเป็นเกย์ในเมืองไทย (ที่ญาติพี่นอ้งมองดูแล้วก็ค้อนควับๆ) .....ดังนั้นการที่ผมไปใช้ชีวิตอยู่ที่อเมริกา เป็นการตัดสินใจในเรื่องของสังคมชีวิตจริงๆ
อยู่ที่อเมริกาผมมีความทุกข์และสุขเช่นเดียวกับคนทั่วๆไป ตระเวณลอยชายไปใช้ชีวิตอยู่หลายๆรัฐ สุดท้ายกลับไปปักหลักที่นิวยอร์กเพราะได้งานทำภาคพื้นดินกับสายการบิน ทำให้ชีวิตตนเองเริ่มขยายความรู้ไปในประเทศต่างๆอีกหลายๆแหล่ง แน่นอนผมไปเปิด ballroom ตามเกย์บาร์ไปทั่วๆโลก.....โชคดีจริงๆ .....ถึงแม้ว่าชีวิตสำซ่อนของผมจะมีไปทั่วโลก....แต่ตนเองก็ปลอดภัยไร้เชื้อไม่มีโรคภัยไข้เจ็บแต่อย่างใด......ยกเว้นบาดแผลที่ใจในเรื่องความรัก.....อาจจะเป็นเพราะว่าความเหงา....ทำให้วิ่งรนหาความรักไปทั่วโลก
สมัยโน้นวิ่งไปเข้า course ที่เรียกว่า " new age" ในอเมริกากับหลายๆสำนัก มีโอกาศได้รู้จักกับครูระดับโลกมากมายหลายๆระดับ รวมไปถึงพระที่ลือชื่อในเมืองไทย เช่น ท่านพุทธทาสภิกขุ จนถึงกับตรัสรู้ในตนเองกับคำว่า "รักตนเอง" ครับ
ผมตัดสินใจถูกครับที่อยู่ในอเมริกา ทำให้มีโอกาศได้ใช้ชีวิตที่คุ้มค่าน่าเรียนรู้ อยู่ในเมืองไทย รู้จักตนเองดีว่าน่าจะไปอยู่กับสังคมการเมือง และอาจจะถูกสังหารไปนานแล้ว เพราะเป็นคนที่ขี้กลัว แต่ว่าไม่ยอมคนง่ายๆ 555
มีแต่ผมคนเดียวที่ขออยู่ที่เมริกาต่อไป เพราะว่าสมัยโน้นตนเองเปลี่ยนใจไปมีชู้กับผู้ชาย และดันไปชอบกับสังคมที่อเมริกา เนื่องจากสมัยโน้นสังคมไทยยังไม่โดดเด่นในเรื่องเพศเดียวกัน หรือว่าตนเองไม่อยากจะยอมรับความเป็นเกย์ในเมืองไทย (ที่ญาติพี่นอ้งมองดูแล้วก็ค้อนควับๆ) .....ดังนั้นการที่ผมไปใช้ชีวิตอยู่ที่อเมริกา เป็นการตัดสินใจในเรื่องของสังคมชีวิตจริงๆ
อยู่ที่อเมริกาผมมีความทุกข์และสุขเช่นเดียวกับคนทั่วๆไป ตระเวณลอยชายไปใช้ชีวิตอยู่หลายๆรัฐ สุดท้ายกลับไปปักหลักที่นิวยอร์กเพราะได้งานทำภาคพื้นดินกับสายการบิน ทำให้ชีวิตตนเองเริ่มขยายความรู้ไปในประเทศต่างๆอีกหลายๆแหล่ง แน่นอนผมไปเปิด ballroom ตามเกย์บาร์ไปทั่วๆโลก.....โชคดีจริงๆ .....ถึงแม้ว่าชีวิตสำซ่อนของผมจะมีไปทั่วโลก....แต่ตนเองก็ปลอดภัยไร้เชื้อไม่มีโรคภัยไข้เจ็บแต่อย่างใด......ยกเว้นบาดแผลที่ใจในเรื่องความรัก.....อาจจะเป็นเพราะว่าความเหงา....ทำให้วิ่งรนหาความรักไปทั่วโลก
สมัยโน้นวิ่งไปเข้า course ที่เรียกว่า " new age" ในอเมริกากับหลายๆสำนัก มีโอกาศได้รู้จักกับครูระดับโลกมากมายหลายๆระดับ รวมไปถึงพระที่ลือชื่อในเมืองไทย เช่น ท่านพุทธทาสภิกขุ จนถึงกับตรัสรู้ในตนเองกับคำว่า "รักตนเอง" ครับ
ผมตัดสินใจถูกครับที่อยู่ในอเมริกา ทำให้มีโอกาศได้ใช้ชีวิตที่คุ้มค่าน่าเรียนรู้ อยู่ในเมืองไทย รู้จักตนเองดีว่าน่าจะไปอยู่กับสังคมการเมือง และอาจจะถูกสังหารไปนานแล้ว เพราะเป็นคนที่ขี้กลัว แต่ว่าไม่ยอมคนง่ายๆ 555
ความคิดเห็นที่ 2
ผมไปปี ๑๙๘๐ อยู่ยาวไม่ได้กลับไทยเลย ๒๕ ปีเต็มเป็น โรบินฮู้ด ชนิดเต็มตัว ไม่เคยวิ่งหนี ไม่เคยมีใครมาตรวจ ทำงานกับอเมริกันตลอด เวลา ได้ใบเขียวตอนกฎหมายนิรโทษรุ่นแรก สมัย บิล คลินตัน เป็น Mr.President. ตอนหลังในระยะ เจ็ดปีหลังไปไปมามาบ่อย ขณะนี้อยู่ เมืองไทยเพราะ เลิกทำงานแล้ว ก็กินเงินเดือนปลดเกษียรไปตลอดชีวิต (ทุกคนที่ทำงานจ่ายภาษี จะมีเงินเดือนกินไปตลอดชีวิต) อุปสรรค์ ที่ผ่าน เคยตกงานนอนในรถที่ไม่มี Heater ไม่มีเงินติดตัว แต่ไม่เคยคิดชั่ว นึกอยู่ตลอดพรุ่งนี้ต้องมีแสงอาทิตย์ นึกย้อนกลับไปตอนไปเมกา อายุ ๒๙ อยู่มา ๓๓ปี ถามว่าจะไปหรืออยู่ไทย ตอบว่าไปเมกาครับ เพราะมันสะใจดี ได้ทำทุกอย่างตามใจไม่มีอะไรมาบังคับผมได้ ตอน เหงาก็เจริญกรรมฐาน ผมบวชกับหลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม เงินมีก็ใช้ ไม่มีก็ไม่เดือดร้อน มีงานก็มีเงินเอง เท่านี้ก่อนน๊ะ
ความคิดเห็นที่ 1
ตอบแบบไม่โกหกตนเองว่า ครึ่งหนึ่งเห็นว่าคิดถูกที่ได้มาใช้ชีวิตอยู่ในอเมริกา ดินแดนที่ผู้คนใฝ่ฝันอยากจะมากัน ตามที่ขนามนามกันว่าเป็น Land of opportunity อีกครึ่งหนึ่งเห็นว่าอาจจะคิดผิดก็ได้ ถ้าเราไม่มาปักหลักใช้ชีวิตเกือบทั้งชีวิตที่นี่ อยู่เมืองไทยก็อาจจะได้มีโอกาสมากกว่านี้ก็ได้ เพราะการที่เราดำเนินชีวิตอยู่ ณ. ถิ่นที่กำเหนิด ย่อมได้เปรียบกับการมาอย฿่ต่างบ้านต่างเมือง ที่ต้องใช้เวลาเรียนรู้ปรับตัว ให้ตนเองสามารถยืนอยู่ในสังคมต่างแดนนี้ให้ได้ ซึ่งทำให้ต้องเสียเวลาและอาจเป็นโอกาสด้วยของชีวิตไปเป็นเวลาหลายๆปี
แต่อย่างไรก็แล้วแต่ หากถามว่า มองย้อนกลับไป หากกาลเวลาสามารถหมุนกลับ โดยที่เราก้ได้รับทราบแล้วว่า ประสพการณ์การใช้ชีวิตในต่างแดนเป็นเช่นไรแล้ว เราก็คงจะเลือกอันหลัง คือตัดสินใจไม่ไป ขออยู่ ขอตายในบ้านเกิดนี่แหละ เพราะเห็นว่ายังไงๆ การที่พูดภาษาเดียวกันย่อมดีกว่า อย่างน้อยก็ไม่ต้องเสียเวร่ำเวลาเรียนรู้เรื่องภาษาและอื่นๆ
สำหรับผู้ที่มีความใฝ่ฝันในการมาใช้ชีวิตในอเมริกา ก็เป็นสิ่งที่ครั้งหนึ่งในชีวิต ที่ได้มีโอกาสมาสมัผัส แต่การมาใช้ชีวิตอยู่นั้นต้องมีเป้าประสงค์ที่ชัดเจน ไม่ใช่คิดว่าจะมาขุดทองลูกเดียว เพราะอเมริกาไม่มีทองให้ขุดแล้ว ถ้าจะมีก็มีแต่ ภาษี หรือ Tax ไม่ว่าจะเป็น Income tax, Federal tax, State tax, Property tax, Business tax และ Sale tax (เฉพาะรัฐ Oregon เท่านั้นที่ไม่มี Sale tax)
แต่อย่างไรก็แล้วแต่ หากถามว่า มองย้อนกลับไป หากกาลเวลาสามารถหมุนกลับ โดยที่เราก้ได้รับทราบแล้วว่า ประสพการณ์การใช้ชีวิตในต่างแดนเป็นเช่นไรแล้ว เราก็คงจะเลือกอันหลัง คือตัดสินใจไม่ไป ขออยู่ ขอตายในบ้านเกิดนี่แหละ เพราะเห็นว่ายังไงๆ การที่พูดภาษาเดียวกันย่อมดีกว่า อย่างน้อยก็ไม่ต้องเสียเวร่ำเวลาเรียนรู้เรื่องภาษาและอื่นๆ
สำหรับผู้ที่มีความใฝ่ฝันในการมาใช้ชีวิตในอเมริกา ก็เป็นสิ่งที่ครั้งหนึ่งในชีวิต ที่ได้มีโอกาสมาสมัผัส แต่การมาใช้ชีวิตอยู่นั้นต้องมีเป้าประสงค์ที่ชัดเจน ไม่ใช่คิดว่าจะมาขุดทองลูกเดียว เพราะอเมริกาไม่มีทองให้ขุดแล้ว ถ้าจะมีก็มีแต่ ภาษี หรือ Tax ไม่ว่าจะเป็น Income tax, Federal tax, State tax, Property tax, Business tax และ Sale tax (เฉพาะรัฐ Oregon เท่านั้นที่ไม่มี Sale tax)
แสดงความคิดเห็น
ถามความรู้สึกคนไทยผู้ใช้ชีวิต ใน usa ระยะยาว
ว่า ผ่านอุปสรรค มาได้อย่างไร เช่นความเหงา , การเงิน, สภาพแวดล้อมฯลฯ
และถ้าท่านมองย้อนกลับไป คิดว่า ตัดสินใจถูกหรือไม่ ที่ มาอยู่ usa ครับ