ขบวนการหากินของคนห่มเหลือง! กลยุทธ์ปลุกศรัทธา-เงิน-บารมี-นารีพิฆาต
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 4 กรกฎาคม 2556 06:00 น.
ตีแผ่ 2 องค์ประกอบปั้นพระโด่งดัง ดึงญาติโยมศรัทธาล้นหลาม เงินทองไหลมาเทมาไม่ขาดสาย นำไปสู่เส้นทาง “นารีพิฆาต” ถูกปาราชิกหลุดจากวิถีความเป็นพระสงฆ์ ขณะที่ ปู่เณรคำ เดินอยู่บนเส้นทางคล้ายคลึงกับอดีตพระดัง “สมีเจี๊ยบ-นิกร-ยันตระ-ภาวนาพุทโธ-อิสระมุนี” ส่วนอดีตพระมิตซูโอะ ถูกตั้งคำถามเบียดก่อนสึก หรือสึกก่อนเบียด ด้านพระผู้ใหญ่ในวัดหลวง ระบุ บริบททางสังคมทำให้พระใช้กุฎิมั่วสีกาได้ง่าย
“พระพุทธศาสนา” ไม่มีวันเสื่อม!
คำกล่าวนี้ถูกหักล้างแบบเบ็ดเสร็จ จากคนที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ก่อตั้ง
คำพุทธทำนายของ “พระพุทธเจ้า” ศาสดาของศาสนาพุทธ เคยกล่าวไว้ว่า พระพุทธศาสนาจะอยู่ได้นานที่สุดก็แค่ 5 พันปีเท่านั้น โดยพุทธศาสนาจะค่อยๆ เสื่อมไปในที่สุดด้วยตัวของมันเอง
เวลานี้ผ่านไปแล้ว 2,600 ปี ก็เหลือเวลาอีกไม่นานนัก ที่จะถึงจุดเสื่อมของพุทธศาสนาอย่างที่มีคำทำนาย โดยพระพุทธเจ้าท่านบอกว่า ความเสื่อมนั้นจะเกิดจากพุทธบริษัททั้ง 4 ที่เป็นคนสนับสนุนพระพุทธศาสนาเอง
พุทธบริษัท 4 ได้แก่ พระภิกษุ พระภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา
พระผู้ชาย พระผู้หญิง ชี ญาติโยม ลูกศิษย์ลูกหา ทั้งหมดนี้แม้จะเป็นส่วนสำคัญในการสนับสนุนพุทธศาสนา แต่ในมุมกลับ คนกลุ่มนี้จะเป็นผู้ทำลายพุทธศาสนาเสียเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “พระสงฆ์” ที่ถือว่าเป็นผู้สนับสนุนพระพุทธศาสนามากกว่าพุทธบริษัทอื่นๆ ก็สามารถเป็น “ผู้ทำลาย” พุทธศาสนาได้มากที่สุดในบรรดาทั้งหมด
อย่าแปลกใจที่เวลานี้เรื่องราวสุดฉาวของ “พระ” ทั้งหลาย จึงเป็นที่ถูกตั้งประเด็นสงสัยว่าศาสนาพุทธกำลังเสื่อมลงอย่างที่สุด หากย้อนดูเหตุการณ์สารพัดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่เป็นข่าวโด่งดัง ก็ล้วนทำให้ประชาชนเกิดวิกฤตศรัทธาต่อผ้าเหลืองอย่างเห็นได้ชัด
ที่สำคัญพระเหล่านี้กลับมีเส้นทางเดินและจบชีวิตความเป็นพระคล้ายๆ กัน ด้วยเหตุที่ร่ำรวยด้วยแรงบริจาคจากประชาชนที่เลื่อมใสศรัทธา และสุดท้ายมักถูก “ปาราชิก” เพราะสีกาเข้ามาเกี่ยวข้องจนเป็นที่โจษจันถึงปรากฏการณ์ “นารีพิฆาต”!
กลยุทธ์สร้างศรัทธา-เงิน-บารมี
อย่างไรก็ดีการครองจีวรเป็นพระนั้น ถ้าไม่ได้มีศรัทธาประชาชนเข้ามาเสริมแรง โอกาสที่จะกินอยู่อย่างสุขสบาย ร่ำรวยด้วยทรัพย์สินต่างๆ ที่จะใช้เกื้อหนุนใครต่อใครย่อมเป็นไปได้ยาก โดยเฉพาะอิสตรีที่พระนั้นหมายปอง
เพราะพระที่แท้มักอยู่อย่างสมถะ
ขณะที่พระอยากสบายนั้น ต้องสร้างศรัทธา เพราะศรัทธาจะนำมาสู่ “ความสุขสบาย” ที่แม้เป็นฆราวาสก็ยากที่จะประสบความสำเร็จเช่นนี้ได้
ดังนั้น เมื่อเกิดเรื่องฉาวๆ ของพระสงฆ์แต่ละครั้ง แม้พระนั้นๆ จะถูกสังคมประณามหยามเหยียดเพียงไร แต่ไม่นานนักคนก็จะลืมพระฉาวคนนั้นไป และเกิดมีพระรูปอื่นกระทำเฉกเช่นเดียวกันนี้ขึ้นมาใหม่ จนทำให้กระแสวิกฤตศรัทธาในผ้าเหลืองสูงขึ้นกว่าที่ผ่านมา
“เมื่อเรื่องของหลวงปู่เณรคำจบลงหรือค่อยๆ ซาลงไป เชื่อว่าอีกไม่นานก็จะมีเรื่องราวของพระรูปใหม่ๆ ที่โด่งดังในทางธรรมเกิดขึ้นมาอีก ทั้งนี้เป็นเพราะคนไทยลืมง่าย” ดร.มนัส โกมลฑา อาจารย์มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน นครราชสีมา กล่าว
ดร.มนัสเป็นใคร คนในสังคมบางกลุ่มอาจไม่ทราบ แต่ ดร.มนัสนี้ประกาศตัวว่าคือศิษย์หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ คลุกคลีกับวงการศาสนามานาน และเป็นผู้หนึ่งที่กล้าออกมาเปิดโปงคนที่เขาเรียกว่า “สมีธรรมชโย” เจ้าอาวาสวัดธรรมกาย ว่าบิดเบือนคำสอนหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ ในวิชาธรรมกาย ออกมาหาประโยชน์ส่วนตน และมีคำสอนที่ผิดต่อหลักการพุทธศาสนา
ดร.มนัสจึงเป็นคนหนึ่งที่ประกาศตัวเป็นศัตรูกับ “มาร” ของพระพุทธศาสนาในรูปแบบของพระอย่างเต็มรูปแบบ ไม่ว่าพระรูปนั้นจะได้แรงศรัทธาจากมหาชนมากขนาดไหน
ดร.มนัสกล่าวกับ Special scoop ว่าการที่พระรูปหนึ่งจะโด่งดังขึ้นมา มีลูกศิษย์ลูกหาที่ศรัทธามากมายนั้น เกิดขึ้นจาก 2 องค์ประกอบ คือตัวพุทธศาสนิกชน และกระบวนการของพระ .........................
หัวข้อที่เหลือค่ะ อ่านต่อได้ตามลิงค์
http://astv.mobi/Ai6YIyM
ปูดอิทธิปาฏิหาริย์เรียกแขก
พระกล้าพูด กล้าขอ- “เงิน-สตรี” ไหลมา
2532 “สมีเจี๊ยบ” มีเมียเกือบโหล
2533 “พระมหานิกร” เสพเมถุนกับอิสตรี
2537 นารีพิฆาตดับ “ยันตระ อัมโรภิกขุ”
2538 เสียงครวญ “ภาวนาพุทโธ” พ่อถูกใส่ร้าย!
อิสระมุนี “มือที่ 3 ทำครอบครัวสีกานิด” แตกแยก?
หลวงปู่เณรคำ “เมีย 8 ลูก 2”
2556 สึกเพราะรัก “มิตซูโอะ คเวสโก”
วิธีโกยสมบัติของพระ
ขบวนการหากินของคนห่มเหลือง! กลยุทธ์ปลุกศรัทธา-เงิน-บารมี-นารีพิฆาต
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 4 กรกฎาคม 2556 06:00 น.
ตีแผ่ 2 องค์ประกอบปั้นพระโด่งดัง ดึงญาติโยมศรัทธาล้นหลาม เงินทองไหลมาเทมาไม่ขาดสาย นำไปสู่เส้นทาง “นารีพิฆาต” ถูกปาราชิกหลุดจากวิถีความเป็นพระสงฆ์ ขณะที่ ปู่เณรคำ เดินอยู่บนเส้นทางคล้ายคลึงกับอดีตพระดัง “สมีเจี๊ยบ-นิกร-ยันตระ-ภาวนาพุทโธ-อิสระมุนี” ส่วนอดีตพระมิตซูโอะ ถูกตั้งคำถามเบียดก่อนสึก หรือสึกก่อนเบียด ด้านพระผู้ใหญ่ในวัดหลวง ระบุ บริบททางสังคมทำให้พระใช้กุฎิมั่วสีกาได้ง่าย
“พระพุทธศาสนา” ไม่มีวันเสื่อม!
คำกล่าวนี้ถูกหักล้างแบบเบ็ดเสร็จ จากคนที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ก่อตั้ง
คำพุทธทำนายของ “พระพุทธเจ้า” ศาสดาของศาสนาพุทธ เคยกล่าวไว้ว่า พระพุทธศาสนาจะอยู่ได้นานที่สุดก็แค่ 5 พันปีเท่านั้น โดยพุทธศาสนาจะค่อยๆ เสื่อมไปในที่สุดด้วยตัวของมันเอง
เวลานี้ผ่านไปแล้ว 2,600 ปี ก็เหลือเวลาอีกไม่นานนัก ที่จะถึงจุดเสื่อมของพุทธศาสนาอย่างที่มีคำทำนาย โดยพระพุทธเจ้าท่านบอกว่า ความเสื่อมนั้นจะเกิดจากพุทธบริษัททั้ง 4 ที่เป็นคนสนับสนุนพระพุทธศาสนาเอง
พุทธบริษัท 4 ได้แก่ พระภิกษุ พระภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา
พระผู้ชาย พระผู้หญิง ชี ญาติโยม ลูกศิษย์ลูกหา ทั้งหมดนี้แม้จะเป็นส่วนสำคัญในการสนับสนุนพุทธศาสนา แต่ในมุมกลับ คนกลุ่มนี้จะเป็นผู้ทำลายพุทธศาสนาเสียเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “พระสงฆ์” ที่ถือว่าเป็นผู้สนับสนุนพระพุทธศาสนามากกว่าพุทธบริษัทอื่นๆ ก็สามารถเป็น “ผู้ทำลาย” พุทธศาสนาได้มากที่สุดในบรรดาทั้งหมด
อย่าแปลกใจที่เวลานี้เรื่องราวสุดฉาวของ “พระ” ทั้งหลาย จึงเป็นที่ถูกตั้งประเด็นสงสัยว่าศาสนาพุทธกำลังเสื่อมลงอย่างที่สุด หากย้อนดูเหตุการณ์สารพัดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่เป็นข่าวโด่งดัง ก็ล้วนทำให้ประชาชนเกิดวิกฤตศรัทธาต่อผ้าเหลืองอย่างเห็นได้ชัด
ที่สำคัญพระเหล่านี้กลับมีเส้นทางเดินและจบชีวิตความเป็นพระคล้ายๆ กัน ด้วยเหตุที่ร่ำรวยด้วยแรงบริจาคจากประชาชนที่เลื่อมใสศรัทธา และสุดท้ายมักถูก “ปาราชิก” เพราะสีกาเข้ามาเกี่ยวข้องจนเป็นที่โจษจันถึงปรากฏการณ์ “นารีพิฆาต”!
กลยุทธ์สร้างศรัทธา-เงิน-บารมี
อย่างไรก็ดีการครองจีวรเป็นพระนั้น ถ้าไม่ได้มีศรัทธาประชาชนเข้ามาเสริมแรง โอกาสที่จะกินอยู่อย่างสุขสบาย ร่ำรวยด้วยทรัพย์สินต่างๆ ที่จะใช้เกื้อหนุนใครต่อใครย่อมเป็นไปได้ยาก โดยเฉพาะอิสตรีที่พระนั้นหมายปอง
เพราะพระที่แท้มักอยู่อย่างสมถะ
ขณะที่พระอยากสบายนั้น ต้องสร้างศรัทธา เพราะศรัทธาจะนำมาสู่ “ความสุขสบาย” ที่แม้เป็นฆราวาสก็ยากที่จะประสบความสำเร็จเช่นนี้ได้
ดังนั้น เมื่อเกิดเรื่องฉาวๆ ของพระสงฆ์แต่ละครั้ง แม้พระนั้นๆ จะถูกสังคมประณามหยามเหยียดเพียงไร แต่ไม่นานนักคนก็จะลืมพระฉาวคนนั้นไป และเกิดมีพระรูปอื่นกระทำเฉกเช่นเดียวกันนี้ขึ้นมาใหม่ จนทำให้กระแสวิกฤตศรัทธาในผ้าเหลืองสูงขึ้นกว่าที่ผ่านมา
“เมื่อเรื่องของหลวงปู่เณรคำจบลงหรือค่อยๆ ซาลงไป เชื่อว่าอีกไม่นานก็จะมีเรื่องราวของพระรูปใหม่ๆ ที่โด่งดังในทางธรรมเกิดขึ้นมาอีก ทั้งนี้เป็นเพราะคนไทยลืมง่าย” ดร.มนัส โกมลฑา อาจารย์มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน นครราชสีมา กล่าว
ดร.มนัสเป็นใคร คนในสังคมบางกลุ่มอาจไม่ทราบ แต่ ดร.มนัสนี้ประกาศตัวว่าคือศิษย์หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ คลุกคลีกับวงการศาสนามานาน และเป็นผู้หนึ่งที่กล้าออกมาเปิดโปงคนที่เขาเรียกว่า “สมีธรรมชโย” เจ้าอาวาสวัดธรรมกาย ว่าบิดเบือนคำสอนหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ ในวิชาธรรมกาย ออกมาหาประโยชน์ส่วนตน และมีคำสอนที่ผิดต่อหลักการพุทธศาสนา
ดร.มนัสจึงเป็นคนหนึ่งที่ประกาศตัวเป็นศัตรูกับ “มาร” ของพระพุทธศาสนาในรูปแบบของพระอย่างเต็มรูปแบบ ไม่ว่าพระรูปนั้นจะได้แรงศรัทธาจากมหาชนมากขนาดไหน
ดร.มนัสกล่าวกับ Special scoop ว่าการที่พระรูปหนึ่งจะโด่งดังขึ้นมา มีลูกศิษย์ลูกหาที่ศรัทธามากมายนั้น เกิดขึ้นจาก 2 องค์ประกอบ คือตัวพุทธศาสนิกชน และกระบวนการของพระ .........................
หัวข้อที่เหลือค่ะ อ่านต่อได้ตามลิงค์ http://astv.mobi/Ai6YIyM
ปูดอิทธิปาฏิหาริย์เรียกแขก
พระกล้าพูด กล้าขอ- “เงิน-สตรี” ไหลมา
2532 “สมีเจี๊ยบ” มีเมียเกือบโหล
2533 “พระมหานิกร” เสพเมถุนกับอิสตรี
2537 นารีพิฆาตดับ “ยันตระ อัมโรภิกขุ”
2538 เสียงครวญ “ภาวนาพุทโธ” พ่อถูกใส่ร้าย!
อิสระมุนี “มือที่ 3 ทำครอบครัวสีกานิด” แตกแยก?
หลวงปู่เณรคำ “เมีย 8 ลูก 2”
2556 สึกเพราะรัก “มิตซูโอะ คเวสโก”
วิธีโกยสมบัติของพระ