กษัตริย์อัลแบร์ที่ 2 แห่งเบลเยียม ประกาศสละราชสมบัติ

กระทู้ข่าว

สมเด็จพระราชาธิบดีอัลแบร์ที่ 2 แห่งเบลเยียม ทรงมีพระราชดำรัสทางโทรทัศน์ ประกาศสละราชสมบัติ และมอบอำนาจให้กับเจ้าชายฟิลิปป์ พระโอรส

สมเด็จพระราชาธิบดีอัลแบร์ที่ 2 แห่งเบลเยียม พระชนมายุ 79 พรรษา ทรงมีพระราชดำรัสเผยแพร่ผ่านสถานีโทรทัศน์วานนี้ (3 ก.ค.)ว่า พระองค์จะทรงสละราชสมบัติและมอบอำนาจให้แก่มกุฏราชกุมารฟิลิปป์ พระชนมายุ 53 พรรษา ในวันที่ 21 กรกฎาคมนี้ ซึ่งเป็นวันชาติเบลเยี่ยม ทั้งนี้ มกุฏราชกุมารฟิลิปป์ พระราชโอรส ทรงอยู่ในฐานะรัชทายาทอันดับที่หนึ่ง

พระองค์แถลงว่า ปัญหาพระพลานามัยของพระองค์ในช่วงหลังส่งผลให้ไม่สามารถปฏิบัติพระราชภารกิจได้ตามพระประสงค์ และจะทรงสละราชบัลลังก์ หลังดำรงตำแหน่งประมุขของประเทศมานานเกือบ 20 ปี

ทั้งนี้ ในระหว่างช่วงภาวะชะงักงันทางการเมืองของเบลเยี่ยม ในช่วงระหว่างปี 2010-2011 สมเด็จพระราชาธิบดีอัลแบร์ที่ 2 ซึ่งจะทรงครองราชย์ครบ 20 ปี ในเดือนหน้า พระองค์ทรงวางพระองค์ในบทบาทผู้ไกล่เกลี่ยทางการเมือง พระองค์จะทรงสละราชสมบัติในวันที่ 21 ก.ค.นี้ ซึ่งตรงกับวันชาติเบลเยียม

สถานีโทรทัศน์อาร์ทีบีเอฟรายงานว่า นับเป็นการสละราชสมบัติครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของเบลเยียม ซึ่งได้รับเอกราชจากเนเธอร์แลนด์เมื่อปีค.ศ.1831 ซึ่งตั้งแต่นั้น พระราชวงศ์ซัคเซิน-โคบูร์กและโกทา ได้ปกครองเบลเยียมมาตลอดในฐานะองค์ประมุขภายใต้รัฐธรรมนูญ

สถานีโทรทัศน์รัฐบาลรายงานว่า ในช่วงเช้าวานนี้ พระองค์ทรงเข้าหารือกับคณะรัฐมนตรีเบลเยียม เพื่อแจ้งการตัดสินพระทัยของพระองค์ ขณะที่สำนักพระราชวังเบลเยียมเปิดเผยแถลงการณ์ใจความว่า คณะรัฐมนตรีได้ร่วมหารือกับกษัตริย์เบลเยียม และพระองค์จะทรงมีพระราชดำรัสต่อประชาชนในเวลา 18.00 น.ตามเวลาท้องถิ่นผ่านทางโทรทัศน์และวิทยุ โดยหลังจากนั้น นายกรัฐมนตรีเอลิโอ ดิ รูโป จะได้กล่าวแถลงการณ์ต่อประชาชนเป็นลำดับต่อไป

สมเด็จพระราชาธิบดีอัลแบร์ที่ 2 แห่งเบลเยียม เสด็จขึ้นครองราชย์เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม ปี 1993 หลังการเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระราชาธิบดีโบดวง พระเชษฐา ขณะมีพระชนมายุ 62 พรรษา ในฐานะกษัตริย์พระองค์ที่ 6 ของเบลเยี่ยม พระองค์ทรงเป็นพระราชโอรสองค์ที่ 2 ของสมเด็จพระราชาธิบดีเลโอโปลด์ที่ 3 (ค.ศ.1901-1983) กับเจ้าหญิงอัสตริดแห่งสวีเดน (ค.ศ.1905-1935)

พระองค์ทรงเคยทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการไกล่เกลี่ยความขัดแย้งทางการเมืองในช่วงปี 2010-2011 และทรงเป็นที่ปรึกษาในการก่อตั้งรัฐบาลในช่วงที่เบลเยี่ยมตกอยู่ในสภาพไร้รัฐบาล เป็นเวลานานถึง 541 วัน หลังจากการเลือกตั้งทั่วไปไม่สามารถหาผู้ชนะที่แท้จริงได้ ระหว่างพรรคการเมืองที่เป็นตัวแทนของกลุ่มคนที่พูดภาษาเฟลมิชและฝรั่งเศส ที่มักทำให้รัฐบาลหลายชุดที่ผ่านมาขาดความมีเสถียรภาพ

อย่างไรก็ดี ความจงรักภักดีต่อสถาบันกษัตริย์ หรือเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ขั้วทางการเมืองทั้งสองกลุ่มสามารถประสานได้กันในที่สุด

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ


ที่มา มติชนออนไลน์
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่