"จำเลยสังคม...ที่แปรเปลี่ยน" คอลัมน์ : จากปากกายอดทอง 1-07-13
ทั้งจากการออกสื่อทางฟรีทีวีทางช่อง 3 และไทยพีบีเอส ของคุณวิรัช ชาญพานิชย์ และคุณอรรณพ สิงห์โตทอง ดีเบตกับคุณวรวีร์ มะกูดี ในการแจงวิถีลูกหนังที่ฝั่งที่ฝ่ายตนต้องการ ทั้งจดหมายที่ส่งไป และรับตอบกลับมาฟีฟ่าทางระบบโซเชียลเน็ตเวิร์กสู่สาธารณะ ที่ใครก็คลิกเปิดดูได้
ทั้งการเปิดเผยรายชื่อสโมสรสมาชิกสมาคมฟุตบอลฯ ทุกประเภทโดยกระจ่าง คงทำให้สังคมโดยรอบ ประชาชนส่วนใหญ่ เข้าใจถึง สถานภาพความเป็นไปของวงการฟุตบอลไทยมากขึ้นแล้วนะครับ
ไม่ต้องไปคิดถึงกฎฟีฟ่าที่จะหาว่าล้ำอธิปไตยกฎหมายกีฬาไทย แค่ใช้วิจารณญาณสามัญสำนึกพิจารณา ก็ทราบเองแหละครับว่า อะไรคือความชอบธรรม สำหรับวิถีฟุตบอลที่ต้องก้าวต่อไปในยุคนี้และอนาคต
อะไรคือการเลือกตั้งระบบ 184 เสียง อะไรคือการเลือกตั้งระบบ 72 เสียง ทำเพื่อใคร อย่างไร
ที่สำคัญก็คือผลของมันจะเป็นเช่นไร?
ภาพลักษณ์จำเลยสังคมที่ "ช้ำ" มาตลอดของคุณวรวีร์ ก็ดูจะกระเตื้องดีขึ้นเป็นลำดับ หลังจากการดีเบตดังกล่าว มันเป็นการแสดงข้อเท็จจริงให้กระจ่างว่า "ทำอะไร ได้อะไร" ไม่ใช่ถูกตั้งธงว่า คุณวรวีร์จะได้รับอีกสมัย ถ้าใช้กฎฟีฟ่า 72 เสียง ซึ่งก็ชี้แจงทุกครั้งว่า หากทำล้ำเส้น ฟีฟ่าลงโทษหนักแน่ จะกลัวอะไรกับการเลือกตั้งที่เป็นกติกาสากล ฟีฟ่ารับรอง คู่กรณีไม่รับฟัง คราวนี้มหาชนสังคมทั่วไปก็รับรู้รับฟัง พร้อมหลักฐานฟีฟ่าชัดเจนแล้ว
หากดูเหมือนว่า ทางฝั่งคุณวิรัชก็ยังมุ่งไปยังเป้าที่ปักธงไว้เดิม ระบุคุณวรวีร์ หมดความชอบธรรมในการบริหารสมาคมฟุตบอลฯ แล้ว กกท. ต้องเข้ามาแซงชั่น ให้มีการเลือกตั้งให้ได้ในกลางเดือน ก.ค. นี้ ด้วยระบบ 184 เสียง (คุณวิรัชย่อมได้รับเลือกแน่นอน เพราะช้อนเสียงปลาซิวได้ทั้งข้องแล้ว) คณะกรรมการสมาคมฯ ชุดใหม่ จะแสดงสปิริตลาออก ขอเจรจากับฟีฟ่าอีกรอบเอง เพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่ภายใต้ธรรมนูญฟีฟ่า
คิดน่ะคิดได้ แต่ทำแล้ว ผลมันจะได้ตามที่หวังหรือเปล่าครับ?
ฟีฟ่าส่งหนังสือมาชัดเจนว่า ต้องเลือกระบบธรรมนูญฟีฟ่าโดยตรงภายใน 30 ก.ย. หากทำอะไรที่ "ล้ำเส้น" เกินกว่านั้น คือการแสดงเจตนาไม่ยอมรับในคำแจ้งเตือน
มันเป็นไปได้นะครับว่า หากมีการเลือกตั้งในกลางเดือน ก.ค. นี้ คุณวิรัชได้เป็นนายกฯ ปุ๊บ ฟีฟ่าก็ส่งหนังสือแบนสมาคมฯ ปั๊บ โดยไม่สนใจการลาออกของคุณวิรัชหรือการเลือกตั้งใหม่ภายใน 30 ก.ย.
มันต้องอ่านเจตนารมณ์ของฟีฟ่า ไม่ใช่คิดเองเออเอง แล้วเสี่ยงทำ
คำพูดของคุณอรรณพที่ออกโทรทัศน์ไทยพีบีเอส กล่าวว่า...หากฟีฟ่าจะแบน ก็ช่างไปก่อน ถึงบุรีรัมย์จะไม่ได้แข่งเอเอฟซี ชลบุรีจะไม่ได้ได้แข่งฟุตซอลโลกก็ยอม เราเจรจากันใหม่ได้ ฟีฟ่าฟังแต่คุณวรวีร์ ทีนี้ต้องฟังผมบ้าง...กลายเป็นท็อปปิกอย่างมากในกระแสสังคม เพราะการโดนฟีฟ่าแบน มันสาหัสสากรรจ์
โดยรวมทั้งวงการ มากกว่าเพียงแค่สองสโมสรเสียผลประโยชน์บ้างก็ยอม ดังที่คุณอรรณพกล่าวนะครับ
ยามนี้ความกดดันที่เคยอยู่บ่าคุณวรวีร์ จึงย้ายฝั่งมาอยู่บนไหล่คุณวิรัช คุณอรรณพบ้างแล้ว
กกท. รู้ดีว่า งานนี้เผือกร้อนลวกมือ พลาดพลั้งไปวงการฟุตบอลไทยโดนฟีฟ่าแบน ทั้งผู้ว่า กกท. ทั้งฝ่ายกฎหมายจะอยู่ได้ไหม คงโดนปลดทั้งยวงแน่ๆ
คณะรัฐมนตรีรัฐบาลคุณยิ่งลักษณ์ ไม่ยอมหรอก ยามนี้อะไรที่เน่าๆ ทำภาพลักษณ์การบริหารโดยรวมเสียต้องริดออก ระดับรัฐมนตรียังโดน แค่ผู้ว่าฯ คงไม่เหลือ คุณบรรหารเองก็คงไม่ปกป้อง เพราะมันเสียหายในระดับมหภาค
ก็อาจมีสัญญาณ กกท. จะไม่เล่นตามเกมฝั่งคุณวิรัช ใครก็ถือคติ...รู้รักษาตัวรอด เป็นยอดดี...ทั้งนั้นและครับ
ถึงตอนนี้ คุณวรวีร์ คงไม่ต้องทำอะไรต่อแล้ว จะเชิญฟีฟ่ามาอีกรอบก็ทำไปแล้วจบ ทำอะไรมากไปกว่านี้ ก็ถูกหาว่า ดึงอำนาจฟีฟ่ามาการันตีเก้าอี้นายกฯ
สังคมรู้ วงการฟุตบอลอาชีพแท้จริงรู้ มีศรัทธากลับมาก็จบ
ให้ฝั่งคุณวิรัช ทำอะไรตามอำเภอใจไปเลย อยากทำอะไรก็ทำไป จะบีบ กกท. จะฟ้องร้องศาลอีก จะจัดการเลือกตั้งระบบ 184 เสียงก็ทำไปเลย (กกท. จะเอาตัวเข้าไปพัน รับรองหรือไม่ ก็ดูกันไป) แล้วมันจะอีนุงตุงนังอย่างไร ก็เป็นเรื่องของฝั่งคุณวิรัชแล้ว ไม่เกี่ยวกับคุณวรวีร์
ถ้าทุกอย่างสำเร็จทุกประการ ด้วยความชอบธรรม สมตามเจตนารมณ์ของคุณอรรณพ ที่ผลักดันให้คุณวิรัช ชาญพานิชย์ ขึ้นมาเป็นนายกสมาคมฟุตบอลฯสำเร็จ อย่างโปร่งใส ด้วยการยอมรับของ กกท. และฟีฟ่า ผมก็ขอก้มหัวคำนับสรรเสริญ ยอมรับในวิถีฟุตบอลนั้น
แต่ถ้ามันไม่ใช่ หมากเกมที่เดินกลายเป็น ความพินาศ เผาบ้านไล่หนูตัวเดียว ฟีฟ่าแบนฟุตบอลไทยแลนด์
กันทั้งวงการ
สังคมจะรับรู้ จะตอบโจทย์เองว่า...ใครควรเป็นจำเลยของสังคม?
ถึงตอนนั้น ไม่ว่าใคร ยังจะบากหน้า เสนอหน้าอยู่ในวงการฟุตบอลที่คุณเผาย่อยยับกับมือได้หรือครับ?
-ยอดทอง-
ขอบคุณ www . siamsport . com
"จำเลยสังคม...ที่แปรเปลี่ยน" คอลัมน์ : จากปากกายอดทอง 1-07-13
ทั้งจากการออกสื่อทางฟรีทีวีทางช่อง 3 และไทยพีบีเอส ของคุณวิรัช ชาญพานิชย์ และคุณอรรณพ สิงห์โตทอง ดีเบตกับคุณวรวีร์ มะกูดี ในการแจงวิถีลูกหนังที่ฝั่งที่ฝ่ายตนต้องการ ทั้งจดหมายที่ส่งไป และรับตอบกลับมาฟีฟ่าทางระบบโซเชียลเน็ตเวิร์กสู่สาธารณะ ที่ใครก็คลิกเปิดดูได้
ทั้งการเปิดเผยรายชื่อสโมสรสมาชิกสมาคมฟุตบอลฯ ทุกประเภทโดยกระจ่าง คงทำให้สังคมโดยรอบ ประชาชนส่วนใหญ่ เข้าใจถึง สถานภาพความเป็นไปของวงการฟุตบอลไทยมากขึ้นแล้วนะครับ
ไม่ต้องไปคิดถึงกฎฟีฟ่าที่จะหาว่าล้ำอธิปไตยกฎหมายกีฬาไทย แค่ใช้วิจารณญาณสามัญสำนึกพิจารณา ก็ทราบเองแหละครับว่า อะไรคือความชอบธรรม สำหรับวิถีฟุตบอลที่ต้องก้าวต่อไปในยุคนี้และอนาคต
อะไรคือการเลือกตั้งระบบ 184 เสียง อะไรคือการเลือกตั้งระบบ 72 เสียง ทำเพื่อใคร อย่างไร
ที่สำคัญก็คือผลของมันจะเป็นเช่นไร?
ภาพลักษณ์จำเลยสังคมที่ "ช้ำ" มาตลอดของคุณวรวีร์ ก็ดูจะกระเตื้องดีขึ้นเป็นลำดับ หลังจากการดีเบตดังกล่าว มันเป็นการแสดงข้อเท็จจริงให้กระจ่างว่า "ทำอะไร ได้อะไร" ไม่ใช่ถูกตั้งธงว่า คุณวรวีร์จะได้รับอีกสมัย ถ้าใช้กฎฟีฟ่า 72 เสียง ซึ่งก็ชี้แจงทุกครั้งว่า หากทำล้ำเส้น ฟีฟ่าลงโทษหนักแน่ จะกลัวอะไรกับการเลือกตั้งที่เป็นกติกาสากล ฟีฟ่ารับรอง คู่กรณีไม่รับฟัง คราวนี้มหาชนสังคมทั่วไปก็รับรู้รับฟัง พร้อมหลักฐานฟีฟ่าชัดเจนแล้ว
หากดูเหมือนว่า ทางฝั่งคุณวิรัชก็ยังมุ่งไปยังเป้าที่ปักธงไว้เดิม ระบุคุณวรวีร์ หมดความชอบธรรมในการบริหารสมาคมฟุตบอลฯ แล้ว กกท. ต้องเข้ามาแซงชั่น ให้มีการเลือกตั้งให้ได้ในกลางเดือน ก.ค. นี้ ด้วยระบบ 184 เสียง (คุณวิรัชย่อมได้รับเลือกแน่นอน เพราะช้อนเสียงปลาซิวได้ทั้งข้องแล้ว) คณะกรรมการสมาคมฯ ชุดใหม่ จะแสดงสปิริตลาออก ขอเจรจากับฟีฟ่าอีกรอบเอง เพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่ภายใต้ธรรมนูญฟีฟ่า
คิดน่ะคิดได้ แต่ทำแล้ว ผลมันจะได้ตามที่หวังหรือเปล่าครับ?
ฟีฟ่าส่งหนังสือมาชัดเจนว่า ต้องเลือกระบบธรรมนูญฟีฟ่าโดยตรงภายใน 30 ก.ย. หากทำอะไรที่ "ล้ำเส้น" เกินกว่านั้น คือการแสดงเจตนาไม่ยอมรับในคำแจ้งเตือน
มันเป็นไปได้นะครับว่า หากมีการเลือกตั้งในกลางเดือน ก.ค. นี้ คุณวิรัชได้เป็นนายกฯ ปุ๊บ ฟีฟ่าก็ส่งหนังสือแบนสมาคมฯ ปั๊บ โดยไม่สนใจการลาออกของคุณวิรัชหรือการเลือกตั้งใหม่ภายใน 30 ก.ย.
มันต้องอ่านเจตนารมณ์ของฟีฟ่า ไม่ใช่คิดเองเออเอง แล้วเสี่ยงทำ
คำพูดของคุณอรรณพที่ออกโทรทัศน์ไทยพีบีเอส กล่าวว่า...หากฟีฟ่าจะแบน ก็ช่างไปก่อน ถึงบุรีรัมย์จะไม่ได้แข่งเอเอฟซี ชลบุรีจะไม่ได้ได้แข่งฟุตซอลโลกก็ยอม เราเจรจากันใหม่ได้ ฟีฟ่าฟังแต่คุณวรวีร์ ทีนี้ต้องฟังผมบ้าง...กลายเป็นท็อปปิกอย่างมากในกระแสสังคม เพราะการโดนฟีฟ่าแบน มันสาหัสสากรรจ์ โดยรวมทั้งวงการ มากกว่าเพียงแค่สองสโมสรเสียผลประโยชน์บ้างก็ยอม ดังที่คุณอรรณพกล่าวนะครับ
ยามนี้ความกดดันที่เคยอยู่บ่าคุณวรวีร์ จึงย้ายฝั่งมาอยู่บนไหล่คุณวิรัช คุณอรรณพบ้างแล้ว
กกท. รู้ดีว่า งานนี้เผือกร้อนลวกมือ พลาดพลั้งไปวงการฟุตบอลไทยโดนฟีฟ่าแบน ทั้งผู้ว่า กกท. ทั้งฝ่ายกฎหมายจะอยู่ได้ไหม คงโดนปลดทั้งยวงแน่ๆ
คณะรัฐมนตรีรัฐบาลคุณยิ่งลักษณ์ ไม่ยอมหรอก ยามนี้อะไรที่เน่าๆ ทำภาพลักษณ์การบริหารโดยรวมเสียต้องริดออก ระดับรัฐมนตรียังโดน แค่ผู้ว่าฯ คงไม่เหลือ คุณบรรหารเองก็คงไม่ปกป้อง เพราะมันเสียหายในระดับมหภาค
ก็อาจมีสัญญาณ กกท. จะไม่เล่นตามเกมฝั่งคุณวิรัช ใครก็ถือคติ...รู้รักษาตัวรอด เป็นยอดดี...ทั้งนั้นและครับ
ถึงตอนนี้ คุณวรวีร์ คงไม่ต้องทำอะไรต่อแล้ว จะเชิญฟีฟ่ามาอีกรอบก็ทำไปแล้วจบ ทำอะไรมากไปกว่านี้ ก็ถูกหาว่า ดึงอำนาจฟีฟ่ามาการันตีเก้าอี้นายกฯ
สังคมรู้ วงการฟุตบอลอาชีพแท้จริงรู้ มีศรัทธากลับมาก็จบ
ให้ฝั่งคุณวิรัช ทำอะไรตามอำเภอใจไปเลย อยากทำอะไรก็ทำไป จะบีบ กกท. จะฟ้องร้องศาลอีก จะจัดการเลือกตั้งระบบ 184 เสียงก็ทำไปเลย (กกท. จะเอาตัวเข้าไปพัน รับรองหรือไม่ ก็ดูกันไป) แล้วมันจะอีนุงตุงนังอย่างไร ก็เป็นเรื่องของฝั่งคุณวิรัชแล้ว ไม่เกี่ยวกับคุณวรวีร์
ถ้าทุกอย่างสำเร็จทุกประการ ด้วยความชอบธรรม สมตามเจตนารมณ์ของคุณอรรณพ ที่ผลักดันให้คุณวิรัช ชาญพานิชย์ ขึ้นมาเป็นนายกสมาคมฟุตบอลฯสำเร็จ อย่างโปร่งใส ด้วยการยอมรับของ กกท. และฟีฟ่า ผมก็ขอก้มหัวคำนับสรรเสริญ ยอมรับในวิถีฟุตบอลนั้น
แต่ถ้ามันไม่ใช่ หมากเกมที่เดินกลายเป็น ความพินาศ เผาบ้านไล่หนูตัวเดียว ฟีฟ่าแบนฟุตบอลไทยแลนด์ กันทั้งวงการ
สังคมจะรับรู้ จะตอบโจทย์เองว่า...ใครควรเป็นจำเลยของสังคม?
ถึงตอนนั้น ไม่ว่าใคร ยังจะบากหน้า เสนอหน้าอยู่ในวงการฟุตบอลที่คุณเผาย่อยยับกับมือได้หรือครับ?
-ยอดทอง-
ขอบคุณ www . siamsport . com