เรื่องบ้านๆ ที่คนอย่างผมคิดไม่รอบด้านเอง ขอคำปรึกษาหน่อยครับ

เรื่องมีอยู่ว่า 5 ปีที่แล้วปรึกษากับแฟนว่าเราต้องมีบ้านเพราะกำลังจะมีลูก เพือความสะดวกเราควรมีบ้านนะ ไปดูบ้านมาหลายๆที่เปรียบเทรียบราคา เอ้าวะ หลังนี้แหละวะ แฟนบอกเอาเล็กกว่านี้ก็ได้นะ จะได้ผ่อนหมดไวๆหน่อย เอาเป็นทาวเฮาส์ดีกว่า 8-9 แสนเอง แต่ที่เราดูไว้ มัน 1.5 ล้านนะ มันดีกว่าอย่างโน้น อย่างนี้ เป็นทรัพย์สิน บลาๆๆๆ เอาแล้วแต่เธอละกัน
      ผ่านมา 5 ปี ไวเหมือนโกหก มีลูกสองคน การผ่อนปกติไม่เป็นภาระมากนัก อยู่ได้มีเงินเก็บนิดหน่อย ท่าทางดีมีความสุข แต่เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ฟังวิทยุรายการอะไรสักอย่างบอกว่าการมีบ้านที่ยังผ่อนไม่หมดเป็นหนี้สินไม่ใช่ทรัพย์สิน การอยากได้บ้านเป็นการตกหลุมพราง ที่จะต้องตกเป็นทาสของทางธนาคารถ้าเราจ่ายตามเรทที่เขากำหนดขั่นต่ำ ที่จริงการซื้อบ้านยิ่งทำให้หมดไวเท่าไหร่ยิ่งดี บลาๆๆๆ
      เฮ้ยฟังแล้วมันยังไงๆวะ เดียวกลับถึงบ้านเช็คดูดีกว่าว่าเราเสียดอกไปเท่าไหร่ เงินต้นลดเท่าไหร่ ฮ่าๆๆๆๆ ได้เวลาเคียร์กันชะที่ ว่าแล้วก็เอาบิลที่จ่ายทัง 2 ธนารคารมาไล่ตัวเลขดู (ผมรีไฟแนนช์ครับ)
      จ๊ากกกกกกกก !!!!!!!   ไม่จริง!!!!!!! เร็ทผ่านเดือน 8,500 บาท แต่ผม จ่าย เดือน 11,000 บาทแถมสินปี โป๊ะเพิมอีกต่างหาก เบ็ดเสร็จ รวมเงินส่งไป 7 แสนหน่อยๆ แล้วดอกเบียละ กดเครื่องคิดเลขเสร็จแทบเป็นลม เงินต้นลดไป 3 แสนต้นๆ ที่เหลือ 4 แสน เป็นดอกเบี้ย เลยเอา excel เขาแจกตามเน็ตมาใส่ตัวเลขดู เบ็ดเสร็จ ผ่อนหมด 3.4 ล้านเน็ตๆๆ ถึงจะหมดหนี้กะบ้านหลังนี้   จ๊ากกกกกกกก !!!!!!!  (ร้องดีกที เสียงดังด้วย) แฟนตกใจเข้ามาดู
       จากการคุยกันกับแฟนถ้าเป็นแบบนี่คงไม่ดีแน่ ส่วนต่างราคาจริงกับยอดที่ต้องจ่ายจริง มันต่างกันเยอะมาก ลองถามเพื่อนๆพี่ๆที่เขาขายบ้านไป ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเท่าทุนบ้างขาดทุนบ้างเมื่อรวมกับดอกเบี้ยที่เราต้องจ่าย ปลอบใจตัวเองแบบโง่ๆคือได้อยู่บ้าน     
       ผมกับแฟนจึงตัดสินใจที่จะขายบ้านหลังปัจจุบัน แล้วไปชื้อทาวเฮาส์ที่เราสามารถผ่อนหมดสัก 5-6 ปี (ราคาสักหนึ่งล้านบาท) อยู่ เพื่อดอกเบียจะได้ไม่มากนัก แล้วถ้าอยากได้บ้านใหม่ก็ขายแล้วเพือมราคาที่สูงขึ้น มีพี่ที่แผนกทำแบบนี้อยู แกผ่อนคอนโด 7 แสนหมดแล้ว แกขายได้  1 ล้านบาทแล้วเอาเงินก้อนนี้ ไปดาวบ้านมือสองเหมือนผมเลย 1.8 ล้าน แต่แกกู้แค่ 8 แสนเอง เมือเทียบกับผม ยอดคงเหลือผมยังตั้ง 1.2 ล้าน ต่างกันตั้ง  4 แสนเลยนะครับ
        พล่ามความโง่ชะยาว ขอถาม ขอความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ ครับว่า ผมควรขายบ้านแล้วทำเหมือนพี่เขาหรือป้าวครับ เป้าหมายคือแค่มีบ้าน และไม่อยากจ่าย 3.3 ล้านเพื่อบ้านหลังนี่ครับ อ้อ ผ่อนบ้านได้มากสุด 15,000 บาทต่อเดือนครับ
        ขอบคุณล่างหน้าครับ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
คุณชอบบ้านที่อยู่ตอนนี้หรือเปล่า ถ้าชอบก็ผ่อนต่อไปครับ  มีความคิดบางอย่างที่ต้องทำความเข้าใจให้ถูกต้องก่อน
1. การซื้อบ้าน 1.5 ล้าน หากรวมดอกเบี้ยก็จะต้องจ่ายประมาณ 3 ล้าน  เช่นเดียวกัน ถ้าคุณไปซื้อบ้าน 9 แสน ผ่อนแล้วจะจ่ายประมาณ 1.8 ล้าน  สรุปแล้ว ดอกเบี้ยเท่าตัวเช่นกัน
2. การซื้อบ้านไม่ใช่การเป็นหนี้สินอย่างเดียว  การซื้อบ้าน 1.5 ล้าน คุณจะได้ทรัพย์สินเป็นบ้าน มูลค่า 1.5 ล้านมาก่อน  ในขณะเดียวกันก็เกิดหนี้สิน 1.5 ล้านตามมาด้วย คือมันเกิดทั้งทรัพย์สินและหนี้สินพร้อมกัน
3. ดอกเบี้ยที่จ่ายให้ธนาคาร ให้คิดว่ามี 2 ส่วน คือ ส่วนของมูลค่าบ้านที่เพิ่มขึ้น และค่าธรรมเนียมที่จ่ายให้ธนาคารเพื่อที่เราจะได้ใช้ประโยชน์จากบ้านที่เราซื้อก่อน
4. ดอกเบี้ยที่คุณจ่ายส่วนมูลค่าของบ้านในอนาคต  คุณลองคิดว่าถ้าคุณจะเก็บเงิน 1.5 ล้าน ซื้อบ้านหลังนี้  คุณเก็บเงิน 10 ปี (เอาค่างวดหยอดกระปุก ผ่านมาแล้ว 5 ปี)  คุณคิดว่าคุณสามารถซื้อบ้านหลังนี้ในราคา 1.5 ล้าน ในอีก 5 ปีข้างหน้าได้หรือไม่  คุณอาจต้องกลับมาซื้อบ้านหลังนี้ในราคา 3 ล้านก็ได้
5. ดอกเบี้ยส่วนที่เหลือ ถ้าคุณได้ใช้ประโยชน์จากของที่ซื้อมาก่อน ไม่ต้องรอเก็บเงิน ถ้ามูลค่าที่ได้จากการใช้ประโยชน์มากกว่าส่วนให้ธนาคารในดอกเบี้ย ถือว่าคุ้ม  ความคุ้มแต่ละอย่างไม่เหมือนกัน  การซื้อบ้านแล้วให้เช่า ความคุ้มอยู่ที่กำไร  แต่การซื้อบ้านมาอยู่อาศัย ความคุ้มคือครอบครัวและจิตใจ  ผมถึงได้ถามว่าคุณมีความสุขกับบ้านหลังนี้หรือไม่ มีเพื่อนบ้านดีหรือเปล่า  ถ้าดี มันคุ้มกับดอกเบี้ยที่จ่ายไปหรือไม่

เมื่อคิดได้แล้ว ก็จะรู้ว่าควรย้ายหรือไม่  ถัดไปคือการบริหารหนี้สิน ซึ่งหนี้บ้านเป็นแบบตัดต้นตัดดอก ช่วงแรกดอกจะเยอะ ช่วงท้ายๆ ดอกจะลดลง ถ้ามีเงินให้โปะให้หมดไวๆ ดอกเบี้ยก็จะน้อยลงเอง  ตอนผมผ่อนบ้าน  ผมจ่ายโปะตลอด แบ่งเงินเก็บ เงินใช้ แล้วโปะบ้านทุกเดือน เดี๋ยวก็หมดเอง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่