สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
คุณชอบบ้านที่อยู่ตอนนี้หรือเปล่า ถ้าชอบก็ผ่อนต่อไปครับ มีความคิดบางอย่างที่ต้องทำความเข้าใจให้ถูกต้องก่อน
1. การซื้อบ้าน 1.5 ล้าน หากรวมดอกเบี้ยก็จะต้องจ่ายประมาณ 3 ล้าน เช่นเดียวกัน ถ้าคุณไปซื้อบ้าน 9 แสน ผ่อนแล้วจะจ่ายประมาณ 1.8 ล้าน สรุปแล้ว ดอกเบี้ยเท่าตัวเช่นกัน
2. การซื้อบ้านไม่ใช่การเป็นหนี้สินอย่างเดียว การซื้อบ้าน 1.5 ล้าน คุณจะได้ทรัพย์สินเป็นบ้าน มูลค่า 1.5 ล้านมาก่อน ในขณะเดียวกันก็เกิดหนี้สิน 1.5 ล้านตามมาด้วย คือมันเกิดทั้งทรัพย์สินและหนี้สินพร้อมกัน
3. ดอกเบี้ยที่จ่ายให้ธนาคาร ให้คิดว่ามี 2 ส่วน คือ ส่วนของมูลค่าบ้านที่เพิ่มขึ้น และค่าธรรมเนียมที่จ่ายให้ธนาคารเพื่อที่เราจะได้ใช้ประโยชน์จากบ้านที่เราซื้อก่อน
4. ดอกเบี้ยที่คุณจ่ายส่วนมูลค่าของบ้านในอนาคต คุณลองคิดว่าถ้าคุณจะเก็บเงิน 1.5 ล้าน ซื้อบ้านหลังนี้ คุณเก็บเงิน 10 ปี (เอาค่างวดหยอดกระปุก ผ่านมาแล้ว 5 ปี) คุณคิดว่าคุณสามารถซื้อบ้านหลังนี้ในราคา 1.5 ล้าน ในอีก 5 ปีข้างหน้าได้หรือไม่ คุณอาจต้องกลับมาซื้อบ้านหลังนี้ในราคา 3 ล้านก็ได้
5. ดอกเบี้ยส่วนที่เหลือ ถ้าคุณได้ใช้ประโยชน์จากของที่ซื้อมาก่อน ไม่ต้องรอเก็บเงิน ถ้ามูลค่าที่ได้จากการใช้ประโยชน์มากกว่าส่วนให้ธนาคารในดอกเบี้ย ถือว่าคุ้ม ความคุ้มแต่ละอย่างไม่เหมือนกัน การซื้อบ้านแล้วให้เช่า ความคุ้มอยู่ที่กำไร แต่การซื้อบ้านมาอยู่อาศัย ความคุ้มคือครอบครัวและจิตใจ ผมถึงได้ถามว่าคุณมีความสุขกับบ้านหลังนี้หรือไม่ มีเพื่อนบ้านดีหรือเปล่า ถ้าดี มันคุ้มกับดอกเบี้ยที่จ่ายไปหรือไม่
เมื่อคิดได้แล้ว ก็จะรู้ว่าควรย้ายหรือไม่ ถัดไปคือการบริหารหนี้สิน ซึ่งหนี้บ้านเป็นแบบตัดต้นตัดดอก ช่วงแรกดอกจะเยอะ ช่วงท้ายๆ ดอกจะลดลง ถ้ามีเงินให้โปะให้หมดไวๆ ดอกเบี้ยก็จะน้อยลงเอง ตอนผมผ่อนบ้าน ผมจ่ายโปะตลอด แบ่งเงินเก็บ เงินใช้ แล้วโปะบ้านทุกเดือน เดี๋ยวก็หมดเอง
1. การซื้อบ้าน 1.5 ล้าน หากรวมดอกเบี้ยก็จะต้องจ่ายประมาณ 3 ล้าน เช่นเดียวกัน ถ้าคุณไปซื้อบ้าน 9 แสน ผ่อนแล้วจะจ่ายประมาณ 1.8 ล้าน สรุปแล้ว ดอกเบี้ยเท่าตัวเช่นกัน
2. การซื้อบ้านไม่ใช่การเป็นหนี้สินอย่างเดียว การซื้อบ้าน 1.5 ล้าน คุณจะได้ทรัพย์สินเป็นบ้าน มูลค่า 1.5 ล้านมาก่อน ในขณะเดียวกันก็เกิดหนี้สิน 1.5 ล้านตามมาด้วย คือมันเกิดทั้งทรัพย์สินและหนี้สินพร้อมกัน
3. ดอกเบี้ยที่จ่ายให้ธนาคาร ให้คิดว่ามี 2 ส่วน คือ ส่วนของมูลค่าบ้านที่เพิ่มขึ้น และค่าธรรมเนียมที่จ่ายให้ธนาคารเพื่อที่เราจะได้ใช้ประโยชน์จากบ้านที่เราซื้อก่อน
4. ดอกเบี้ยที่คุณจ่ายส่วนมูลค่าของบ้านในอนาคต คุณลองคิดว่าถ้าคุณจะเก็บเงิน 1.5 ล้าน ซื้อบ้านหลังนี้ คุณเก็บเงิน 10 ปี (เอาค่างวดหยอดกระปุก ผ่านมาแล้ว 5 ปี) คุณคิดว่าคุณสามารถซื้อบ้านหลังนี้ในราคา 1.5 ล้าน ในอีก 5 ปีข้างหน้าได้หรือไม่ คุณอาจต้องกลับมาซื้อบ้านหลังนี้ในราคา 3 ล้านก็ได้
5. ดอกเบี้ยส่วนที่เหลือ ถ้าคุณได้ใช้ประโยชน์จากของที่ซื้อมาก่อน ไม่ต้องรอเก็บเงิน ถ้ามูลค่าที่ได้จากการใช้ประโยชน์มากกว่าส่วนให้ธนาคารในดอกเบี้ย ถือว่าคุ้ม ความคุ้มแต่ละอย่างไม่เหมือนกัน การซื้อบ้านแล้วให้เช่า ความคุ้มอยู่ที่กำไร แต่การซื้อบ้านมาอยู่อาศัย ความคุ้มคือครอบครัวและจิตใจ ผมถึงได้ถามว่าคุณมีความสุขกับบ้านหลังนี้หรือไม่ มีเพื่อนบ้านดีหรือเปล่า ถ้าดี มันคุ้มกับดอกเบี้ยที่จ่ายไปหรือไม่
เมื่อคิดได้แล้ว ก็จะรู้ว่าควรย้ายหรือไม่ ถัดไปคือการบริหารหนี้สิน ซึ่งหนี้บ้านเป็นแบบตัดต้นตัดดอก ช่วงแรกดอกจะเยอะ ช่วงท้ายๆ ดอกจะลดลง ถ้ามีเงินให้โปะให้หมดไวๆ ดอกเบี้ยก็จะน้อยลงเอง ตอนผมผ่อนบ้าน ผมจ่ายโปะตลอด แบ่งเงินเก็บ เงินใช้ แล้วโปะบ้านทุกเดือน เดี๋ยวก็หมดเอง
แสดงความคิดเห็น
เรื่องบ้านๆ ที่คนอย่างผมคิดไม่รอบด้านเอง ขอคำปรึกษาหน่อยครับ
ผ่านมา 5 ปี ไวเหมือนโกหก มีลูกสองคน การผ่อนปกติไม่เป็นภาระมากนัก อยู่ได้มีเงินเก็บนิดหน่อย ท่าทางดีมีความสุข แต่เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ฟังวิทยุรายการอะไรสักอย่างบอกว่าการมีบ้านที่ยังผ่อนไม่หมดเป็นหนี้สินไม่ใช่ทรัพย์สิน การอยากได้บ้านเป็นการตกหลุมพราง ที่จะต้องตกเป็นทาสของทางธนาคารถ้าเราจ่ายตามเรทที่เขากำหนดขั่นต่ำ ที่จริงการซื้อบ้านยิ่งทำให้หมดไวเท่าไหร่ยิ่งดี บลาๆๆๆ
เฮ้ยฟังแล้วมันยังไงๆวะ เดียวกลับถึงบ้านเช็คดูดีกว่าว่าเราเสียดอกไปเท่าไหร่ เงินต้นลดเท่าไหร่ ฮ่าๆๆๆๆ ได้เวลาเคียร์กันชะที่ ว่าแล้วก็เอาบิลที่จ่ายทัง 2 ธนารคารมาไล่ตัวเลขดู (ผมรีไฟแนนช์ครับ)
จ๊ากกกกกกกก !!!!!!! ไม่จริง!!!!!!! เร็ทผ่านเดือน 8,500 บาท แต่ผม จ่าย เดือน 11,000 บาทแถมสินปี โป๊ะเพิมอีกต่างหาก เบ็ดเสร็จ รวมเงินส่งไป 7 แสนหน่อยๆ แล้วดอกเบียละ กดเครื่องคิดเลขเสร็จแทบเป็นลม เงินต้นลดไป 3 แสนต้นๆ ที่เหลือ 4 แสน เป็นดอกเบี้ย เลยเอา excel เขาแจกตามเน็ตมาใส่ตัวเลขดู เบ็ดเสร็จ ผ่อนหมด 3.4 ล้านเน็ตๆๆ ถึงจะหมดหนี้กะบ้านหลังนี้ จ๊ากกกกกกกก !!!!!!! (ร้องดีกที เสียงดังด้วย) แฟนตกใจเข้ามาดู
จากการคุยกันกับแฟนถ้าเป็นแบบนี่คงไม่ดีแน่ ส่วนต่างราคาจริงกับยอดที่ต้องจ่ายจริง มันต่างกันเยอะมาก ลองถามเพื่อนๆพี่ๆที่เขาขายบ้านไป ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเท่าทุนบ้างขาดทุนบ้างเมื่อรวมกับดอกเบี้ยที่เราต้องจ่าย ปลอบใจตัวเองแบบโง่ๆคือได้อยู่บ้าน
ผมกับแฟนจึงตัดสินใจที่จะขายบ้านหลังปัจจุบัน แล้วไปชื้อทาวเฮาส์ที่เราสามารถผ่อนหมดสัก 5-6 ปี (ราคาสักหนึ่งล้านบาท) อยู่ เพื่อดอกเบียจะได้ไม่มากนัก แล้วถ้าอยากได้บ้านใหม่ก็ขายแล้วเพือมราคาที่สูงขึ้น มีพี่ที่แผนกทำแบบนี้อยู แกผ่อนคอนโด 7 แสนหมดแล้ว แกขายได้ 1 ล้านบาทแล้วเอาเงินก้อนนี้ ไปดาวบ้านมือสองเหมือนผมเลย 1.8 ล้าน แต่แกกู้แค่ 8 แสนเอง เมือเทียบกับผม ยอดคงเหลือผมยังตั้ง 1.2 ล้าน ต่างกันตั้ง 4 แสนเลยนะครับ
พล่ามความโง่ชะยาว ขอถาม ขอความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ ครับว่า ผมควรขายบ้านแล้วทำเหมือนพี่เขาหรือป้าวครับ เป้าหมายคือแค่มีบ้าน และไม่อยากจ่าย 3.3 ล้านเพื่อบ้านหลังนี่ครับ อ้อ ผ่อนบ้านได้มากสุด 15,000 บาทต่อเดือนครับ
ขอบคุณล่างหน้าครับ