“โบ ชญาดา” ยอมรับ รู้ข่าวเรื่องที่ “ฟลุ๊ค เกริกพล” แชทคุยไลน์ ชวน “กระต่าย แม็กซิม” ขึ้นคอนโด แต่ไม่ขอยุ่ง บอกเป็นเรื่องส่วนตัว เจอกันก็คุยกันแค่เรื่องลูก เผย “น้องอชิ” ก็รู้เรื่องดังกล่าวแล้ว แต่มองว่าเป็นเรื่องไร้สาระ โต้ข่าว “นาตาลี” แฟนสาวตัวจริงของหนุ่มฟลุ๊ค เฮิร์ตหนักจนเข้าโรงพยาบาล แย้งอีกฝ่ายเข้าโรงพยาบาลตั้งแต่ก่อนจะมีข่าวออกมา ขอเป็นกำลังใจให้
หลังจากที่มีกระแสข่าวออกมาว่าหนุ่มคาสโนว่าฆ่าไม่ตายอย่าง “ฟลุค เกริกพล มัสยวานิช” คุยไลน์ชวน “กระต่าย ทรรศิกา ยุติมิตร” หรือ “กระต่าย แม็กซิม” ขึ้นคอนโด ทั้งๆ ที่ตอนนี้ฝ่ายชายก็กำลังคบหาดูใจอยู่กับ สาวสวยไฮโซ “นาตาลี เจียรวนนท์” ซึ่งก่อนหน้านี้ กระต่าย ออกมายอมรับว่าเป็นเรื่องจริง แต่ทางฝ่ายชายก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะออกมาชี้แจงใดๆ พอมีโอกาสเจอตัว “โบ ชญาดา ลิ่วเฉลิมวงศ์” อดีตภรรยาของฟลุค จึงสอบถามเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวว่าเรื่องนี้มีผลอะไรกับ “น้องอชิ” ลูกชาย หรือไม่ สาวโบก็บอกว่าน้องอชิมองว่าเป็นเรื่องไรสาระ
“กับข่าวที่ไปจีบกัน ผ่านทางไลน์ อันนั้นก็ไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่ค่ะ แต่ว่าก็เห็นๆ ข่าวอยู่ค่ะ คือเรื่องส่วนตัวกันเราจะไม่ค่อยรู้หรอกค่ะ เพราะว่าเราจะไม่ค่อยได้คุยกัน แต่พอข่าวออกมาก็ไม่ได้มีผลอะไรอยู่แล้วค่ะ เพราะว่ามันไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกัน มันเป็นเรื่องส่วนตัวเขาค่ะ ถึงแม้ว่าอชิจะโตแล้ว รับรู้ในสิ่งที่คุณพ่อเขาทำก็ไม่เป็นไรค่ะ เพราะว่าอชิเขารับรู้อยู่แล้ว แต่เขาก็มองว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระ เขาไม่ค่อยสนใจอะไรอยู่แล้ว เพราะว่าพ่อแม่รักเขา แล้วเขาก็รักคุณพ่อคุณแม่ มันไม่มีอะไรที่มันจะมาทำร้ายความรู้สึกของลูกได้ เพราะว่าเรารักลูกมาก”
“ซึ่งพอมีข่าวออกมาเราก็ไม่ได้คุยเรื่องนี้กับพี่ฟลุ๊คนะคะ ไม่ได้คุยเลยค่ะ มันเป็นเรื่องส่วนตัวมากๆ เพราะว่าปกติถ้าเราคุยกันเราก็จะคุยกันเกี่ยวกับเรื่องลูกเฉยๆ ค่ะ เรื่องส่วนตัว เราไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไหร่ คุยแค่เรื่องน้องอชิอย่างเดียวพอ คุยกันก็แค่ในฐานะแม่ของลูกเท่านั้นค่ะ และเขาก็ไม่เคยมาปรึกษาหรืออะไรด้วย แต่โบคิดว่าเขาโตแล้วต่างคนก็ต่างมีเรื่องส่วนตัวของตัวเอง ไม่เคยจะไปก้าวก่ายค่ะ เราเป็นกำลังใจให้กันมากกว่า และก็ช่วยกันเลี้ยงลูก”
ส่วนกับ “นาตาลี” เจ้าตัวบอก คุยกันเป็นพี่น้องตามปกติ แย้งแทนนาตาลีน็อกต้องเข้าโรงพยาบาลก่อนจะมีข่าวนี้ ไม่ใช่ป่วยเพราะเฮิร์ต
“กับนาตาลีก็คุยกันเป็นพี่น้องตามปกติค่ะ เจอกันเวลาที่ต้องเจอเฉยๆ ค่ะ เพราะว่าเราแค่เลี้ยงลูกทำงานก็หมดเวลาแล้ว เห็นว่าน้องเข้าโรงพยาบาลก่อนที่จะเป็นข่าวนะคะ น่าจะเป็นแบบนั้น เขาเข้าโรงพยาบาลก่อน ก็มีให้กำลังใจก็ในฐานะที่เขาป่วยค่ะ เพราะว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวเราให้กำลังใจเขาเรื่องไม่สบายมากกว่าค่ะ”
เจ้าตัวบอก ไม่รู้ว่า “ฟลุ๊ค เกริกพล” จะออกมาชี้แจง หรือ รอให้เรื่องเงียบไปเอง .... “เรื่องนี้ไม่ทราบเลยค่ะ ไม่แน่ใจนะคะ ถ้าจะให้ฝากบอก ก็ไม่มีเลยค่ะ ไม่มีอะไรเลย”
เผยปกติจะแบ่งเวลาเลี้ยงลูกกันอยู่แล้ว .... “ปกติก็จะแบ่งเวลาให้ลูกก็อ่านหนังสือเล่นกีฬา ก็จะมีกิจกรรมอะไรทำกันที่บ้านค่ะ ส่วนคุณพ่อเขาก็จะแบ่งกันเลี้ยงอย่างวันหยุด ก็จะมารับลูกไป เพราะว่าคุณพ่อเขาจะเป็นฝ่ายเอ็นเตอร์เทนลูกอยู่แล้ว พาไปดูหนังกินข้าว แต่อชิจะชอบดูหนังเป็นส่วนใหญ่ค่ะ ช่วงนี้คุณพ่อเขากับน้องอชิจะได้เจอกันบ่อยค่ะ เพราะว่าอย่างโบมีงานก็จะฝากคุณพ่อเขาเลี้ยง เวลาคุณพ่อเขามีงาน เขาก็จะฝากเราเลี้ยง”
“แต่เวลาที่คุณพ่อเขาพาไปเที่ยวต่างประเทศ ก็มีคิดถึงบ้างนะคะ เราคิดถึงอยู่แล้วไม่ว่าลูกจะไปโรงเรียนไปเที่ยวกับคุณพ่อเขายิ่งไปไกลเท่าไหร่ก็ยิ่งเป็นห่วง ยิ่งคิดถึง เพราะว่าเราเป็นคนที่ติดลูกมากๆ แต่ตอนนี้น้องโตแล้วก็จะต้องอาศัยความเข้าใจเขา เพราะว่าอีกไม่กี่ปีเขาก็จะเข้าช่วงวัยรุ่น ตอนเด็กก็อีกแบบ ตอนโตก็อีกแบบ แต่หากยังไงคนเป็นแม่ก็รับมือไหวอยู่แล้วค่ะ”
http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9560000076302
“โบ ชญาดา” บอก “น้องอชิ” รู้เรื่องที่ “ฟลุ๊ค เกริกพล” ชวน “กระต่าย แม็กซิม” ขึ้นคอนโด แต่มองว่าเป็นเรื่องไร้สาระ
หลังจากที่มีกระแสข่าวออกมาว่าหนุ่มคาสโนว่าฆ่าไม่ตายอย่าง “ฟลุค เกริกพล มัสยวานิช” คุยไลน์ชวน “กระต่าย ทรรศิกา ยุติมิตร” หรือ “กระต่าย แม็กซิม” ขึ้นคอนโด ทั้งๆ ที่ตอนนี้ฝ่ายชายก็กำลังคบหาดูใจอยู่กับ สาวสวยไฮโซ “นาตาลี เจียรวนนท์” ซึ่งก่อนหน้านี้ กระต่าย ออกมายอมรับว่าเป็นเรื่องจริง แต่ทางฝ่ายชายก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะออกมาชี้แจงใดๆ พอมีโอกาสเจอตัว “โบ ชญาดา ลิ่วเฉลิมวงศ์” อดีตภรรยาของฟลุค จึงสอบถามเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวว่าเรื่องนี้มีผลอะไรกับ “น้องอชิ” ลูกชาย หรือไม่ สาวโบก็บอกว่าน้องอชิมองว่าเป็นเรื่องไรสาระ
“กับข่าวที่ไปจีบกัน ผ่านทางไลน์ อันนั้นก็ไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่ค่ะ แต่ว่าก็เห็นๆ ข่าวอยู่ค่ะ คือเรื่องส่วนตัวกันเราจะไม่ค่อยรู้หรอกค่ะ เพราะว่าเราจะไม่ค่อยได้คุยกัน แต่พอข่าวออกมาก็ไม่ได้มีผลอะไรอยู่แล้วค่ะ เพราะว่ามันไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกัน มันเป็นเรื่องส่วนตัวเขาค่ะ ถึงแม้ว่าอชิจะโตแล้ว รับรู้ในสิ่งที่คุณพ่อเขาทำก็ไม่เป็นไรค่ะ เพราะว่าอชิเขารับรู้อยู่แล้ว แต่เขาก็มองว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระ เขาไม่ค่อยสนใจอะไรอยู่แล้ว เพราะว่าพ่อแม่รักเขา แล้วเขาก็รักคุณพ่อคุณแม่ มันไม่มีอะไรที่มันจะมาทำร้ายความรู้สึกของลูกได้ เพราะว่าเรารักลูกมาก”
“ซึ่งพอมีข่าวออกมาเราก็ไม่ได้คุยเรื่องนี้กับพี่ฟลุ๊คนะคะ ไม่ได้คุยเลยค่ะ มันเป็นเรื่องส่วนตัวมากๆ เพราะว่าปกติถ้าเราคุยกันเราก็จะคุยกันเกี่ยวกับเรื่องลูกเฉยๆ ค่ะ เรื่องส่วนตัว เราไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไหร่ คุยแค่เรื่องน้องอชิอย่างเดียวพอ คุยกันก็แค่ในฐานะแม่ของลูกเท่านั้นค่ะ และเขาก็ไม่เคยมาปรึกษาหรืออะไรด้วย แต่โบคิดว่าเขาโตแล้วต่างคนก็ต่างมีเรื่องส่วนตัวของตัวเอง ไม่เคยจะไปก้าวก่ายค่ะ เราเป็นกำลังใจให้กันมากกว่า และก็ช่วยกันเลี้ยงลูก”
ส่วนกับ “นาตาลี” เจ้าตัวบอก คุยกันเป็นพี่น้องตามปกติ แย้งแทนนาตาลีน็อกต้องเข้าโรงพยาบาลก่อนจะมีข่าวนี้ ไม่ใช่ป่วยเพราะเฮิร์ต
“กับนาตาลีก็คุยกันเป็นพี่น้องตามปกติค่ะ เจอกันเวลาที่ต้องเจอเฉยๆ ค่ะ เพราะว่าเราแค่เลี้ยงลูกทำงานก็หมดเวลาแล้ว เห็นว่าน้องเข้าโรงพยาบาลก่อนที่จะเป็นข่าวนะคะ น่าจะเป็นแบบนั้น เขาเข้าโรงพยาบาลก่อน ก็มีให้กำลังใจก็ในฐานะที่เขาป่วยค่ะ เพราะว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวเราให้กำลังใจเขาเรื่องไม่สบายมากกว่าค่ะ”
เจ้าตัวบอก ไม่รู้ว่า “ฟลุ๊ค เกริกพล” จะออกมาชี้แจง หรือ รอให้เรื่องเงียบไปเอง .... “เรื่องนี้ไม่ทราบเลยค่ะ ไม่แน่ใจนะคะ ถ้าจะให้ฝากบอก ก็ไม่มีเลยค่ะ ไม่มีอะไรเลย”
เผยปกติจะแบ่งเวลาเลี้ยงลูกกันอยู่แล้ว .... “ปกติก็จะแบ่งเวลาให้ลูกก็อ่านหนังสือเล่นกีฬา ก็จะมีกิจกรรมอะไรทำกันที่บ้านค่ะ ส่วนคุณพ่อเขาก็จะแบ่งกันเลี้ยงอย่างวันหยุด ก็จะมารับลูกไป เพราะว่าคุณพ่อเขาจะเป็นฝ่ายเอ็นเตอร์เทนลูกอยู่แล้ว พาไปดูหนังกินข้าว แต่อชิจะชอบดูหนังเป็นส่วนใหญ่ค่ะ ช่วงนี้คุณพ่อเขากับน้องอชิจะได้เจอกันบ่อยค่ะ เพราะว่าอย่างโบมีงานก็จะฝากคุณพ่อเขาเลี้ยง เวลาคุณพ่อเขามีงาน เขาก็จะฝากเราเลี้ยง”
“แต่เวลาที่คุณพ่อเขาพาไปเที่ยวต่างประเทศ ก็มีคิดถึงบ้างนะคะ เราคิดถึงอยู่แล้วไม่ว่าลูกจะไปโรงเรียนไปเที่ยวกับคุณพ่อเขายิ่งไปไกลเท่าไหร่ก็ยิ่งเป็นห่วง ยิ่งคิดถึง เพราะว่าเราเป็นคนที่ติดลูกมากๆ แต่ตอนนี้น้องโตแล้วก็จะต้องอาศัยความเข้าใจเขา เพราะว่าอีกไม่กี่ปีเขาก็จะเข้าช่วงวัยรุ่น ตอนเด็กก็อีกแบบ ตอนโตก็อีกแบบ แต่หากยังไงคนเป็นแม่ก็รับมือไหวอยู่แล้วค่ะ”
http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9560000076302