"หลวงปู่พุทธะอิสระ" แจงกลับ "หลวงพ่อเกษม" ใช่ต้องการทะเลาะ ท้าเพื่อให้รู้ว่าอะไรคือธรรม มาถกให้ได้ประโยชน์ มีข้อแม้อย่างที่ว่าท่านต้องเลิกสอน หรือสอนให้มันไปด้วยกันได้ทั้งโลกียะ และโลกุตตละ
วันนี้ ( 26 มิ.ย. ) หลวงปู่พุทธะอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย กล่าวกับสำนักข่าวทีนิวส์ กรณีหลวงพ่อเกษม จิณณสีโล แห่งสำนักสงฆ์ป่าสามแยก ถูกพาดพิงว่าเป็นพระที่ไม่รู้ซึ้งในศาสนา พร้อมทั้งท้าดวลไมค์เทศน์คนละตัว ทั้งนี้หลวงปู่พุทธะอิสระยืนยันว่าไม่ใช่เพราะต้องการจะทะเลาะกัน แต่อยากจะพูดให้เข้าใจถึงวิถีธรรมของพระพุทธเจ้า ที่เราถกเถียงกันไม่ใช่เป็นเรื่องทะเลาะวิวาทกัน เป็นแค่คำพูดขำ ๆ เท่านั้น เรามาถกกันคนฟังก็ได้ประโยชน์ด้วย เรียกว่าเรามาสนทนาธรรมร่วมกัน
สำราญ : ไม่ทราบว่าหลวงปู่ได้ชมคลิปของหลวงพ่อเกษมหรือยังที่คุณสรยุทธออกข่าวเมื่อเช้า
หลวงปู่พุทธะอิสระ : ที่จริงเรื่องนี้มันเกิดขึ้นมานานแล้วเป็นเวลากว่า 2 ปี และช่วงนั้นคดีของเขายังเป็นคดีดัง ๆ อยู่ คดีของเขาที่เอาเท้าไปลูบพระพุทธรูป เอามือตบพระพักตร์พระพุทธรูป ถีบโต๊ะหมู่บูชา ทำตัวเหมือนเป็นอันธพาลโวยวาย พิธีกรรายการช่อง 5 คุณมนัส ตั้งสุข เขาไต่ถามในเวลาที่หลวงปู่แสดงธรรมที่รพ.ทหารเรือ เขาก็ถามว่าทำอย่างนี้มันมีความผิดอย่างไร จะวินิจฉัยว่าอย่างไร หลวงปู่ก็เลยบอกว่า จริง ๆ แล้วชาวโลกเขาก็รู้กันไม่ใช่เฉพาะชาวพุทธเท่านั้น สัญลักษณ์นี้เป็นตัวแทนของศาสนาเป็นสัญลักษณ์ของพระพุทธเจ้า ไม่ว่าพระพุทธเจ้าจะสร้างด้วยโลหะอะไร โลหะชนิดใด หล่อขึ้นมาเป็นพระพุทธรูป ก็ถือว่าเป็นที่เคารพกราบไหว้แทนองค์พระพุทธเจ้า แล้ว ตัวเขาไม่รู้หรืออย่างไรว่านี่เป็นที่เคารพสักการะของพระพุทธเจ้า เราเห็นชาวต่างชาติเอารูปพระพุทธรูปไปตั้งที่บันได หน้าห้องน้ำ เรายังรู้สึกตะขิดตะขวงใจ รู้สึกไม่พอใจเลย สมัยก่อนมีแหม่มมาเที่ยวอยุธยา ถ่ายรูปนั่งบนตักพระพุทธรูป เรายังไม่ชอบใจเอะอะโวยวาย แต่นี่เป็นพระสงฆ์กลับมาทำอย่างนี้แล้วอ้างว่านี่ไม่ใช่คำสอนของพระพุทธเจ้า หลวงปู่ก็เลยบอกว่ามันไม่น่าจะใช่ ก็เลยบอกว่านี่ไม่ใช่พระจริง ถ้ามีปัญหาก็เอาไมค์คนละตัวไปเลย เขาไม่รู้จักสมมุติบัญญัติ ปรมัตถบัญญัติ
สำราญ : เรื่องเกิดขึ้นยังไม่นานใช่ไหมครับ
หลวงปู่พุทธะอิสระ : เป็นเวลากว่า 2 ปีแล้ว ตั้งแต่ปี 2554 แล้ววันนี้เขาเกิดอยากดังขึ้นมาเหมือนหลวงปู่เณรคำ ก็เลยมาท้าดวลหลวงปู่ หลวงปู่ก็ไม่ได้ปฏิเสธนะ เพียงแต่ขอระยะเวลาหน่อย ต้องเคลียร์กรณีเรื่องพระฉาว 2 รูปให้จบเสียก่อน และเตรียมแถลงข่าวเรื่องขบวนการสร้างนายคำขึ้นมา หวงปู่คิดว่ามันต้องมีกระบวนการแน่นอน อยู่ดี ๆ ก็มีพระโนเนมมาจากไหนไม่รู้อาศัยอยู่บ้านนอก และก็มีบุคคลกลุ่มหนึ่งมาปั่นให้กลายเป็นผู้วิเศษ เป็นพระอรหันต์ได้อย่างไร
สำราญ : หลวงปู่ได้กล่าวถึงสมมุติบัญญัติ กับปรมัตถบัญญัติหมายความว่าอย่างไร
หลวงปู่พุทธะอิสระ : สมมุติบัญญัติหมายถึงว่าพระพุทธรูปเขาสมมุติขึ้นมา สมมุติว่านี่คือตัวแทนของพระพุทธเจ้า สมมุติว่าการโกนผมใส่จีวรเหลืองคือตัวแทนของพระสงฆ์หรือพระศาสนา ขนาดในหลักพระวินัยยังมีหลักสมมุติสงฆ์เลย เพราะว่าพระสงฆ์แท้ ๆ แม้องค์เดียวก็เป็น คำว่าสมมุติสงฆ์คือพระที่บวชเข้ามาประกอบไปด้วย 4 รูปก็ถือว่าเป็นสมมุติสงฆ์ ทีนี้ถ้าเขาบอกว่าเขาเป็นปรมาจารย์เป็นปรมัตถ์บัญญัติ สอนอนัตตาเรื่องความว่างเปล่า เขาก็ต้องเข้าใจเรื่องสมมุติบัญญัติว่ามันปฏิเสธไม่ได้ ว่ามันหนีไม่ได้ ถ้าเขาคิดจะปฏิเสธเขาก็ต้องเดินแก้ผ้า เพราะจีวรที่เขาใส่ยังเป็นสมมุติไง เราก็พยายามจะบอก ที่พูดไม่ใช่เพราะเราต้องการจะทะเลาะกับเขา แต่อยากจะพูดให้เขาเข้าใจถึงวิถีธรรมของพระพุทธเจ้า เวลาที่พระพุทธเจ้าเทศนาพระองค์ยังมีตัวโลกียธรรมกับโลกุตตรธรรมเลย และทำไมคุณเป็นนักบวชไม่ศึกษาให้รอบคอบมาศึกษาแค่ด้านเดียว มันก็เท่ากับว่าไปทำลายสิ่งที่มีคุณค่าไป และที่หลวงปู่ท้าไม่ใช่เพราะอยากจะทะเลาะเบาะแว้งตีโพยตีพายอะไร ท้าเพื่อให้รู้ว่าอะไรคือธรรม อะไรที่ไม่ใช่ธรรม ไม่ใช่ท้าเพราะว่าอยากทะเลาะกันอยากอาฆาตพยาบาทไม่ใช่นะ
เวลาพระสงฆ์เขาท้ากันโดยธรรมเนียมปฏิบัติสมัยโบราณ คุณสำราญเคยเห็นพระปาลิไลยก์หรือเปล่า พระปาลิไลยก์มันมีตำนานเริ่มต้นมาเมื่อ 2,000 กว่าปีก่อนที่พระพุทธเจ้าทรงมีพระชนม์ชีพอยู่ พระธรรมกษึกกับพระวินัยธรเถียงกันมีวิวาทะเรื่องพระธรรมวินัย แล้วพระพุทธเจ้าทรงรำคาญไม่อยากฟังก็เลยหนีไปอาศัยอยู่ในป่าปาลิเลยยกะ แล้วป่าต้นไทรมีช้างมีลิงมาถวายรวงผึ้ง จึงเป็นที่มาของพระปางปาลิไลยก์ เพราะฉะนั้นเรื่องพวกนี้ไม่ใช่เพิ่งเคยเกิดขึ้น มันมีมานานแล้ว แต่เผอิญว่าพูดให้มันขำ ๆ ว่าไมค์มันคนละตัว เพราะสมัยก่อนมันไม่มีไมค์ แต่ถามว่าหลวงปู่ปฏิเสธที่จะดวลไมค์กับเขาหรือเปล่าไม่นะ แต่รอให้ทั้ง 2 เรื่องที่เป็นข่าวตอนนี้มันจบก่อน วันอาทิตย์ที่จะถึงนี้หลวงปู่นัดให้สัมภาษณ์กับสื่อทุกแขนงที่วัดเวลา 13.00 น. เราจะพูดว่าเขาหลอกลวงอย่างไร เพราะมันมีขบวนการสร้างเขาขึ้นมา ยังบอกกับสื่อว่าเราไปคุยกันมีข้อแม้ว่าในฐานะที่เป็นสมณะ และยังบอกอีกว่าท่านต้องเลิกสอนเรื่องใดเรื่องหนึ่งด้านเดียว ต้องสอนให้รู้หมด เพราะถ้าสอนเรื่องใดเรื่องหนึ่งผู้มีปัญญาก็จะเข้าใจ แต่ถ้าเป็นผู้ที่มีปัญญาน้อยจะเอาไปตีความเป็นอย่างอื่นได้ ว่าสิ่งที่สอนมันเป็นโทษมากกว่าเป็นประโยชน์ พระพุทธเจ้าท่านไม่ได้สอนให้เอาโลกุตตระมาปนกับโลกียะ แต่สอนให้อยู่กับ 2 สิ่งนี้อย่างเป็นผู้ฉลาด เอาเป็นว่ารอให้จบเรื่องพวกนี้มีผลออกมาอย่างเด่นชัด และจะนัดเขาดวลไมค์กันคนละตัว มีข้อแม้อย่างที่ว่าท่านต้องเลิกสอน หรือไม่ท่านก็ต้องหาวิธีสอนให้มันกลมกล่อม คือสอนให้มันไปด้วยกันได้ทั้งโลกียะ และโลกุตตละ
สำราญ : กล่าวโดยสรุปพระเกษมพยายามอ้างว่าเป็นปรมัตถไตรบัญญัติ
หลวงปู่พุทธะอิสระ : ใช่ พยายามจะอ้างแต่ปรมัตถอย่างเดียว โดยไม่สนใจโลกียะ คืออันนี้ต้องถามว่าเขาบวชเข้ามา เขาได้ไหว้พระพุทธรูปหรือเปล่า และมาวันนี้ทำไมถึงมารังเกียจพระพุทธรูปขึ้นมา ต้องบอกก่อนเลยว่าที่เราถกเถียงกันไม่ใช่เป็นเรื่องทะเลาะวิวาทกันนะ มันเป็นคำพูดขำ ๆ เท่านั้น เรามาถกกันคนฟังก็ได้ประโยชน์ด้วย เรียกว่าเรามาสนทนาธรรมร่วมกัน
อ้างอิง
http://m.tnews.co.th/news.php?hotID=61242
"ปู่พุทธะอิสระ" แจงท้าดวล "หลวงพ่อเกษม" ใช่ทะเลาะ ชี้ถกให้ได้ประโยชน์
วันนี้ ( 26 มิ.ย. ) หลวงปู่พุทธะอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย กล่าวกับสำนักข่าวทีนิวส์ กรณีหลวงพ่อเกษม จิณณสีโล แห่งสำนักสงฆ์ป่าสามแยก ถูกพาดพิงว่าเป็นพระที่ไม่รู้ซึ้งในศาสนา พร้อมทั้งท้าดวลไมค์เทศน์คนละตัว ทั้งนี้หลวงปู่พุทธะอิสระยืนยันว่าไม่ใช่เพราะต้องการจะทะเลาะกัน แต่อยากจะพูดให้เข้าใจถึงวิถีธรรมของพระพุทธเจ้า ที่เราถกเถียงกันไม่ใช่เป็นเรื่องทะเลาะวิวาทกัน เป็นแค่คำพูดขำ ๆ เท่านั้น เรามาถกกันคนฟังก็ได้ประโยชน์ด้วย เรียกว่าเรามาสนทนาธรรมร่วมกัน
สำราญ : ไม่ทราบว่าหลวงปู่ได้ชมคลิปของหลวงพ่อเกษมหรือยังที่คุณสรยุทธออกข่าวเมื่อเช้า
หลวงปู่พุทธะอิสระ : ที่จริงเรื่องนี้มันเกิดขึ้นมานานแล้วเป็นเวลากว่า 2 ปี และช่วงนั้นคดีของเขายังเป็นคดีดัง ๆ อยู่ คดีของเขาที่เอาเท้าไปลูบพระพุทธรูป เอามือตบพระพักตร์พระพุทธรูป ถีบโต๊ะหมู่บูชา ทำตัวเหมือนเป็นอันธพาลโวยวาย พิธีกรรายการช่อง 5 คุณมนัส ตั้งสุข เขาไต่ถามในเวลาที่หลวงปู่แสดงธรรมที่รพ.ทหารเรือ เขาก็ถามว่าทำอย่างนี้มันมีความผิดอย่างไร จะวินิจฉัยว่าอย่างไร หลวงปู่ก็เลยบอกว่า จริง ๆ แล้วชาวโลกเขาก็รู้กันไม่ใช่เฉพาะชาวพุทธเท่านั้น สัญลักษณ์นี้เป็นตัวแทนของศาสนาเป็นสัญลักษณ์ของพระพุทธเจ้า ไม่ว่าพระพุทธเจ้าจะสร้างด้วยโลหะอะไร โลหะชนิดใด หล่อขึ้นมาเป็นพระพุทธรูป ก็ถือว่าเป็นที่เคารพกราบไหว้แทนองค์พระพุทธเจ้า แล้ว ตัวเขาไม่รู้หรืออย่างไรว่านี่เป็นที่เคารพสักการะของพระพุทธเจ้า เราเห็นชาวต่างชาติเอารูปพระพุทธรูปไปตั้งที่บันได หน้าห้องน้ำ เรายังรู้สึกตะขิดตะขวงใจ รู้สึกไม่พอใจเลย สมัยก่อนมีแหม่มมาเที่ยวอยุธยา ถ่ายรูปนั่งบนตักพระพุทธรูป เรายังไม่ชอบใจเอะอะโวยวาย แต่นี่เป็นพระสงฆ์กลับมาทำอย่างนี้แล้วอ้างว่านี่ไม่ใช่คำสอนของพระพุทธเจ้า หลวงปู่ก็เลยบอกว่ามันไม่น่าจะใช่ ก็เลยบอกว่านี่ไม่ใช่พระจริง ถ้ามีปัญหาก็เอาไมค์คนละตัวไปเลย เขาไม่รู้จักสมมุติบัญญัติ ปรมัตถบัญญัติ
สำราญ : เรื่องเกิดขึ้นยังไม่นานใช่ไหมครับ
หลวงปู่พุทธะอิสระ : เป็นเวลากว่า 2 ปีแล้ว ตั้งแต่ปี 2554 แล้ววันนี้เขาเกิดอยากดังขึ้นมาเหมือนหลวงปู่เณรคำ ก็เลยมาท้าดวลหลวงปู่ หลวงปู่ก็ไม่ได้ปฏิเสธนะ เพียงแต่ขอระยะเวลาหน่อย ต้องเคลียร์กรณีเรื่องพระฉาว 2 รูปให้จบเสียก่อน และเตรียมแถลงข่าวเรื่องขบวนการสร้างนายคำขึ้นมา หวงปู่คิดว่ามันต้องมีกระบวนการแน่นอน อยู่ดี ๆ ก็มีพระโนเนมมาจากไหนไม่รู้อาศัยอยู่บ้านนอก และก็มีบุคคลกลุ่มหนึ่งมาปั่นให้กลายเป็นผู้วิเศษ เป็นพระอรหันต์ได้อย่างไร
สำราญ : หลวงปู่ได้กล่าวถึงสมมุติบัญญัติ กับปรมัตถบัญญัติหมายความว่าอย่างไร
หลวงปู่พุทธะอิสระ : สมมุติบัญญัติหมายถึงว่าพระพุทธรูปเขาสมมุติขึ้นมา สมมุติว่านี่คือตัวแทนของพระพุทธเจ้า สมมุติว่าการโกนผมใส่จีวรเหลืองคือตัวแทนของพระสงฆ์หรือพระศาสนา ขนาดในหลักพระวินัยยังมีหลักสมมุติสงฆ์เลย เพราะว่าพระสงฆ์แท้ ๆ แม้องค์เดียวก็เป็น คำว่าสมมุติสงฆ์คือพระที่บวชเข้ามาประกอบไปด้วย 4 รูปก็ถือว่าเป็นสมมุติสงฆ์ ทีนี้ถ้าเขาบอกว่าเขาเป็นปรมาจารย์เป็นปรมัตถ์บัญญัติ สอนอนัตตาเรื่องความว่างเปล่า เขาก็ต้องเข้าใจเรื่องสมมุติบัญญัติว่ามันปฏิเสธไม่ได้ ว่ามันหนีไม่ได้ ถ้าเขาคิดจะปฏิเสธเขาก็ต้องเดินแก้ผ้า เพราะจีวรที่เขาใส่ยังเป็นสมมุติไง เราก็พยายามจะบอก ที่พูดไม่ใช่เพราะเราต้องการจะทะเลาะกับเขา แต่อยากจะพูดให้เขาเข้าใจถึงวิถีธรรมของพระพุทธเจ้า เวลาที่พระพุทธเจ้าเทศนาพระองค์ยังมีตัวโลกียธรรมกับโลกุตตรธรรมเลย และทำไมคุณเป็นนักบวชไม่ศึกษาให้รอบคอบมาศึกษาแค่ด้านเดียว มันก็เท่ากับว่าไปทำลายสิ่งที่มีคุณค่าไป และที่หลวงปู่ท้าไม่ใช่เพราะอยากจะทะเลาะเบาะแว้งตีโพยตีพายอะไร ท้าเพื่อให้รู้ว่าอะไรคือธรรม อะไรที่ไม่ใช่ธรรม ไม่ใช่ท้าเพราะว่าอยากทะเลาะกันอยากอาฆาตพยาบาทไม่ใช่นะ
เวลาพระสงฆ์เขาท้ากันโดยธรรมเนียมปฏิบัติสมัยโบราณ คุณสำราญเคยเห็นพระปาลิไลยก์หรือเปล่า พระปาลิไลยก์มันมีตำนานเริ่มต้นมาเมื่อ 2,000 กว่าปีก่อนที่พระพุทธเจ้าทรงมีพระชนม์ชีพอยู่ พระธรรมกษึกกับพระวินัยธรเถียงกันมีวิวาทะเรื่องพระธรรมวินัย แล้วพระพุทธเจ้าทรงรำคาญไม่อยากฟังก็เลยหนีไปอาศัยอยู่ในป่าปาลิเลยยกะ แล้วป่าต้นไทรมีช้างมีลิงมาถวายรวงผึ้ง จึงเป็นที่มาของพระปางปาลิไลยก์ เพราะฉะนั้นเรื่องพวกนี้ไม่ใช่เพิ่งเคยเกิดขึ้น มันมีมานานแล้ว แต่เผอิญว่าพูดให้มันขำ ๆ ว่าไมค์มันคนละตัว เพราะสมัยก่อนมันไม่มีไมค์ แต่ถามว่าหลวงปู่ปฏิเสธที่จะดวลไมค์กับเขาหรือเปล่าไม่นะ แต่รอให้ทั้ง 2 เรื่องที่เป็นข่าวตอนนี้มันจบก่อน วันอาทิตย์ที่จะถึงนี้หลวงปู่นัดให้สัมภาษณ์กับสื่อทุกแขนงที่วัดเวลา 13.00 น. เราจะพูดว่าเขาหลอกลวงอย่างไร เพราะมันมีขบวนการสร้างเขาขึ้นมา ยังบอกกับสื่อว่าเราไปคุยกันมีข้อแม้ว่าในฐานะที่เป็นสมณะ และยังบอกอีกว่าท่านต้องเลิกสอนเรื่องใดเรื่องหนึ่งด้านเดียว ต้องสอนให้รู้หมด เพราะถ้าสอนเรื่องใดเรื่องหนึ่งผู้มีปัญญาก็จะเข้าใจ แต่ถ้าเป็นผู้ที่มีปัญญาน้อยจะเอาไปตีความเป็นอย่างอื่นได้ ว่าสิ่งที่สอนมันเป็นโทษมากกว่าเป็นประโยชน์ พระพุทธเจ้าท่านไม่ได้สอนให้เอาโลกุตตระมาปนกับโลกียะ แต่สอนให้อยู่กับ 2 สิ่งนี้อย่างเป็นผู้ฉลาด เอาเป็นว่ารอให้จบเรื่องพวกนี้มีผลออกมาอย่างเด่นชัด และจะนัดเขาดวลไมค์กันคนละตัว มีข้อแม้อย่างที่ว่าท่านต้องเลิกสอน หรือไม่ท่านก็ต้องหาวิธีสอนให้มันกลมกล่อม คือสอนให้มันไปด้วยกันได้ทั้งโลกียะ และโลกุตตละ
สำราญ : กล่าวโดยสรุปพระเกษมพยายามอ้างว่าเป็นปรมัตถไตรบัญญัติ
หลวงปู่พุทธะอิสระ : ใช่ พยายามจะอ้างแต่ปรมัตถอย่างเดียว โดยไม่สนใจโลกียะ คืออันนี้ต้องถามว่าเขาบวชเข้ามา เขาได้ไหว้พระพุทธรูปหรือเปล่า และมาวันนี้ทำไมถึงมารังเกียจพระพุทธรูปขึ้นมา ต้องบอกก่อนเลยว่าที่เราถกเถียงกันไม่ใช่เป็นเรื่องทะเลาะวิวาทกันนะ มันเป็นคำพูดขำ ๆ เท่านั้น เรามาถกกันคนฟังก็ได้ประโยชน์ด้วย เรียกว่าเรามาสนทนาธรรมร่วมกัน
อ้างอิง
http://m.tnews.co.th/news.php?hotID=61242