คดีความ เรื่อง การเป็นผู้ค้ำประกัน

เป็นเรื่องของพ่อผมครับ
พ่อผม เป็นข้าราชการ(ตอนนี้เกษียณแล้ว) ก่อนหน้านี้พ่อได้ไปค้ำประกันในการซื้อรถไถนามูลค่าหลายแสนบาท ให้กับอา
แต่อามาเสียชีวิต งวดผ่อนจ่าย ยังไม่หมด  หลังจัดงานศพเรียบร้อย พ่อได้ไปถามเมียของอาว่าจะขอเอารถไถมาใช้ และผ่อนต่อได้ไหม
เมียของอา ก็ปฏิเสธ ว่าจะเก็บไว้ให้ลูก และจะผ่อนต่อเอง   จากนั้น ลูกของอาก็เอารถไปไถรับจ้าง ได้เงินมากินเหล้า   ไม่ยอมเอาไปส่งงวดรถไถ   ทางบริษัทที่ขายรถไถจึงมายึด

ยึดไปแล้วไม่พอ  ทางบริษัทเอารถไถไปขายขาดทุน  คือ ขายน้อยกว่าเงินค่างวดที่เหลืออยู่  โดยทางบริษัทก็ไม่ได้แจ้งเรื่องที่เขามายึดรถต่อพ่อผมซึ่งเป็นผู้คำประกันเลย  อยากมายึดก็มายึดไปโดยไม่บอกกล่าวผู้ค้ำประกัน  และก็ไปขายขาดทุนมา  วันดีคืนดี ก็มีหนังสือมาบอกพ่อผมว่าพ่อผมเป็นหนี้ต้องชำระแก่บริษัทรถไถเป็นจำนวนเงิน 90,000 บาท เนื่องด้วยการขายขาดทุน

จากนั้นเขาก็เร่งรัดให้เราไปใช้หนี้อยู่เรื่อย ๆ  พ่อผมก็พยายามติดต่อเมียของอา เขาก็ไม่สนใจ  ทั้งที่ก็มีลูก(ผู้สืบสันดาน)ที่ได้ทำงานดีพอจะใช้หนี้ได้ แต่ก็ไม่ยอมดำเนินการใด ๆ

จากนั้น ก็มีการให้ไปขึ้นศาล  และศาลก็ตัดสินให้ พ่อผม และ เมียของอา ช่วยกันใช้หนี้คนละครึ่ง
โดยที่ตอนไปขึ้นศาล เขาไม่ถามพ่อผมเลยว่าเกิดอะไรขึ้น  

ถ้าได้เบิกความ ก็คงจะบอกเขาไปว่า ในฐานะผู้ค้ำประกัน ได้แสดงความรับผิดชอบด้วยการจะรับผิดชอบผ่อนต่อตั้งแต่งานศพเสร็จนั้นแล้ว  แต่ถูกปฏิเสธ  ผมจึงคิดว่า พ่อผมไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบใด ๆ อีก  และอีกอย่าง การที่บริษัทรถไถมายึดรถไถไป เขาก็ไม่ได้แจ้งผู้ค้ำประกันอีกด้วย  อย่างนี้มันสมควรแล้วหรือครับ ที่จะต้องให้ผู้ค้ำประกันมารับผิดชอบ


การตัดสินชดใช้ร่วมกับเมียของอา คนละครึ่ง ถูกต้องแล้วหรือครับ
หรือ พ่อผมจะยื่นอุธรณ์ ได้ไหมครับ

ขอบคุณครับ
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  ร้องทุกข์ กฎหมายชาวบ้าน
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่