นิดหน่อยใช้โทรศัพท์Samsung Galaxy S II ของบริษัทAT&Tที่อเมริกา ซึ่งโทรศัพท์เครื่องนี้ใช้มานานจนหมดสัญญา 2 ปีแล้วค่ะ เมื่อเดือนที่ผ่านมา วางแผนกลับไปเยี่ยมบ้านที่ไทย จึงได้ติดต่อบริษัทเพื่อปลดขอรหัสล็อคเพื่อให้สามารถเอาไปใช้ในประเทศไทยได้ ทางบริษัทก็ให้รหัสมา พร้อมกับบอกวิธีปลดล็อคเสร็จสรรพ และด้วยความมั่นใจว่า จะสามารถปลดล็อคโทรศัพท์ได้ จึงไม่ได้เอาโทรศัพท์เครื่องเก่าที่เคยใช้ที่เมืองไทยติดตัวไปด้วยอย่างที่เคย
เมื่อเดินทางมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ก็ตรงดิ่งไปที่บูธของโทรศัพท์เพื่อขอซื้อInternet SIM แต่จนแล้วจนรอด พยายามปลดล็อคโทรศัพท์ด้วยรหัสที่ได้ ทำอย่างไรก็ไม่ได้ ก็เลยได้ส่งSIM cardคืนพนักงานไป อยากจะส่งข้อความทางเฟซบุ๊คหรือไลน์บอกสามีว่าเดินทางมาถึงแล้ว ก็ทำไม่ได้ เพราะต้องใช้สัญญาณwifi จริง ๆ แล้วสัญญาณwifiที่สนามบินสุวรรณภูมิก็มีอยู่หลายบริษัท แต่ทั้งหมดไม่มีwifiที่สามารถใช้ฟรีได้เลย ต้องเสียค่าสมัครเป็นสมาชิกก่อน สอบถามเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ ได้ความว่า free wifiมีค่ะ แต่ต้องขอรหัสจากบูธประชาสัมพันธ์ผู้โดยสารต่างประเทศขาออก หมายถึงว่า ผู้โดยสารที่จะเดินทางไปต่างประเทศที่เช็คอินผ่านตม.เข้าไปแล้ว จึงจะมีสิทธิขอใช้free wifi คนที่เดินทางขาเข้ากลับไทยอย่างนิดหน่อยก็เลยหมดสิทธิ ไปเดินถามตามร้านStarbucks, Black Canyonที่อยู่ในสนามบิน ก็ไม่มีบริการfree wifi ตกลงก็เลยใช้โทรศัพท์สาธารณะที่มีอยู่ในบริเวณนั้น โทรไปส่งข่าว และก็ฝากคุณสามีแจ้งปัญหาไปที่AT&Tด้วย
ผลก็คือ ทางAT&Tบอกว่า รหัสที่ให้มานั้นถูกต้องแล้ว อาจมีปัญหาที่SIM card หรือปัจจัยอย่างอื่นที่เขาก็ไม่ทราบว่าเพราะอะไร ฟังคำตอบแล้วก็กลุ้ม ในช่วงนั้น จะใช้โทรศัพท์ติดต่อใครไม่ได้เลย Smart phone กลายร่างเป็น Stupid phoneไปทันที เพราะใช้กับSIM cardของไทยไม่ได้ มีพนักงานที่บูธขายโทรศัพท์แนะนำว่า ลองเอาโทรศัพท์ไปปลดล็อคตามห้างดูซิคะ ได้ฟังแล้วก็ปิ๊ง วันต่อมาก็รีบเอาโทรศัพท์ไปห้างมาบุญครอง
พอไปถึงมาบุญครอง ชั้นที่มีโทรศัพท์ขายเยอะ ๆ ก็เห็นป้ายรับปลดล็อคโทรศัพท์ติดอยู่เต็มไปหมด ตกลงสุ่มเลือกเอาคนขายที่ดูใจดี น่าเชื่อถือ ส่งโทรศัพท์ให้เค้าไป ได้คำตอบว่า ค่าปลดล็อค 500 บาท ครึ่งชั่วโมงเสร็จ ผลออกมาน่าเหลือเชื่อ โทรศัพท์เราใส่SIM DTACได้แล้ว เย้ ๆๆ แต่รูปที่เก็บไว้ในโทรศัพท์หายหมดเกลี้ยง ยังดีที่เบอร์โทรยังอยู่ครบ คนขายบอกว่า ข้อมูลในโทรศัพท์เยอะมากเก็บให้ไม่ได้หมด และยังเล่าด้วยว่า เคยมีลูกค้าฝรั่งต่อว่า ที่เอาiPhoneมาปลดล็อค แล้วข้อมูลสำคัญหาย ตอนนั้นฟังที่คนขายเล่า ก็ทำใจล่ะว่า รูปหายไปไม่เป็นไร ยังดีนะที่เบอร์โทรยังอยู่
แต่แล้วเมื่อกลับมาถึงโรงแรมที่พัก ความเศร้าก็เข้ามาเยือน เมื่อไม่สามารถเชื่อมต่อwifiของโรงแรมได้ ทั้งที่ก่อนจะเอาโทรศัพท์ไปปลดล็อคนั้น ยังเปิดใช้wifiได้ แน่ใจว่า ต้องเป็นจากการปลดล็อคแน่ ๆ ปรับแก้เป็นFactory defaultแล้วก็ไม่หาย แต่ก็มีเหตุให้ไม่สามารถเอาโทรศัพท์ไปแก้ที่มาบุญครองได้อีก เพราะต้องเดินทางกลับบ้านที่ต่างจังหวัด ก็เลยตัดใจ ซื้อโทรศัพท์ใหม่ Samsung Galaxy Y สมาร์ทโฟนราคาประหยัด ไม่ติดล็อค คิดในใจว่า เอากลับไปใช้ที่อเมริกาได้ด้วย ดีจัง
เมื่อเดินทางกลับมาอเมริกา พบว่า Samsung Galaxy Yเครื่องใหม่ สัญญาณwifiดีเยี่ยม แต่มีปัญหาว่าโทรได้เฉพาะในเขตที่มีสัญญาณ แต่พอเดินเข้าในบ้านซึ่งสัญญาณของAT&Tอ่อน ต้องใช้เครื่องขยายสัญญาณ(Microcell) ก็เจอปัญหาโทรออกรับสายไม่ได้ เพราะจะต้องใช้3Gเพื่อเชื่อมต่อกับMicrocell สรุปว่า ตอนนี้นิดหน่อยก็เลยพกโทรศัพท์สองเครื่อง เครื่องเดิมซึ่งใช้โทรได้ปกติ ใช้3Gได้ และเครื่องใหม่ ซึ่งใช้ทำอะไรแทบไม่ได้เลย นอกจากต่อwifi
สุดท้ายกูเกิลเจอบทความนี้
http://theunlockr.com/2009/10/07/how-3g-frequency-compatibility-works-why-your-unlocked-phone-doesnt-get-3g/ เขาบอกว่า คลื่นความถี่3Gของอเมริกาต่างจากที่อื่น ดังนั้นโทรศัพท์ที่ซื้อมาจากนอกอเมริกาก็เลยใช้3Gในอเมริกาไม่ได้ และโทรศัพท์ที่ซื้อจากอเมริกา ก็อาจนำเอาไปใช้ในประเทศอื่นไม่ได้หรือใช้ได้เป็นบางฟังก์ชั่น ด้วยเหตุผลเดียวกัน
ที่เขียนมายืดยาว ก็เพียงอยากเล่าให้ผู้ที่วางแผนจะเอาสมาร์ทโฟนไปใช้ที่ไทย หรือคิดอยากจะซื้อเครื่องใหม่ที่อเมริกาเอาไปฝากคนที่โน่น เพราะโทรศัพท์ที่ผลิตออกมาจำหน่ายในแต่ละประเทศ ถูกกำหนดให้มีสเป็คแตกต่างกัน เมื่อเอาไปแล้ว อาจจะใช้ไม่ได้ หรือซื้อเอาไปปลดล็อคก็อาจเกิดปัญหายุ่งยากตามมาภายหลัง
แชร์ประสบการณ์อันน่าปวดหัว จากการเอาสมาร์ทโฟนไปใช้ที่เมืองไทย
เมื่อเดินทางมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ก็ตรงดิ่งไปที่บูธของโทรศัพท์เพื่อขอซื้อInternet SIM แต่จนแล้วจนรอด พยายามปลดล็อคโทรศัพท์ด้วยรหัสที่ได้ ทำอย่างไรก็ไม่ได้ ก็เลยได้ส่งSIM cardคืนพนักงานไป อยากจะส่งข้อความทางเฟซบุ๊คหรือไลน์บอกสามีว่าเดินทางมาถึงแล้ว ก็ทำไม่ได้ เพราะต้องใช้สัญญาณwifi จริง ๆ แล้วสัญญาณwifiที่สนามบินสุวรรณภูมิก็มีอยู่หลายบริษัท แต่ทั้งหมดไม่มีwifiที่สามารถใช้ฟรีได้เลย ต้องเสียค่าสมัครเป็นสมาชิกก่อน สอบถามเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ ได้ความว่า free wifiมีค่ะ แต่ต้องขอรหัสจากบูธประชาสัมพันธ์ผู้โดยสารต่างประเทศขาออก หมายถึงว่า ผู้โดยสารที่จะเดินทางไปต่างประเทศที่เช็คอินผ่านตม.เข้าไปแล้ว จึงจะมีสิทธิขอใช้free wifi คนที่เดินทางขาเข้ากลับไทยอย่างนิดหน่อยก็เลยหมดสิทธิ ไปเดินถามตามร้านStarbucks, Black Canyonที่อยู่ในสนามบิน ก็ไม่มีบริการfree wifi ตกลงก็เลยใช้โทรศัพท์สาธารณะที่มีอยู่ในบริเวณนั้น โทรไปส่งข่าว และก็ฝากคุณสามีแจ้งปัญหาไปที่AT&Tด้วย
ผลก็คือ ทางAT&Tบอกว่า รหัสที่ให้มานั้นถูกต้องแล้ว อาจมีปัญหาที่SIM card หรือปัจจัยอย่างอื่นที่เขาก็ไม่ทราบว่าเพราะอะไร ฟังคำตอบแล้วก็กลุ้ม ในช่วงนั้น จะใช้โทรศัพท์ติดต่อใครไม่ได้เลย Smart phone กลายร่างเป็น Stupid phoneไปทันที เพราะใช้กับSIM cardของไทยไม่ได้ มีพนักงานที่บูธขายโทรศัพท์แนะนำว่า ลองเอาโทรศัพท์ไปปลดล็อคตามห้างดูซิคะ ได้ฟังแล้วก็ปิ๊ง วันต่อมาก็รีบเอาโทรศัพท์ไปห้างมาบุญครอง
พอไปถึงมาบุญครอง ชั้นที่มีโทรศัพท์ขายเยอะ ๆ ก็เห็นป้ายรับปลดล็อคโทรศัพท์ติดอยู่เต็มไปหมด ตกลงสุ่มเลือกเอาคนขายที่ดูใจดี น่าเชื่อถือ ส่งโทรศัพท์ให้เค้าไป ได้คำตอบว่า ค่าปลดล็อค 500 บาท ครึ่งชั่วโมงเสร็จ ผลออกมาน่าเหลือเชื่อ โทรศัพท์เราใส่SIM DTACได้แล้ว เย้ ๆๆ แต่รูปที่เก็บไว้ในโทรศัพท์หายหมดเกลี้ยง ยังดีที่เบอร์โทรยังอยู่ครบ คนขายบอกว่า ข้อมูลในโทรศัพท์เยอะมากเก็บให้ไม่ได้หมด และยังเล่าด้วยว่า เคยมีลูกค้าฝรั่งต่อว่า ที่เอาiPhoneมาปลดล็อค แล้วข้อมูลสำคัญหาย ตอนนั้นฟังที่คนขายเล่า ก็ทำใจล่ะว่า รูปหายไปไม่เป็นไร ยังดีนะที่เบอร์โทรยังอยู่
แต่แล้วเมื่อกลับมาถึงโรงแรมที่พัก ความเศร้าก็เข้ามาเยือน เมื่อไม่สามารถเชื่อมต่อwifiของโรงแรมได้ ทั้งที่ก่อนจะเอาโทรศัพท์ไปปลดล็อคนั้น ยังเปิดใช้wifiได้ แน่ใจว่า ต้องเป็นจากการปลดล็อคแน่ ๆ ปรับแก้เป็นFactory defaultแล้วก็ไม่หาย แต่ก็มีเหตุให้ไม่สามารถเอาโทรศัพท์ไปแก้ที่มาบุญครองได้อีก เพราะต้องเดินทางกลับบ้านที่ต่างจังหวัด ก็เลยตัดใจ ซื้อโทรศัพท์ใหม่ Samsung Galaxy Y สมาร์ทโฟนราคาประหยัด ไม่ติดล็อค คิดในใจว่า เอากลับไปใช้ที่อเมริกาได้ด้วย ดีจัง
เมื่อเดินทางกลับมาอเมริกา พบว่า Samsung Galaxy Yเครื่องใหม่ สัญญาณwifiดีเยี่ยม แต่มีปัญหาว่าโทรได้เฉพาะในเขตที่มีสัญญาณ แต่พอเดินเข้าในบ้านซึ่งสัญญาณของAT&Tอ่อน ต้องใช้เครื่องขยายสัญญาณ(Microcell) ก็เจอปัญหาโทรออกรับสายไม่ได้ เพราะจะต้องใช้3Gเพื่อเชื่อมต่อกับMicrocell สรุปว่า ตอนนี้นิดหน่อยก็เลยพกโทรศัพท์สองเครื่อง เครื่องเดิมซึ่งใช้โทรได้ปกติ ใช้3Gได้ และเครื่องใหม่ ซึ่งใช้ทำอะไรแทบไม่ได้เลย นอกจากต่อwifi
สุดท้ายกูเกิลเจอบทความนี้ http://theunlockr.com/2009/10/07/how-3g-frequency-compatibility-works-why-your-unlocked-phone-doesnt-get-3g/ เขาบอกว่า คลื่นความถี่3Gของอเมริกาต่างจากที่อื่น ดังนั้นโทรศัพท์ที่ซื้อมาจากนอกอเมริกาก็เลยใช้3Gในอเมริกาไม่ได้ และโทรศัพท์ที่ซื้อจากอเมริกา ก็อาจนำเอาไปใช้ในประเทศอื่นไม่ได้หรือใช้ได้เป็นบางฟังก์ชั่น ด้วยเหตุผลเดียวกัน
ที่เขียนมายืดยาว ก็เพียงอยากเล่าให้ผู้ที่วางแผนจะเอาสมาร์ทโฟนไปใช้ที่ไทย หรือคิดอยากจะซื้อเครื่องใหม่ที่อเมริกาเอาไปฝากคนที่โน่น เพราะโทรศัพท์ที่ผลิตออกมาจำหน่ายในแต่ละประเทศ ถูกกำหนดให้มีสเป็คแตกต่างกัน เมื่อเอาไปแล้ว อาจจะใช้ไม่ได้ หรือซื้อเอาไปปลดล็อคก็อาจเกิดปัญหายุ่งยากตามมาภายหลัง