สวัสดีครับ แฟนคลับ ตกค.
มารีวิวตามสัญญา ต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่าจุดผิดพลาดในการถ่ายทำนอกสถานที่และตัวบทเอง เยอะจนผมหงุดหงิดจริงๆ
อุ่นเครื่องกันด้วย
เพลงประจำตัวน้องมิวกันก่อนครับ ทำแบบง่ายๆ เป็นแบบดนตรีอย่างเดียว ไม่มีเสียงร้อง ก่อนที่แฟนคลับจะเงิบจากรีวิว ฟังคลอไปด้วยแล้วกันบรรเทาอาการเงิบ
เริ่มเลยครับ
สรรพนาม
ที่เรียกคนที่คุยด้วยว่า "นาย" ผมเคยอ่านเจอว่าเริ่มมาจากสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยใช้กันก่อนนะครับ หลังจากนั้นสหายออกจากป่ากันแล้ว คนทั่วไปถึงใช้กัน แต่ยุคปี 2500 ยังไม่น่าใช้ "นาย" เรียกคนที่เราคุยด้วย หรือว่าคุณชายเคยเข้าป่ามีเพื่อนเป็นสหายพคท.มาแล้ว? คนพี่ใช้ "พี่" แทนตัวเอง เรียกน้องด้วยชื่อเล่น จะไม่เรียกน้องว่า "นาย"
สนามบินดอนเมือง
ความรู้สึกของผมไม่ควรหลุดอย่างยิ่ง เป็นฉากสำคัญของเรื่องด้วยคือเปิดตัวนางเอก สนามบินดอนเมืองในละครปวรรุจ“ไฮเทค” มาก มีของสุดล้ำมากมายโผล่ขึ้นมาในฉากจนผมเงิบไปเลย
สนามบินดอนเมืองยุคปี 2500
นี่เป็นภาพสนามบินดอนเมืองในยุคปี 2520 ผ่านไป 20 ปีหลังยุคคุณชายก็ยังสร้างแบบง่ายๆ
แต่นี่คือสนามบินดอนเมืองในละครครับ
บันไดเลื่อน: บันไดเลื่อนถูกเอาเข้ามาในเมืองไทยครั้งแรกโดยห้างสรรพสินค้าญี่ปุ่นชื่อไทยไดมารู เปิดห้าง 10 ธ.ค. 2507 เวลานี้ตรงนั้นกลายเป็นห้างบิ๊กซีตรงข้ามเซ็นทรัลเวิลด์ไปแล้ว ตามภาพข้างล่าง แต่เนื้อเรื่องของละครนี้สมมติว่าเกิดในยุคราวปีพ.ศ. 2500-2510 ดังนั้นสนามบินดอนเมืองในยุคนั้นไม่น่าจะทันสมัยขนาดมีบันไดเลื่อนแล้ว!! หลุดอย่างแรงครับ
ผู้โดยสาร: ในละครมีเยอะมากเกินไป สมัยนั้นคนนั่งเครื่องบินไม่น่าจะเยอะขนาดนั้น และฝรั่งที่มาเมืองไทยก็เยอะไปไหมครับ
เก้าอี้ห้องผู้โดยสารรอขึ้นเครื่อง: ดีไซน์ล้ำมาก
ไฟฉุกเฉินสำรอง: ยุคพ.ศ. 2500 ในไทยยังไม่มีแน่นอนครับ คุณชายและท่านหญิงคงไปยืมนั่งไทมแมชชีนของโดเรม่อนมายุคปี 2555 เอ...ตอนนั้นมีโดเรม่อนยังหว่า 555+
หลอดไฟฟลูออเรสเซนต์: สมัยนั้นน่าจะมีแล้ว แต่โป๊ะและฝ้าเพดานสนามบินในฉากละครล้ำมากครับ
ป้ายต่างๆ: ฟ้อนต์ตัวหนังสือล้ำอีกเหมือนกัน
เส้นทางบิน
ในละครมีเที่ยวบินจากกรุงเทพ-ซูริคด้วย คือมีโชว์แผนที่ว่าบินตรง ซึ่งผมว่าสมัยนั้นไม่มีแน่นอน เพราะเครื่องบินสมัยนั้นเป็นใบพัด ยังไม่มีเครื่องยนเจ๊ต ต้องมีแวะอินเดียหรือแถวๆอาหรับเติมน้ำมันเป็นช่วงๆ แต่คุณชายกับท่านหญิงสามารถบินตรงได้เลย และสมัยนั้นยังไม่มีประเทศยูเครน เบลารุซ มีแต่โซเวียต
เครื่องบิน
วัสดุกับดีไซน์ที่ใช้ทำเก้าอี้ผู้โดยสารกับที่เก็บกระเป๋าเหนือศีรษะล้ำมากครับ คงไปถ่ายในที่ฝึกอบรมแอร์การบินไทย
น่าจะเชยๆแบบนี้มากกว่า
ความเห็นผมต่อทีมงานสร้างละคร
เงิบครับ ทีมงานควรค้นคว้าข้อมูลให้ละเอียดกว่านี้ ไม่ต้องลงทุนอะไรเลย ใช้แค่อากู๋ก็พอ ก็เจอข้อมูลเพียบแล้วครับ ไม่ใช่ว่าพอคนแต่งละครบอกว่าเรื่องราวเกิดที่ดอนเมือง พี่แกก็ไปเซ็ตฉากกันที่ตึก 1 ดอนเมืองกันจริงๆเลยซึ่งอาคารนั้นภายในตกแต่งจนกลายเป็นตึกสมัยใหม่ไปแล้ว
น่าจะไปหาสนามบินของกองทัพอากาศตามจังหวัดเล็กๆ หรือไปถ่ายในโถงตึกที่ไหนก็ได้ที่มีบันไดหินขัด ราวบันไดไม้เชยๆในตึกที่สร้างยุค 40 ปีก่อนก็ได้ ไม่ต้องเป็นสนามบินก็ได้ยังมีเหลืออยู่ น่าจะทำให้สมจริงกว่าครับ ซึ่งก็ไม่น่าจะใช้งบโปรดักชั่นเพิ่มอะไรมากมาย และไม่ต้องจ้างคนมาเดินเยอะขนาดนั้น ประหยัดค่าจ้างตัวประกอบฝรั่งมากกว่าด้วย
ตอนหน้าจะมารีวิวฉากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ หรือแม้แต่เหตุการณ์ตอนที่กลับมาเมืองไทยแล้ว ของแปลกปลอมหลุดออกมามากแบบน่าตกใจเยอะ และวิธีการคลายปมของละครซึ่งรวมไปถึงละครไทยอื่นๆด้วย
รีวิวข้อผิดพลาดในละครปวรรุจ 1 – สนามบินดอนเมือง, สรรพนาม
มารีวิวตามสัญญา ต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่าจุดผิดพลาดในการถ่ายทำนอกสถานที่และตัวบทเอง เยอะจนผมหงุดหงิดจริงๆ
อุ่นเครื่องกันด้วยเพลงประจำตัวน้องมิวกันก่อนครับ ทำแบบง่ายๆ เป็นแบบดนตรีอย่างเดียว ไม่มีเสียงร้อง ก่อนที่แฟนคลับจะเงิบจากรีวิว ฟังคลอไปด้วยแล้วกันบรรเทาอาการเงิบ
เริ่มเลยครับ
สรรพนาม
ที่เรียกคนที่คุยด้วยว่า "นาย" ผมเคยอ่านเจอว่าเริ่มมาจากสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยใช้กันก่อนนะครับ หลังจากนั้นสหายออกจากป่ากันแล้ว คนทั่วไปถึงใช้กัน แต่ยุคปี 2500 ยังไม่น่าใช้ "นาย" เรียกคนที่เราคุยด้วย หรือว่าคุณชายเคยเข้าป่ามีเพื่อนเป็นสหายพคท.มาแล้ว? คนพี่ใช้ "พี่" แทนตัวเอง เรียกน้องด้วยชื่อเล่น จะไม่เรียกน้องว่า "นาย"
สนามบินดอนเมือง
ความรู้สึกของผมไม่ควรหลุดอย่างยิ่ง เป็นฉากสำคัญของเรื่องด้วยคือเปิดตัวนางเอก สนามบินดอนเมืองในละครปวรรุจ“ไฮเทค” มาก มีของสุดล้ำมากมายโผล่ขึ้นมาในฉากจนผมเงิบไปเลย
สนามบินดอนเมืองยุคปี 2500
นี่เป็นภาพสนามบินดอนเมืองในยุคปี 2520 ผ่านไป 20 ปีหลังยุคคุณชายก็ยังสร้างแบบง่ายๆ
แต่นี่คือสนามบินดอนเมืองในละครครับ
บันไดเลื่อน: บันไดเลื่อนถูกเอาเข้ามาในเมืองไทยครั้งแรกโดยห้างสรรพสินค้าญี่ปุ่นชื่อไทยไดมารู เปิดห้าง 10 ธ.ค. 2507 เวลานี้ตรงนั้นกลายเป็นห้างบิ๊กซีตรงข้ามเซ็นทรัลเวิลด์ไปแล้ว ตามภาพข้างล่าง แต่เนื้อเรื่องของละครนี้สมมติว่าเกิดในยุคราวปีพ.ศ. 2500-2510 ดังนั้นสนามบินดอนเมืองในยุคนั้นไม่น่าจะทันสมัยขนาดมีบันไดเลื่อนแล้ว!! หลุดอย่างแรงครับ
ผู้โดยสาร: ในละครมีเยอะมากเกินไป สมัยนั้นคนนั่งเครื่องบินไม่น่าจะเยอะขนาดนั้น และฝรั่งที่มาเมืองไทยก็เยอะไปไหมครับ
เก้าอี้ห้องผู้โดยสารรอขึ้นเครื่อง: ดีไซน์ล้ำมาก
ไฟฉุกเฉินสำรอง: ยุคพ.ศ. 2500 ในไทยยังไม่มีแน่นอนครับ คุณชายและท่านหญิงคงไปยืมนั่งไทมแมชชีนของโดเรม่อนมายุคปี 2555 เอ...ตอนนั้นมีโดเรม่อนยังหว่า 555+
หลอดไฟฟลูออเรสเซนต์: สมัยนั้นน่าจะมีแล้ว แต่โป๊ะและฝ้าเพดานสนามบินในฉากละครล้ำมากครับ
ป้ายต่างๆ: ฟ้อนต์ตัวหนังสือล้ำอีกเหมือนกัน
เส้นทางบิน
ในละครมีเที่ยวบินจากกรุงเทพ-ซูริคด้วย คือมีโชว์แผนที่ว่าบินตรง ซึ่งผมว่าสมัยนั้นไม่มีแน่นอน เพราะเครื่องบินสมัยนั้นเป็นใบพัด ยังไม่มีเครื่องยนเจ๊ต ต้องมีแวะอินเดียหรือแถวๆอาหรับเติมน้ำมันเป็นช่วงๆ แต่คุณชายกับท่านหญิงสามารถบินตรงได้เลย และสมัยนั้นยังไม่มีประเทศยูเครน เบลารุซ มีแต่โซเวียต
เครื่องบิน
วัสดุกับดีไซน์ที่ใช้ทำเก้าอี้ผู้โดยสารกับที่เก็บกระเป๋าเหนือศีรษะล้ำมากครับ คงไปถ่ายในที่ฝึกอบรมแอร์การบินไทย
น่าจะเชยๆแบบนี้มากกว่า
ความเห็นผมต่อทีมงานสร้างละคร
เงิบครับ ทีมงานควรค้นคว้าข้อมูลให้ละเอียดกว่านี้ ไม่ต้องลงทุนอะไรเลย ใช้แค่อากู๋ก็พอ ก็เจอข้อมูลเพียบแล้วครับ ไม่ใช่ว่าพอคนแต่งละครบอกว่าเรื่องราวเกิดที่ดอนเมือง พี่แกก็ไปเซ็ตฉากกันที่ตึก 1 ดอนเมืองกันจริงๆเลยซึ่งอาคารนั้นภายในตกแต่งจนกลายเป็นตึกสมัยใหม่ไปแล้ว
น่าจะไปหาสนามบินของกองทัพอากาศตามจังหวัดเล็กๆ หรือไปถ่ายในโถงตึกที่ไหนก็ได้ที่มีบันไดหินขัด ราวบันไดไม้เชยๆในตึกที่สร้างยุค 40 ปีก่อนก็ได้ ไม่ต้องเป็นสนามบินก็ได้ยังมีเหลืออยู่ น่าจะทำให้สมจริงกว่าครับ ซึ่งก็ไม่น่าจะใช้งบโปรดักชั่นเพิ่มอะไรมากมาย และไม่ต้องจ้างคนมาเดินเยอะขนาดนั้น ประหยัดค่าจ้างตัวประกอบฝรั่งมากกว่าด้วย
ตอนหน้าจะมารีวิวฉากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ หรือแม้แต่เหตุการณ์ตอนที่กลับมาเมืองไทยแล้ว ของแปลกปลอมหลุดออกมามากแบบน่าตกใจเยอะ และวิธีการคลายปมของละครซึ่งรวมไปถึงละครไทยอื่นๆด้วย