เป็นข่าวฮือฮาแอนด์ทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังนักร้องหนุ่ม “โตโน่-ภาคิน คำวิลัยศักดิ์” ออกมายอมยืดอกรับแบบแมนๆว่าตอนนี้กำลังคุยอยู่กับนางเอกสาววิกหมอชิต “แตงโม-ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์” ทั้งยังควงกันไปดูหนังอีกด้วย ซึ่งเป็นธรรมดาที่คนจะยอมรับในพฤติกรรมที่กล้าออกมายอมรับความความจริงแบบนี้ แต่ก็มีอีกส่วนหนึ่งที่แอนตี้ไม่เห็นด้วยที่ฝ่ายชายเดินหน้าจีบนางเอกสาว เมื่อเจอโตโน่ในงาน คอนเสิร์ตฉลองครบรอบ 4 ACT CHANNEL ANNIVERSARY ที่ศูนย์การค้าซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์ ผู้สื่อข่าวก็ไม่รอช้าคว้าตัวมาถามถึงกระแสหลังมีข่าวออกไป
“สำหรับตัวผมไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่ มีกระแสเยอะ ลงข่าวเยอะมากเพราะผมก็ตอบไปตามความจริง สำหรับเรื่องแฟนคลับก็ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ เพราะไม่ค่อยมีคนเขาทำกัน จริงๆผมรักพวกเขานะ พี่คิดดูว่าเขามายืนอยู่ตรงนี้ตลอดเวลา 3 ปี ให้ผมหลอกหรือพูดไม่จริง ผมก็ทำไม่ลง แต่ผมตกใจที่มันเหมือนกับประกาศแต่งงาน ไม่คิดว่ามันจะรุนแรงขนาดนั้น วันนั้นผมไปงานต่อต้านยาเสพติดแต่ข่าวเรื่องยาเสพติดยังน้อยกว่าเรื่องนี้เยอะมากเลย เลยคิดว่าต่อไปนี้เราควรจะพูดยังไง อย่างคำว่า “จีบ” ผมไม่รู้ว่าแต่ละคนตีความหมายไปแบบไหน ตั้งแต่เราโตมาจีบใครบ้าง มีแฟนกี่คน จีบติดบ้างไม่ติดบ้างมันก็เยอะแยะ ผมเป็นนักมวย อายคุณพ่อผมถ้าวันนึงผมต้องมาตอบเพื่อรักษาภาพพจน์เพื่อให้คนที่ผมโคตรรัก รักผมต่อ ผมก็ทำไม่ลง ผมรักพวกพี่นักข่าวนะครับ รักงานทางนี้มากและเชื่อมากๆว่าวงการนี้ยังไงก็มีความจริงใจ แล้วก็ยึดถือสิ่งนี้มาตลอด และการที่ผมมีวันนี้ได้คือการที่ผมพูด ดินก็คือมาจากดิน รู้สึกยังไงผมก็พูดอย่างนั้น ด้วยความปรารถนาดีแต่ถ้าสิ่งที่ผมพูดไปทำให้กลายเป็นผลกระทบกระเทือนใจใครก็ขอโทษ ผมก็คงจะต้องระมัดระวังเรื่องคำพูดมากขึ้น แต่ยังไงผมจะไม่โกหกแน่ๆครับ”
เสียใจไหมที่เราอุตส่าห์พูดความจริงแต่ก็มีกระแสแอนตี้
“ความรู้สึกจริงๆที่ผมเห็นคือแฟนคลับเขารักผมมาก วันนี้ก็เห็นแล้ว จากทวิตเตอร์หรืออะไรก็ตามเขาก็ให้กำลังใจเยอะ แน่นอนก็มีคนที่เข้าใจและไม่เข้าใจ ถามว่าน้อยใจไหมที่แฟนคลับแอนตี้ ไม่เลยครับ จะน้อยใจได้ยังไง ดูวันนี้สิครับ เขารักผมจริงๆ เขาไม่ได้โกรธที่ผมพูดความจริงแต่บางคนเขาอาจจะคิดว่ามันเร็วไป แต่ผมอยากจะบอกว่าอย่าเพิ่งจริงจังหรือตกใจ เรายังไม่รู้เลยเพราะยังเป็นเพื่อน จะไปถึงไหนก็ยังไม่รู้ แต่จะให้บอกว่าผมไม่รู้จักหรือไม่ได้ทำ ผมไม่ใช่นิสัยผู้ชายอย่างผม”
ดูเราก็ค่อนข้างจะเครียดเหมือนกัน
“ผมสงสารงานปปส. ข่าวก็ไม่ค่อยลงเท่าไหร่ กลายเป็นเรื่องนี้เข้ามาแทน ก็รู้สึกว่าต่อไปมันจะยังไงดี หลังจากที่ได้คุยกับผู้ใหญ่และหลายๆฝ่าย ผมรักพวกพี่และคนดูของผม และวิธีการรักของผมมันคือการรักแบบนี้คือการพูดความจริง จริงใจ ผมเข้ามาตรงนี้ไม่ได้เข้ามาหาแฟนหรือหาเมีย แต่มาทำงานตามความฝันของผมเพื่อคนที่ผมรักและให้เขามีความสุข ซึ่งเรื่องนี้ก็ยังอยู่ในอันดับหนึ่งและฝังอยู่ในใจผมตลอดเวลา ตั้งแต่วันแรกที่พวกพี่มาสัมภาษณ์ผมถึงจนวันนี้ ผมสำนึกบุญคุณพวกพี่ตลอด เมื่อก่อนผมเดินข้างถนน ไม่มีใครสนใจ วันนี้ผมมีโอกาสได้เป็นตัวอย่างของใครหลายๆคน ผมขอไม่เลือกใช้วิธีโกหกเพื่อให้ภาพผมมันดูดี และขอมใช้วิธีสร้างความจริงใจ ความรักที่มีต่องาน คนดู แฟนเพลง มันมาจากใจของผมก็ให้มันรู้เลยว่าผมจะอยู่ได้หรือไม่ได้”
เป็นช่วงเวลาหนึ่งของชีวิต
“คนเรามีแฟนมาแล้วกี่คน ตั้งแต่โตมาเป็นวัยรุ่นก่อนเข้าวงการผมมีแฟนมาแล้ว 7-8 คน แต่ผมแค่ตกใจว่าที่บอกว่าผมคุยและไปดูหนังกับคนนี้มันจะเป็นเรื่องขนาดนี้”
หลังมีข่าวออกมา ผู้ใหญ่เรียกเข้าไปคุย
“ไม่ได้เรียกเข้าไปคุยหรอกครับ แต่โทรมาหาแล้วบอกว่า “แมนมากไปหรือเปล่า” ผมก็ตอบไปว่าไม่อยากโกหก พี่เขาก็บอกว่าต่อไปเวลาจะตอบอะไรก็อย่าตอบเหมือนกับว่าเรามาจากป่านะ (หัวเราะ) ให้ตอบเหมือนกับว่าเราอยู่ในวงการมาหลายปีแล้ว ผู้ใหญ่ก็ไม่ได้เบรกแล้วเขาก็ไม่ได้สนับสนุนให้ผมโกหกอยู่แล้ว เพราะเขารู้ว่าผมเป็นคนยังไง แต่เขาอยากให้ผมรู้ว่ากว่าจะมีวันนี้ได้ มันสำคัญนะ ส่วนรวมเวลาเขาอ่านตัวหนังสือบางครั้งมันแรงสำหรับเขานะเวลาเราพูดตรง ผมขอโทษนะ (พูดอีสาน) ผมอยู่บ้านผมก็เว้าอีสาน ผมมาอยู่นี่ผมก็เว้ากลาง รู้สึกจังได๋ผมก็เว้าจังซั่น แต่ผมบ่ฮู้ว่ามันสิเป็นจังซี่ ขอโทษหลายๆครับผม ต่อไปผมก็จะพูดให้ดูสวยงามขึ้น เวลาพี่ถามว่าจีบไม่จีบ ผมก็จะไม่ตอบว่าจีบหรือไม่จีบ แต่จะตอบว่าอ๋อคุยครับผม”
มีข่าวออกมาแล้วเราจะลดความสัมพันธ์ลงไหม
“ไม่ครับ ตอนที่อ่านข่าวผมตกใจที่บอกว่า “โตโน่ออกตัวแรงประกาศจีบ” ใครจะไปประกาศจีบคน จะติดหรือไม่ติดเรายังไม่รู้เลย พอพี่มาถามผมก็ตอบไปตามความรู้สึกของเรา ดังนั้นมันก็เป็นเรื่องของอนาคต อย่างตัวโมเองก็ไม่ได้ต้องการอะไรจากเรา มันก็เพิ่งเริ่มคุยกันได้ 2 อาทิตย์ จะเป็นยังไงต่อไป ผมยังไม่รู้เลย ผมไม่ได้สนด้วยว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นยังไง แค่อยากจะบอกหลายๆคนว่าผมคุยกับผู้หญิงคนนี้ จะให้ผมโกหกผมก็อายตัวผมเอง ทำไม่ลง”
ได้คุยกับแตงโมเรื่องข่าวหรือยัง
“คุยครับ เขาก็ตกใจที่เรากล้าพูด แต่จริงๆแล้วก็ไม่ได้คุยเรื่องนี้ทั้งหมดก็คุยเรื่องอื่นเรื่อยเปื่อยไป”
สรุปว่ายังคุยกันต่อ
“ก็เป็นเพื่อนกันไป ดูกันต่อไป ผมไม่ได้จำกัดหรอกว่าข้างหน้าจะเป็นอะไร แต่ตอนนี้สิ่งที่ผมต้องทำคือทำงานของผมให้ดีที่สุด ให้พี่ๆสนใจงานของผมด้วย อย่างล่าสุดผมก็เป็นพรีเซ็นเตอร์ต่อต้านย่าเสพติดแล้วก็อยากให้พี่ๆลงข่าวกันเยอะๆ เรื่องส่วนรวมมันใหญ่กว่าเรื่องส่วนตัวนะ เวลาที่เด็กๆอ่านหัวข้อยาเสพติดให้รู้ว่ามันเป็นเป็นปัญหาของชาติ ดีกว่ามาอ่านข่าวโตโน่จีบใคร สำหรับตัวผมเองคิดว่ามันเร็วเกินสำหรับ 2 อาทิตย์ที่คุยกัน เอาเป็นว่าถ้ารู้สึกรักแล้วขอแต่งงานเลยดีกว่า”
ได้ข่าวว่าแตงโมเข้าโรงพยาบาลได้ไปเยี่ยมไหม
“ใช่ครับ ผมก็ไปเยี่ยม ตอนนี้ก็หายป่วยแล้ว”
ใช่เรื่องที่เราประกาศจีบแล้วฝ่ายหญิงช็อกเข้าโรงพยาบาลหรือเปล่า
“มันไม่ใช่อย่างนั้นหรอกครับ ใช้วิจารณญาณ อย่าไปตลกกับอย่างนั้นเลย”
ได้ข่าวว่าแม่เป็นห่วงมาก
“แม่เป็นห่วงเพราะมันยังมีงานอีกหลายงานที่เราต้องลุยกับมัน ผมเชื่อมั่นใจความจริงใจนะ คิดดี ทำดี พูดดี การที่ผมจะคุยกับใคร ผมไม่ได้หวังอะไรจากใครเลย ผมพูดในสิ่งที่ผมทำ ผมรับผิดชอบในสิ่งที่ผมพูด มันคือสิ่งที่เป็นผม อยากให้หลายๆคนเข้าใจ แฟนๆอย่าซีเรียสกับเรื่องนี้เลยนะครับ”
ข่าวจาก : รักดารา
http://www.rakdara.net/overview.php?c=2&id=35813
"โตโน่"วอนแฟนๆอย่าถือเป็นเรื่องใหญ่ข่าวจีบ"แตงโม"
เป็นข่าวฮือฮาแอนด์ทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังนักร้องหนุ่ม “โตโน่-ภาคิน คำวิลัยศักดิ์” ออกมายอมยืดอกรับแบบแมนๆว่าตอนนี้กำลังคุยอยู่กับนางเอกสาววิกหมอชิต “แตงโม-ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์” ทั้งยังควงกันไปดูหนังอีกด้วย ซึ่งเป็นธรรมดาที่คนจะยอมรับในพฤติกรรมที่กล้าออกมายอมรับความความจริงแบบนี้ แต่ก็มีอีกส่วนหนึ่งที่แอนตี้ไม่เห็นด้วยที่ฝ่ายชายเดินหน้าจีบนางเอกสาว เมื่อเจอโตโน่ในงาน คอนเสิร์ตฉลองครบรอบ 4 ACT CHANNEL ANNIVERSARY ที่ศูนย์การค้าซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์ ผู้สื่อข่าวก็ไม่รอช้าคว้าตัวมาถามถึงกระแสหลังมีข่าวออกไป
“สำหรับตัวผมไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่ มีกระแสเยอะ ลงข่าวเยอะมากเพราะผมก็ตอบไปตามความจริง สำหรับเรื่องแฟนคลับก็ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ เพราะไม่ค่อยมีคนเขาทำกัน จริงๆผมรักพวกเขานะ พี่คิดดูว่าเขามายืนอยู่ตรงนี้ตลอดเวลา 3 ปี ให้ผมหลอกหรือพูดไม่จริง ผมก็ทำไม่ลง แต่ผมตกใจที่มันเหมือนกับประกาศแต่งงาน ไม่คิดว่ามันจะรุนแรงขนาดนั้น วันนั้นผมไปงานต่อต้านยาเสพติดแต่ข่าวเรื่องยาเสพติดยังน้อยกว่าเรื่องนี้เยอะมากเลย เลยคิดว่าต่อไปนี้เราควรจะพูดยังไง อย่างคำว่า “จีบ” ผมไม่รู้ว่าแต่ละคนตีความหมายไปแบบไหน ตั้งแต่เราโตมาจีบใครบ้าง มีแฟนกี่คน จีบติดบ้างไม่ติดบ้างมันก็เยอะแยะ ผมเป็นนักมวย อายคุณพ่อผมถ้าวันนึงผมต้องมาตอบเพื่อรักษาภาพพจน์เพื่อให้คนที่ผมโคตรรัก รักผมต่อ ผมก็ทำไม่ลง ผมรักพวกพี่นักข่าวนะครับ รักงานทางนี้มากและเชื่อมากๆว่าวงการนี้ยังไงก็มีความจริงใจ แล้วก็ยึดถือสิ่งนี้มาตลอด และการที่ผมมีวันนี้ได้คือการที่ผมพูด ดินก็คือมาจากดิน รู้สึกยังไงผมก็พูดอย่างนั้น ด้วยความปรารถนาดีแต่ถ้าสิ่งที่ผมพูดไปทำให้กลายเป็นผลกระทบกระเทือนใจใครก็ขอโทษ ผมก็คงจะต้องระมัดระวังเรื่องคำพูดมากขึ้น แต่ยังไงผมจะไม่โกหกแน่ๆครับ”
เสียใจไหมที่เราอุตส่าห์พูดความจริงแต่ก็มีกระแสแอนตี้
“ความรู้สึกจริงๆที่ผมเห็นคือแฟนคลับเขารักผมมาก วันนี้ก็เห็นแล้ว จากทวิตเตอร์หรืออะไรก็ตามเขาก็ให้กำลังใจเยอะ แน่นอนก็มีคนที่เข้าใจและไม่เข้าใจ ถามว่าน้อยใจไหมที่แฟนคลับแอนตี้ ไม่เลยครับ จะน้อยใจได้ยังไง ดูวันนี้สิครับ เขารักผมจริงๆ เขาไม่ได้โกรธที่ผมพูดความจริงแต่บางคนเขาอาจจะคิดว่ามันเร็วไป แต่ผมอยากจะบอกว่าอย่าเพิ่งจริงจังหรือตกใจ เรายังไม่รู้เลยเพราะยังเป็นเพื่อน จะไปถึงไหนก็ยังไม่รู้ แต่จะให้บอกว่าผมไม่รู้จักหรือไม่ได้ทำ ผมไม่ใช่นิสัยผู้ชายอย่างผม”
ดูเราก็ค่อนข้างจะเครียดเหมือนกัน
“ผมสงสารงานปปส. ข่าวก็ไม่ค่อยลงเท่าไหร่ กลายเป็นเรื่องนี้เข้ามาแทน ก็รู้สึกว่าต่อไปมันจะยังไงดี หลังจากที่ได้คุยกับผู้ใหญ่และหลายๆฝ่าย ผมรักพวกพี่และคนดูของผม และวิธีการรักของผมมันคือการรักแบบนี้คือการพูดความจริง จริงใจ ผมเข้ามาตรงนี้ไม่ได้เข้ามาหาแฟนหรือหาเมีย แต่มาทำงานตามความฝันของผมเพื่อคนที่ผมรักและให้เขามีความสุข ซึ่งเรื่องนี้ก็ยังอยู่ในอันดับหนึ่งและฝังอยู่ในใจผมตลอดเวลา ตั้งแต่วันแรกที่พวกพี่มาสัมภาษณ์ผมถึงจนวันนี้ ผมสำนึกบุญคุณพวกพี่ตลอด เมื่อก่อนผมเดินข้างถนน ไม่มีใครสนใจ วันนี้ผมมีโอกาสได้เป็นตัวอย่างของใครหลายๆคน ผมขอไม่เลือกใช้วิธีโกหกเพื่อให้ภาพผมมันดูดี และขอมใช้วิธีสร้างความจริงใจ ความรักที่มีต่องาน คนดู แฟนเพลง มันมาจากใจของผมก็ให้มันรู้เลยว่าผมจะอยู่ได้หรือไม่ได้”
เป็นช่วงเวลาหนึ่งของชีวิต
“คนเรามีแฟนมาแล้วกี่คน ตั้งแต่โตมาเป็นวัยรุ่นก่อนเข้าวงการผมมีแฟนมาแล้ว 7-8 คน แต่ผมแค่ตกใจว่าที่บอกว่าผมคุยและไปดูหนังกับคนนี้มันจะเป็นเรื่องขนาดนี้”
หลังมีข่าวออกมา ผู้ใหญ่เรียกเข้าไปคุย
“ไม่ได้เรียกเข้าไปคุยหรอกครับ แต่โทรมาหาแล้วบอกว่า “แมนมากไปหรือเปล่า” ผมก็ตอบไปว่าไม่อยากโกหก พี่เขาก็บอกว่าต่อไปเวลาจะตอบอะไรก็อย่าตอบเหมือนกับว่าเรามาจากป่านะ (หัวเราะ) ให้ตอบเหมือนกับว่าเราอยู่ในวงการมาหลายปีแล้ว ผู้ใหญ่ก็ไม่ได้เบรกแล้วเขาก็ไม่ได้สนับสนุนให้ผมโกหกอยู่แล้ว เพราะเขารู้ว่าผมเป็นคนยังไง แต่เขาอยากให้ผมรู้ว่ากว่าจะมีวันนี้ได้ มันสำคัญนะ ส่วนรวมเวลาเขาอ่านตัวหนังสือบางครั้งมันแรงสำหรับเขานะเวลาเราพูดตรง ผมขอโทษนะ (พูดอีสาน) ผมอยู่บ้านผมก็เว้าอีสาน ผมมาอยู่นี่ผมก็เว้ากลาง รู้สึกจังได๋ผมก็เว้าจังซั่น แต่ผมบ่ฮู้ว่ามันสิเป็นจังซี่ ขอโทษหลายๆครับผม ต่อไปผมก็จะพูดให้ดูสวยงามขึ้น เวลาพี่ถามว่าจีบไม่จีบ ผมก็จะไม่ตอบว่าจีบหรือไม่จีบ แต่จะตอบว่าอ๋อคุยครับผม”
มีข่าวออกมาแล้วเราจะลดความสัมพันธ์ลงไหม
“ไม่ครับ ตอนที่อ่านข่าวผมตกใจที่บอกว่า “โตโน่ออกตัวแรงประกาศจีบ” ใครจะไปประกาศจีบคน จะติดหรือไม่ติดเรายังไม่รู้เลย พอพี่มาถามผมก็ตอบไปตามความรู้สึกของเรา ดังนั้นมันก็เป็นเรื่องของอนาคต อย่างตัวโมเองก็ไม่ได้ต้องการอะไรจากเรา มันก็เพิ่งเริ่มคุยกันได้ 2 อาทิตย์ จะเป็นยังไงต่อไป ผมยังไม่รู้เลย ผมไม่ได้สนด้วยว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นยังไง แค่อยากจะบอกหลายๆคนว่าผมคุยกับผู้หญิงคนนี้ จะให้ผมโกหกผมก็อายตัวผมเอง ทำไม่ลง”
ได้คุยกับแตงโมเรื่องข่าวหรือยัง
“คุยครับ เขาก็ตกใจที่เรากล้าพูด แต่จริงๆแล้วก็ไม่ได้คุยเรื่องนี้ทั้งหมดก็คุยเรื่องอื่นเรื่อยเปื่อยไป”
สรุปว่ายังคุยกันต่อ
“ก็เป็นเพื่อนกันไป ดูกันต่อไป ผมไม่ได้จำกัดหรอกว่าข้างหน้าจะเป็นอะไร แต่ตอนนี้สิ่งที่ผมต้องทำคือทำงานของผมให้ดีที่สุด ให้พี่ๆสนใจงานของผมด้วย อย่างล่าสุดผมก็เป็นพรีเซ็นเตอร์ต่อต้านย่าเสพติดแล้วก็อยากให้พี่ๆลงข่าวกันเยอะๆ เรื่องส่วนรวมมันใหญ่กว่าเรื่องส่วนตัวนะ เวลาที่เด็กๆอ่านหัวข้อยาเสพติดให้รู้ว่ามันเป็นเป็นปัญหาของชาติ ดีกว่ามาอ่านข่าวโตโน่จีบใคร สำหรับตัวผมเองคิดว่ามันเร็วเกินสำหรับ 2 อาทิตย์ที่คุยกัน เอาเป็นว่าถ้ารู้สึกรักแล้วขอแต่งงานเลยดีกว่า”
ได้ข่าวว่าแตงโมเข้าโรงพยาบาลได้ไปเยี่ยมไหม
“ใช่ครับ ผมก็ไปเยี่ยม ตอนนี้ก็หายป่วยแล้ว”
ใช่เรื่องที่เราประกาศจีบแล้วฝ่ายหญิงช็อกเข้าโรงพยาบาลหรือเปล่า
“มันไม่ใช่อย่างนั้นหรอกครับ ใช้วิจารณญาณ อย่าไปตลกกับอย่างนั้นเลย”
ได้ข่าวว่าแม่เป็นห่วงมาก
“แม่เป็นห่วงเพราะมันยังมีงานอีกหลายงานที่เราต้องลุยกับมัน ผมเชื่อมั่นใจความจริงใจนะ คิดดี ทำดี พูดดี การที่ผมจะคุยกับใคร ผมไม่ได้หวังอะไรจากใครเลย ผมพูดในสิ่งที่ผมทำ ผมรับผิดชอบในสิ่งที่ผมพูด มันคือสิ่งที่เป็นผม อยากให้หลายๆคนเข้าใจ แฟนๆอย่าซีเรียสกับเรื่องนี้เลยนะครับ”
ข่าวจาก : รักดารา
http://www.rakdara.net/overview.php?c=2&id=35813