คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 10
แดดบ้านเราเต็มที่ 10 ชม.
SPF ( Sun Protection Factor ) คือประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์กันแดด ที่จะปกป้องผิวจากรังสียูวีบี และริ้วรอยที่เกิดขึ้นจากแสงแดด ยิ่งตัวเลขสูง ยิ่งป้องกันได้ดี ผิวปกติเมื่อโดนแดดประมาณ 10 - 15 นาที จะเกิดอาการไหม้แดด
หากค่า SPF 15 เท่ากับปกป้องได้ 15 เท่าของค่าปกติ คือ 15 X 15 = 225 นาที หรือ 3 ชั่วโมง 45 นาที
SPF 30 คือ 15 x 30 = 450 นาที หรือ 7.5 ชม. คิดว่าน่าจะพอ หักช่วงเช้าก่อน 8 โมง และหลัง 16 นาฬิกาที่แดดไม่อันตราย
ค่าที่เหมาะจึงสมควรอยู่ระหว่าง SPF15 - 35 ครีมกันแดดควรเลือกที่กันน้ำได้ โดยระบุว่า Water Resistant หรือ Water Proof
แต่มีข้อควรระวังว่า ถ้าเราทาครีมกันแดดไปแล้วแม้เวลาผ่านไปไม่นาน หากเหงื่อออกแล้วคุณเช็ดเหงื่อออก ครีมกันแดด
แม้จะกันน้ำก็จะหลุดออกไปด้วย คุณควรลงซ้ำใหม่
นอกจาก SPF แล้วค่าที่สำคัญอีกตัวหนึ่งคือ PA (Protection Grade of UVA) เป็นค่าที่สำคัญอีกตัวหนึ่งที่แสดงถึงระดับการป้องกันรังสียูวีเอ ซึ่งเป็นรังสีที่ลงลึกเข้าไปใต้ผิวหนังทำลายคอลลาเจนใต้ผิว สร้างอนุมูลอิสระทำร้ายผิวได้มาก ประสิทธิภาพของการป้องกันจะระบุด้วยเครื่องหมาย + โดยแบ่งเป็น 3 ระดับ
PA+ หมายถึงปกป้อง UVA ได้ 4 เท่า
PA++ ปกป้องได้ 4 - 8 เท่า
และค่าสูงสุดที่ PA+++ ปกป้องได้มากกว่า 8 เท่า
ครีมกันแดดยังมีส่วนผสมที่แตกต่างกัน โดยแบ่งเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ
1. Physical Sunscreen ผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้จะใช้สารสะท้อน และกันแสงออกจากผิวหนัง สารที่ใช้มีทั้ง ไททาเนียมไดออกไซด์ (Titanium Dioxide) สามารถป้องกันได้ทั้งรังสียูวีเอและยูวีบี ใช้แล้วไม่ค่อยเกิดอาการแพ้
แต่ไม่เป็นที่นิยมเพราะทาแล้วหน้าขาวโพลนไม่เป็นธรรมชาติและเหนียวเหนอะหนะ
2. Chemical Sunscreen เป็นกลุ่มที่ออกฤทธิ๋์ทางเคมี เมื่อทาแล้วจะไปรวมตัวกับผิวหนังชั้นนอกสุดทำให้สามารถดูดซับแสงได้ บางชนิดป้องกันได้ทั้งยูวีเอและบี บางชนิดเฉพาะรังสียูวีบี เช่น PABA ,Salicylate แต่มักมีปัญหาในเรื่องการแพ้ได้
กันแดดทุกตัวไม่ว่าจะ SPF สูงขนาดไหนก็ไม่สามารถปกป้องเราจากแสงแดดในการทาแค่ครั้งเดียว เพราะไม่ว่าการว่ายน้ำ เหงือ การเช็ดผิว ถอดใส่เสื้อผ้า ทุกอย่างนี้ทำให้กันแดดหลุดออกได้หมด
SPF ( Sun Protection Factor ) คือประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์กันแดด ที่จะปกป้องผิวจากรังสียูวีบี และริ้วรอยที่เกิดขึ้นจากแสงแดด ยิ่งตัวเลขสูง ยิ่งป้องกันได้ดี ผิวปกติเมื่อโดนแดดประมาณ 10 - 15 นาที จะเกิดอาการไหม้แดด
หากค่า SPF 15 เท่ากับปกป้องได้ 15 เท่าของค่าปกติ คือ 15 X 15 = 225 นาที หรือ 3 ชั่วโมง 45 นาที
SPF 30 คือ 15 x 30 = 450 นาที หรือ 7.5 ชม. คิดว่าน่าจะพอ หักช่วงเช้าก่อน 8 โมง และหลัง 16 นาฬิกาที่แดดไม่อันตราย
ค่าที่เหมาะจึงสมควรอยู่ระหว่าง SPF15 - 35 ครีมกันแดดควรเลือกที่กันน้ำได้ โดยระบุว่า Water Resistant หรือ Water Proof
แต่มีข้อควรระวังว่า ถ้าเราทาครีมกันแดดไปแล้วแม้เวลาผ่านไปไม่นาน หากเหงื่อออกแล้วคุณเช็ดเหงื่อออก ครีมกันแดด
แม้จะกันน้ำก็จะหลุดออกไปด้วย คุณควรลงซ้ำใหม่
นอกจาก SPF แล้วค่าที่สำคัญอีกตัวหนึ่งคือ PA (Protection Grade of UVA) เป็นค่าที่สำคัญอีกตัวหนึ่งที่แสดงถึงระดับการป้องกันรังสียูวีเอ ซึ่งเป็นรังสีที่ลงลึกเข้าไปใต้ผิวหนังทำลายคอลลาเจนใต้ผิว สร้างอนุมูลอิสระทำร้ายผิวได้มาก ประสิทธิภาพของการป้องกันจะระบุด้วยเครื่องหมาย + โดยแบ่งเป็น 3 ระดับ
PA+ หมายถึงปกป้อง UVA ได้ 4 เท่า
PA++ ปกป้องได้ 4 - 8 เท่า
และค่าสูงสุดที่ PA+++ ปกป้องได้มากกว่า 8 เท่า
ครีมกันแดดยังมีส่วนผสมที่แตกต่างกัน โดยแบ่งเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ
1. Physical Sunscreen ผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้จะใช้สารสะท้อน และกันแสงออกจากผิวหนัง สารที่ใช้มีทั้ง ไททาเนียมไดออกไซด์ (Titanium Dioxide) สามารถป้องกันได้ทั้งรังสียูวีเอและยูวีบี ใช้แล้วไม่ค่อยเกิดอาการแพ้
แต่ไม่เป็นที่นิยมเพราะทาแล้วหน้าขาวโพลนไม่เป็นธรรมชาติและเหนียวเหนอะหนะ
2. Chemical Sunscreen เป็นกลุ่มที่ออกฤทธิ๋์ทางเคมี เมื่อทาแล้วจะไปรวมตัวกับผิวหนังชั้นนอกสุดทำให้สามารถดูดซับแสงได้ บางชนิดป้องกันได้ทั้งยูวีเอและบี บางชนิดเฉพาะรังสียูวีบี เช่น PABA ,Salicylate แต่มักมีปัญหาในเรื่องการแพ้ได้
กันแดดทุกตัวไม่ว่าจะ SPF สูงขนาดไหนก็ไม่สามารถปกป้องเราจากแสงแดดในการทาแค่ครั้งเดียว เพราะไม่ว่าการว่ายน้ำ เหงือ การเช็ดผิว ถอดใส่เสื้อผ้า ทุกอย่างนี้ทำให้กันแดดหลุดออกได้หมด
แสดงความคิดเห็น
แดดเมืองไทย ใช้กันแดดSPF เท่าไหร่??