คำสารภาพจากใจถึง Paradox และแฟนเพลง

อิงจาก http://ppantip.com/topic/30539080
          หลายคนอาจจะว่าบ้า จะอะไรนักหนากับวงดนตรี ดารา หรือนักร้องคนหนึ่ง แต่คนเราบางทีมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ นะ มันหลง มันรัก มันบ้าอาการหนักกันเลยทีเดียว
ขอสารภาพตามตรงว่า เราเป็นคนที่เห็นแก่ตัวจริงๆ ขอโทษสำหรับแฟนๆเพลงหลายๆคนที่โดนเราเหวี่ยง(ลมๆ)ใส่ โดยไม่รู้ตัว(คนอื่นน่ะไม่รู้ตัว เรารู้ตัวเอง)
          หลายๆ คนอาจจะเคยเป็นแบบเรา(หรือเปล่าไม่รู้) แต่คิดว่า น่าจะมีบ้างไอ้อาการรู้สึกไม่ชอบแฟนคลับหรือพวกที่พึ่งมาคลั่งไคล้ศิลปินที่เราชอบ ..อ่านแล้วอย่าพึ่งพากันโมโห อันนี้แค่เกริ่นนำ เราจะอธิบายความรู้สึกเราตั้งแต่ต้นจนจบหยดสุดท้าย แล้วใครอย่าจะด่าจะว่า เราจะน้อมรับด้วยความสำนึกผิดอย่างเต็มหัวใจให้คุณได้ประณามหยามเหยียดอย่างเต็มที่ ว่าเรามันไม่ดีและเห็นแก่ตัวจริงๆ
เริ่มแล้วนะ...ขอท้าวความก่อน
           อย่างที่เคยบอก เรามองพาราด็อกซ์เป็นเหมือนคนรัก อาจจะไม่ได้ตกหลุมรักในครั้งแรกที่เห็น แต่ก็สะดุดตาซะจนลืมไม่ลง ครั้งแรกที่รู้สึกว่า เห้ย...เพลงแบบนี้ก็มีด้วย ไปเอาความคิดที่ไหนมาแต่งเพลงแบบนี้วะ แต่งออกมาได้ไง หรือเพลงแบบนี้ก็ออกเทปได้ด้วยเหรอ ..สมัยนั้นยังออกเทปอยู่นะ ซีดีแพงอ่ะ และในที่สุดก็ไม่เคยหยุดฟังได้เลยสักครั้ง

          รักครั้งแรกของเราเกิดจากเพลง Love สะดุดหูจนต้องแอบขี่มอเตอร์ไซค์ไปตลาดไปซื้อมาฟัง (ตลาดไกลมาก ห่างจากบ้านเกือบสิบกิโลฯ) แกล้งบอกพ่อว่าพาน้องไปขี่รถเล่น แต่เปล่าหรอก แอบไปซื้อม้วนเทป มันเป็นเรื่องของความนิสัยไม่ดีของเราเองที่ปกติต้องจิ๊กเงินพ่อแม่ไปซื้อม้วนเทป ซื้อไปซื้อมามันล้นกล่อง คือเยอะมาก เค้าก็จับได้ ก็มันจะเอาเงินที่ไหนไปซื้อล่ะเด็ก ป.6อ่ะ แอบซื้อจน ม.2 เริ่มเก็บไม่อยู่ พ่อแม่เริ่มระวังตัว หาโอกาสจิ๊กไม่ได้(น้องๆอย่าเอาเป็นตัวอย่างนะ) พอ ม.3 ข้างบ้านเค้าทอดกล้วยที่ฝานเป็นแผ่นๆ ขาย แม่ก็ให้เราไปนั่งกรอกขนม หาเงินซื้อม้วนเทปเอง 555 แต่ก็ยังโดนด่าอยู่ดีเรื่องที่เอาไปซื้อม้วนเทป คือเด็กๆ เราไม่คิดซื้อเสื้อผ้าหรืออะไรเลย ของอย่างเดียวในชีวิตที่อยากได้คือ ม้วนเทป ก็แอบไปซื้อเอา ตอนนั้นน่าจะประมาณ ม.4 (คิดว่านะ) พาราด็อกซ์ออกอัลบั้มแรก แทบไม่มีใครฟัง พอซื้อมาเปิดฟัง ประทับใจทัชมาฮาลมาก ทำให้ต้องกลับไปซื้ออีกม้วนมาเก็บไว้ เพราะคิดว่าม้วนแรกที่ซื้อมาคงจะพังแน่นอน


           ปรากฎว่า ยิ่งฟัง ยิ่งอาการหนัก ฟังมันทุกวัน จนเทปยาน ต้องไปแกะอีกม้วนมาฟัง สมัยนั้นบ้านเรามีคอมพิวเตอร์เป็นหลังแรก(อีกแล้ว) เก่ามาก ไปซื้อต่อเค้ามา แต่ไม่มีอินเตอร์เนตหรอกนะ แต่มีโปรแกรมไรท์แผ่น (ขอโทษทุกท่านมา ณ ที่นี้) อาจจะฟังดูไม่ดี แต่เราไม่เคยไม่ซื้อเพลงที่เราฟังแล้วเราชอบนะ ที่ไรท์เพราะฟังแล้ว ม้วนมันยาน เสียดายของ ก็ไรท์แผ่นฟังเอง และแน่นอนทุกแผ่นต้องมีเพลงของพาราด็อกซ์อย่างน้อย 3 เพลง เพลงที่มักจะเลือกไรท์ลงแผ่น คือ มันขาดไม่ได้เลย คือ ทัชมาฮาล 3 มิติ และอยู่ในใจ ทุกแผ่นต้องมี บ้านอื่นจะรำคาญไหมที่เราเปิดเพลงพวกนี้ เราไม่สนใจ เราสนใจแค่ขอให้บ้านระแวกใกล้เคียงได้ฟังเพลงที่เราฟังเท่านั้นพอ

          หลังจากฟังแล้วมีจิตใจที่เป็นบุญ เมตตาเผื่อแผ่ถึงเพื่อนบ้านและคนในโรงเรียนแล้ว (ไม่เข้าใจย้อนไปอ่านกระทู้เก่าตามลิงค์ข้างบน) ก็รู้สึกข้องใจกับนักดนตรีกลุ่มนี้มาก ว่าคิดได้ยังไงที่ทำเพลงแบบนี้ออกมา ช่างกล้าดีอะไรเช่นนี้ ก็เขียนจดหมายไปถาม ไม่คิดหรอกนะว่าเขาจะตอบกลับ แต่...ไปรษณีย์มาส่งจดหมาย ไอ้บ้านี่หัวใจแทบวาย เต้นโหยงๆ ไปรอบบ้าน คิดดูว่าเด็กบ้านนอกคนหนึ่ง เขียนจดหมายไปหานักร้อง ถึงแม้เขาจะไม่ดังก็เถอะ(ในตอนนั้นนะ) แต่มันดีใจมาก เหมือนเขียนไปหาพี่เบิร์ดแล้วพี่เบิร์ดตอบมาอะไรอย่างนั้น จำได้ว่าในจดหมายเขียนไปว่า พี่กล้ามากที่ทำเพลงแบบนี้ออกมา ไม่เหมือนใครเลย แล้วก็ฟ้องเขาอีกว่า ไม่มีใครฟัง 555 แต่เราฟังนะ ซื้อเพลงเค้าฟัง อะไรประมาณนี้
        
           เราเป็นคนอดทนมาก ก็อย่างที่บอกเขาเป็นคนรักของเรา เราก็ต้องตั้งใจทำอะไรให้เขา อารมณ์เด็กสมัยนั้น ตัดกระดาษตามนิตยสาร ตัวอักษรมานั่งแปะๆทีละตัวให้เกิดเป็นคำเป็นประโยค ใช้ความพยายามอย่างยิ่ง หนังสือหนังหานี่ไม่อ่านหรอก กลับมาบ้าน มานั่งแปะอักษรให้เป็นจดหมาย ถึงคนรัก...พาราด็อกซ์ แปะเสร็จ อายพ่อ...ให้พ่อซื้อซองมาให้ แล้วค่อยเอาใส่ซอง ระหว่างให้พ่อพาไปส่งกลัวพ่อแอบอ่านเราก็ปิดผนึกอย่างดี ย้ำๆพ่ออยู่นั่นแหละ จนพ่อด่าว่า “จดหมายอะไรของ กลัวแต่คนอื่นจะอ่าน แล้วจะส่งไปทำไมถ้ากลัวคนอ่าน” อ้าวววววววว พ่อ กลัวพ่ออ่านคนเดียวนั่นแหละ หวุ้ย! พ่อบอกว่าถ้ากลัวมากคราวหน้าไม่ส่งให้ ...แล้วใครจะส่งให้ วันธรรมดาก็ไปเรียนนะพ่อ 555
     
          ไม่จบด้วยน๊ะ ส่งปกม้วนเทปไปให้เค้าเซ็นต์ แต่ในระหว่างที่ปกเทปเดินทางไปกรุงเทพฯ (เมื่อก่อน...อีกแล้ว ใช่เวลาหลายวันมาก) อย่าพึ่งเบื่อคำว่าเมื่อก่อน สมัยก่อน สมัยนี้กันนะ ก็มันเล่าย้อนอดีตนี่นา ระหว่างที่ปกเทปเดินทาง ในใจนึกเป็นห่วงปกเทป กลัวเปียกฝน กลัวหาย กลัวขาด แล้วเวลาเซ็นต์จะทำปกเทปเราเปื้อนไหม จะทำปกเทปยับหรือเปล่า ..ไม่ได้ห่วงเล้ยยยย ว่าเขาจะเซ็นต์ส่งกลับมาไหม... มันเป็นกังวล กระวนกระวายใจ คิดในใจว่า ไม่น่าส่งไปเลย ถ้าไม่ได้กลับมาจะทำยังไง ต้องแอบไปซื้อมาอีก 2 ม้วนเลยใช่ไหม แล้วอีก 2 ม้วนมันไม่มีปกนี่จะทำยังไง ...บ้าไปแล้ว  

          รักมันเป็นดั่งปาฏิหาริย์ จดหมายตอบกลับพร้อมกับปกเทปที่มีลายเซ็นต์ ไม่มีความเสียหาย ปกเทปลูกแม่ กลับมาอย่างปลอดภัย ไม่เลอะ ไม่ยับ ดีใจยิ่งกว่าเค้าตอบจดหมายมาอีก 555
          (พี่ๆ ใจดีมาก เซ็นต์ทั้งปกนอกและใน มีอันหนึ่งที่พี่บิ๊กเขียนว่าให้น้องก้อยด้วย อยู่ข้างใน โอ๊ย...ดีใจ)
          มีคำชมมาว่า มีความพยายามมาก (กระนั้นท่านพี่ก็ยังจำน้องไม่ได้) ที่นั่งแปะๆ เศษกระดาษมาเป็นจดหมายฉบับหนึ่ง เสียดายที่ไม่มีจดหมายตอบมายืนยัน เพราะการย้ายบ้าน สองครั้งในเวลา 1 ปี โดยผู้ชายสองคน จดหมายอันเป็นที่รัก พร้อมด้วยอะไรหลายๆอย่างที่ยังคิดไม่ออก มันหายไปตามรายทางการย้ายบ้านนั่นแล้ว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่