เมื่อช่วงต้นปีเราจองตั๋วของหางแดงไปเที่ยวเชียงใหม่กันค่ะ ทั้งบ้าน 4 คน รวมทั้งหมดประมาณ8พันบาท ทั้งขาไปขากลับ เดินทางช่วงต้นเดือนมิถุนายนเป็นเวลา3คืน 4 วันค่ะ ตอนที่จองเราก็ไม่ทันเอะใจว่านั่นมันหน้าฝน!! เห็นว่าถูกและรอไม่นานเกินไปก็เลยรีบจองเลยค่ะ คุณพ่อกับคุณแม่ของเราไม่เคยนั่งเครื่องบินและก็ไม่เคยเที่ยวภาคเหนือด้วย นี่เป็นโอกาสที่ดีที่พาท่านเที่ยวหลังจากที่เหน็ดเหนื่อยมาตลอด ระหว่างการท่องเที่ยวของครอบครัวเรา แต่นับว่าโชคดีมากเลยค่ะที่ไม่เจอฝนตกเลย อากาศร้อนเสียมากกว่า แล้วเราก็เราพักในป่าและเดินทางเที่ยวตามดอยก็เลยไม่รู้สึกว่าร้อนค่ะ
ข้อดีของการเที่ยวเชียงใหม่หน้าฝน
1. ตั๋วเครื่องบินถูกเพราะเป็นช่วงโลว์ แต่ต้องจองก่อนนะคะ
2. ที่พักราคาถูกกว่าหน้าไฮเกือบครึ่งค่ะ
3. คนไม่เยอะ ไม่แย่งกันกินแย่งกันเที่ยว
เอาล่ะ ตามอิฉันมานะคะ คิคิ
บนฟ้า พี่กัปตันประกาศว่าวันนี้อากาศดี
กำลังจะแลนดิ้งแล้วค่ะ ตื่นเต้นๆ
สนามบินเชียงใหม่สวยจังค่ะ มีวิวเขาเขียวๆให้เห็นด้วย น่าเสียดายได้มุมไม่ดี ><
ไปถึงเราก็โทรเรียกรถแดงให้มารับค่ะ เป็นบริการที่เคยติดต่อมาทางหลังไมค์นี่แหละค่ะ แล้วก็ให้รถแดงพาไปส่งยังที่พักของเีรา "ธารทองลอดจ์" อยู่ห่างจากในเมืองประมาณ 40 กิิโลเมตร เราตัดสินใจกันว่าจะตระเวนเที่ยวระหว่างทางก่อนเข้าเช็คอินที่พักค่ะ แต่เราไม่มีไอเดียว่าจะไปที่ไหนดี เลยอาศัยให้พี่โชเฟอร์แนะนำ ที่แรกที่เขาพาไปคือ"ตลาดบ่อสร้าง" เป็นตลาดขายของที่ระลึก ตอนนั้นเป็นตอนเที่ยง ค่อนข้างเงียบไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยว เราซื้อของติดไม้ติดมือมานิดหน่อยค่ะ แล้วก็ทานขนมจีนน้ำเงี้ยวเป็นมื้อเที่ยง
ถัดมาเป็นที่"วัดร้องวัวแดง" คุณพ่อคุณแม่ได้ทำบุญไหว้พระ ดูท่านมีความสุขมากๆค่ะ อิชั้นก็เป็นปลื้มมม
ต่อมาเราก็ไปเที่ยวกันที่"ถ้ำเมืองออน" เสียค่าเข้าชมคนละ 10 บาทค่ะ
เดินขึ้นบันไดไปประมาณ 100 กว่าขั้นก็พบกับศาลาฤๅษีและเห็นวิวสวยๆนี่แหละค่ะ ชื่นใจจัง
เล่นเอาพ่อเหนื่อยหอบไปสักพักเลย
แต่ก็ดีใจที่พ่อแม่ยังเดินขึ้นบันไดไหวค่ะ ไม่บ่นเลยสักคำ ถ้าพาท่านมาเที่ยวตอนท่านอายุมากกว่านี้แล้วคงไม่ได้เดินเหินอะไรมากมายแบบนี้
นี่เป็นปากทางเข้าถ้ำเมืองออน ขอโทษที่ถ่ายเบี้ยวไปหน่อยค่ะ 555 พอดีแบตมือถือใกล้หมดเลยมองไม่เห็นจอ
คืออยากให้เห็นว่ามันเป็นช่องโพรงบันไดลงไปเป็นทางชันมาก ต้อง
วตัวตอนเดินลงไปด้วยนะคะเพราะต้องระวังหินย้อยหินงอกในโพรงนั้น มีไกด์นำทางพาบรรยายด้วยค่ะ ค่าไกด์ก็แล้วแต่เราจะให้เค้าค่ะ
ภายในถ้ำใหญ่โตโอ่โถงมาก อากาศเย็นสบาย ไกด์บอกว่าเคยเป็นที่ปฏิบัติธรรมของครูบาศรีวิชัยด้วยค่ะ อ่อ.. ถ้ำนี้ "ของ"เยอะนะคะ ทั้งกุมารทองเอย แม่ย่านางเอย แม่พระธรณีเอย พญานาคเอย ไกด์บอกว่าถ้าจะถ่ายรูปก็ขออนุญาตก่อนค่ะ มีบางท่านถ่ายรูปไม่ติด อิชั้นก็ทำตามนั้นเลยค่ะ ก็กลัวถ่ายไม่ติดนี่คะ แหมกว่าจะเดินลงมาได้ไม่ใช่ง่ายๆ 555 อีกทั้งยังมีฟอสซิลได้โนเสาร์ที่กลายเป็นหินแล้วด้วยค่ะ ไม่รู้อายุมันกี่ล้านล้านปีแล้ว มันกลืนไปกับผนังถ้ำเลย ตัวใหญ่มากกก ถ่ายไม่ติดค่ะ ไม่ใช่อะไร แสงไม่พอ 555 แล้วก็มีต้นสักกลายเป็นหิน ลักษณะเป็นต้นล้มอยู่ในถ้ำเป็นไม้จริงๆค่ะ (แอบเอาเล็บจิก..อุ่ย ก็ไกด์บอกให้ลอง) มันต้องเป็นสักที่ต้นใหญ่มากแน่ๆ
นี่คือ"พระธาตุนมผา" เป็นหินที่เกิดจากการหยดของน้ำในถ้ำ สะสมจนสูงพูนขึ้นเรื่อยๆ ของจริงเป็นสีขาวมีเกล็ดระยิบระยับด้วย สวยงามมากค่ะ
ภายในถ้ำ ค่อนข้างมืดค่ะ มือถือแบตจะหมดด้วย เลยไม่ค่อยได้ถ่ายรูปมา
ที่ต่อไปของเราคือ"น้ำพุร้อนสันกำแพง" เป็นน้ำพุธรรมชาติที่ผุดพุ่งมาจากใต้พิภพ มันจะมีอยู่ 2 จุดใกล้ๆกันค่ะ จุดหนึ่งที่พุ่งช้าๆเนิบๆ นั่นคือน้ำพุธรรมชาติแท้ ส่วนอีกจุดหนึ่งคือเค้าใช้เครื่องสูบค่ะ สังเกตุได้จากการที่มันพุ่งขึ้นเป็นจังหวะ (อันนี้คนสวนแถวๆนั้นบอกมานะคะ) ถ้ามาหน้าหนาว อิชั้นฟันธงเลยว่านี่คือสวรรค์ค่ะเพราะมันร้อนจริงอะไรจริง ต้มไข่ไข่ก็สุกค่ะ มาหน้าฝนก็แช่เท้าได้สบายๆค่ะ เลือกบ่อที่ร้อนน้อยๆหน่อย
มีวิธีต้มไข่แนะนำด้วยค่ะ
เวลาเริ่มเย็นย่ำ เราก็เข้าเช็คอินที่"ธารทองลอดจ์" กันก่อน แต่ยังไม่ได้เข้าไปถึงที่พักค่ะ ไปแค่ที่หน้าเคาท์เตอร์และสั่งอาหารรอไว้ เพราะเราอยากจะไปเที่ยวที่"น้ำตกแม่กำปอง" กันก่อน เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปเลยค่ะเพราะแบตหมดเกลี้ยงแล้ว 555 น้ำตกแม่กำปองเป็นน้ำตกสูงมีบันไดให้ขึ้นไป แต่เราเดินขึ้นไปไม่ถึงเพราะว่าเริ่มมืดแล้ว น้ำตกสวยและมีความเป็นธรรมชาติมากค่ะ
เมื่อกลับถึงที่พักของเราก็มีอาหารพร้อมแล้ว ตะตะตะแต่...อย่างว่า แบตหมดค่ะ อดถ่ายรูปมาโชว์เลย ที่เราสั่งมีแกงเห็ดถอบ(หรือเห็ดเผาะ) คล้ายๆแกงส้ม ที่พนักงานแนะนำว่าหายากและอร่อยมาก จริงๆแล้วเราว่ามันเหนียวๆอะค่ะ บางชิ้นก็อร่อย บางชิ้นก็เหนียว
แล้วก็หมูทอดแดดเดียว จำชื่อไม่ได้จริงๆเหมือนเป็นภาษาท้องถิ่นค่ะ เป็นหมูโครงการหลวงเนื้อนุ่มอร่อยมากทานกับใบมะกรูดทอด ฟินสุดๆเลย กับผัดผัก...จำชื่อผักไม่ได้ค่ะ
แต่ลักษณะคล้ายๆผักเหมียงของคนใต้ค่ะ เป็นผัดผักสดๆปลอดสารพิษหวานและสดมากกก วันนี้ก็เหนื่อยมาทั้งวัน เจออาหารเย็นอร่อยๆก็มีความสุขมากเลยค่ะ ที่ร้านอาหารบรรยากาศก็ดีเช่นกัน ได้ยินเสียงน้ำตกตลอด แม้ว่าฟ้าจะมืดแล้วแต่ยังเห็นสีทองระยิบระยับของธารน้ำไหลที่กระทบกับแสงของไฟประดับ.. นี่คงเป็นที่มาของชื่อ"ธารทองลอดจ์" หรือเปล่าคะ สวยงามจริงๆค่ะ อิชั้นก็เพ้อเจ้อเป็นเรื่องเป็นราวเนาะ 5555
ที่ธารทองลอดจ์จะมีบ้านอยู่หลายหลังค่ะ บ้านพักของเราชื่อ"บ้านชายดอย" อยู่ติดกับตีนเขาเลยค่ะ เดินจากล็อบบี้(หรือร้านอาหาร) ประมาณ200เมตร เราชอบบ้านหลังนี้มากๆเป็นบ้านในป่าในฝันของเราเลยก็ว่าได้ มี2ห้องนอน 2 ห้องน้ำ มีชานเรือนและระเบียง ค่ำคืนนี้อากาศเย็นสบายค่ะ ได้ยินเสียงแมลงขับกล่อมตลอดคืนเลย.. และคืนแรกในเชียงใหม่ก็ผ่านพ้นไปแล้วด้วยความประทับใจ มาดูที่พักของเราดีกว่า.. ตื่นเช้ามาก็ถ่ายรูปกันเลย
ในบ้านมีเตาผิงไฟด้วยค่ะ แสดงว่าหน้าหนาวจะต้องหนาวมากแน่ๆ ถ้าหน้าหนาวมีโอกาสจะมาใช้แน่ๆ อิอิ
มีทีวีด้วยค่ะ ติดกล่องชัดล้านเปอร์เซ็นต์ด้วย ชัดจริงอะไรจริงค่ะคุณผู้โช้มมม
เก้าอี้โยกหน้าบ้าน ตอนเช้าๆนั่งจิบกาแฟ.. อ่าาห์ ความสุขที่เราสร้างเอง
เอาล่ะ มาดูบรรยากาศรอบๆภายใน"ธารทองลอดจ์"กันค่ะ
ที่นี่เลี้ยงกระต่ายด้วยค่ะ มีประมาณ30ตัว ปุกปุยกระโดดกันโหยงเหยงทั่วบริเวณเพราะเค้าเลี้ยงแบบปล่อย น่ารักมากก >< งุงิ
มีลิงคาปูชินจากแอฟริกาใต้แต่เจ้าตัวนี้เลี้ยงในกรงค่ะ
ที่นี่สัญญาณโทรศัพท์เข้าไม่ถึงนะคะ มีของ AIS นิดหน่อยแต่ต้องปีนขึ้นไปคุยบนหอคอยโน้นค่ะ 555 ถ้าใครอยากจะมาพักผ่อนแบบตัดขาดโลกภายนอก แนะนำที่นี่เลยค่ะ แต่ก็ยังมีสัญญาณอินเตอร์เน็ตให้บริการนะคะ แต่ตอนที่อิชั้นไปมันไม่ค่อยเวิร์คเลย >__< แต่มาพักที่นี่จะพบว่าอินเตอร์เน็ตไม่จำเป็นค่ะ ไม่โกรธเลย 555
เจ้าของชื่อคุณปริม น่ารักและใจดีมากค่ะ เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปด้วยกันเพราะวันสุดท้ายคุณปริมไม่อยู่
เดี๋ยวจะมาเล่าให้ฟังวันที่สองต่อค่ะ
[CR] ครอบครัวสุขสันต์ **เที่ยวเชียงใหม่หน้าฝน**
ข้อดีของการเที่ยวเชียงใหม่หน้าฝน
1. ตั๋วเครื่องบินถูกเพราะเป็นช่วงโลว์ แต่ต้องจองก่อนนะคะ
2. ที่พักราคาถูกกว่าหน้าไฮเกือบครึ่งค่ะ
3. คนไม่เยอะ ไม่แย่งกันกินแย่งกันเที่ยว
เอาล่ะ ตามอิฉันมานะคะ คิคิ
บนฟ้า พี่กัปตันประกาศว่าวันนี้อากาศดี
กำลังจะแลนดิ้งแล้วค่ะ ตื่นเต้นๆ
สนามบินเชียงใหม่สวยจังค่ะ มีวิวเขาเขียวๆให้เห็นด้วย น่าเสียดายได้มุมไม่ดี ><
ไปถึงเราก็โทรเรียกรถแดงให้มารับค่ะ เป็นบริการที่เคยติดต่อมาทางหลังไมค์นี่แหละค่ะ แล้วก็ให้รถแดงพาไปส่งยังที่พักของเีรา "ธารทองลอดจ์" อยู่ห่างจากในเมืองประมาณ 40 กิิโลเมตร เราตัดสินใจกันว่าจะตระเวนเที่ยวระหว่างทางก่อนเข้าเช็คอินที่พักค่ะ แต่เราไม่มีไอเดียว่าจะไปที่ไหนดี เลยอาศัยให้พี่โชเฟอร์แนะนำ ที่แรกที่เขาพาไปคือ"ตลาดบ่อสร้าง" เป็นตลาดขายของที่ระลึก ตอนนั้นเป็นตอนเที่ยง ค่อนข้างเงียบไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยว เราซื้อของติดไม้ติดมือมานิดหน่อยค่ะ แล้วก็ทานขนมจีนน้ำเงี้ยวเป็นมื้อเที่ยง
ถัดมาเป็นที่"วัดร้องวัวแดง" คุณพ่อคุณแม่ได้ทำบุญไหว้พระ ดูท่านมีความสุขมากๆค่ะ อิชั้นก็เป็นปลื้มมม
ต่อมาเราก็ไปเที่ยวกันที่"ถ้ำเมืองออน" เสียค่าเข้าชมคนละ 10 บาทค่ะ
เดินขึ้นบันไดไปประมาณ 100 กว่าขั้นก็พบกับศาลาฤๅษีและเห็นวิวสวยๆนี่แหละค่ะ ชื่นใจจัง
เล่นเอาพ่อเหนื่อยหอบไปสักพักเลย แต่ก็ดีใจที่พ่อแม่ยังเดินขึ้นบันไดไหวค่ะ ไม่บ่นเลยสักคำ ถ้าพาท่านมาเที่ยวตอนท่านอายุมากกว่านี้แล้วคงไม่ได้เดินเหินอะไรมากมายแบบนี้
นี่เป็นปากทางเข้าถ้ำเมืองออน ขอโทษที่ถ่ายเบี้ยวไปหน่อยค่ะ 555 พอดีแบตมือถือใกล้หมดเลยมองไม่เห็นจอ คืออยากให้เห็นว่ามันเป็นช่องโพรงบันไดลงไปเป็นทางชันมาก ต้องวตัวตอนเดินลงไปด้วยนะคะเพราะต้องระวังหินย้อยหินงอกในโพรงนั้น มีไกด์นำทางพาบรรยายด้วยค่ะ ค่าไกด์ก็แล้วแต่เราจะให้เค้าค่ะ
ภายในถ้ำใหญ่โตโอ่โถงมาก อากาศเย็นสบาย ไกด์บอกว่าเคยเป็นที่ปฏิบัติธรรมของครูบาศรีวิชัยด้วยค่ะ อ่อ.. ถ้ำนี้ "ของ"เยอะนะคะ ทั้งกุมารทองเอย แม่ย่านางเอย แม่พระธรณีเอย พญานาคเอย ไกด์บอกว่าถ้าจะถ่ายรูปก็ขออนุญาตก่อนค่ะ มีบางท่านถ่ายรูปไม่ติด อิชั้นก็ทำตามนั้นเลยค่ะ ก็กลัวถ่ายไม่ติดนี่คะ แหมกว่าจะเดินลงมาได้ไม่ใช่ง่ายๆ 555 อีกทั้งยังมีฟอสซิลได้โนเสาร์ที่กลายเป็นหินแล้วด้วยค่ะ ไม่รู้อายุมันกี่ล้านล้านปีแล้ว มันกลืนไปกับผนังถ้ำเลย ตัวใหญ่มากกก ถ่ายไม่ติดค่ะ ไม่ใช่อะไร แสงไม่พอ 555 แล้วก็มีต้นสักกลายเป็นหิน ลักษณะเป็นต้นล้มอยู่ในถ้ำเป็นไม้จริงๆค่ะ (แอบเอาเล็บจิก..อุ่ย ก็ไกด์บอกให้ลอง) มันต้องเป็นสักที่ต้นใหญ่มากแน่ๆ
นี่คือ"พระธาตุนมผา" เป็นหินที่เกิดจากการหยดของน้ำในถ้ำ สะสมจนสูงพูนขึ้นเรื่อยๆ ของจริงเป็นสีขาวมีเกล็ดระยิบระยับด้วย สวยงามมากค่ะ
ภายในถ้ำ ค่อนข้างมืดค่ะ มือถือแบตจะหมดด้วย เลยไม่ค่อยได้ถ่ายรูปมา
ที่ต่อไปของเราคือ"น้ำพุร้อนสันกำแพง" เป็นน้ำพุธรรมชาติที่ผุดพุ่งมาจากใต้พิภพ มันจะมีอยู่ 2 จุดใกล้ๆกันค่ะ จุดหนึ่งที่พุ่งช้าๆเนิบๆ นั่นคือน้ำพุธรรมชาติแท้ ส่วนอีกจุดหนึ่งคือเค้าใช้เครื่องสูบค่ะ สังเกตุได้จากการที่มันพุ่งขึ้นเป็นจังหวะ (อันนี้คนสวนแถวๆนั้นบอกมานะคะ) ถ้ามาหน้าหนาว อิชั้นฟันธงเลยว่านี่คือสวรรค์ค่ะเพราะมันร้อนจริงอะไรจริง ต้มไข่ไข่ก็สุกค่ะ มาหน้าฝนก็แช่เท้าได้สบายๆค่ะ เลือกบ่อที่ร้อนน้อยๆหน่อย
มีวิธีต้มไข่แนะนำด้วยค่ะ
เวลาเริ่มเย็นย่ำ เราก็เข้าเช็คอินที่"ธารทองลอดจ์" กันก่อน แต่ยังไม่ได้เข้าไปถึงที่พักค่ะ ไปแค่ที่หน้าเคาท์เตอร์และสั่งอาหารรอไว้ เพราะเราอยากจะไปเที่ยวที่"น้ำตกแม่กำปอง" กันก่อน เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปเลยค่ะเพราะแบตหมดเกลี้ยงแล้ว 555 น้ำตกแม่กำปองเป็นน้ำตกสูงมีบันไดให้ขึ้นไป แต่เราเดินขึ้นไปไม่ถึงเพราะว่าเริ่มมืดแล้ว น้ำตกสวยและมีความเป็นธรรมชาติมากค่ะ
เมื่อกลับถึงที่พักของเราก็มีอาหารพร้อมแล้ว ตะตะตะแต่...อย่างว่า แบตหมดค่ะ อดถ่ายรูปมาโชว์เลย ที่เราสั่งมีแกงเห็ดถอบ(หรือเห็ดเผาะ) คล้ายๆแกงส้ม ที่พนักงานแนะนำว่าหายากและอร่อยมาก จริงๆแล้วเราว่ามันเหนียวๆอะค่ะ บางชิ้นก็อร่อย บางชิ้นก็เหนียว แล้วก็หมูทอดแดดเดียว จำชื่อไม่ได้จริงๆเหมือนเป็นภาษาท้องถิ่นค่ะ เป็นหมูโครงการหลวงเนื้อนุ่มอร่อยมากทานกับใบมะกรูดทอด ฟินสุดๆเลย กับผัดผัก...จำชื่อผักไม่ได้ค่ะ แต่ลักษณะคล้ายๆผักเหมียงของคนใต้ค่ะ เป็นผัดผักสดๆปลอดสารพิษหวานและสดมากกก วันนี้ก็เหนื่อยมาทั้งวัน เจออาหารเย็นอร่อยๆก็มีความสุขมากเลยค่ะ ที่ร้านอาหารบรรยากาศก็ดีเช่นกัน ได้ยินเสียงน้ำตกตลอด แม้ว่าฟ้าจะมืดแล้วแต่ยังเห็นสีทองระยิบระยับของธารน้ำไหลที่กระทบกับแสงของไฟประดับ.. นี่คงเป็นที่มาของชื่อ"ธารทองลอดจ์" หรือเปล่าคะ สวยงามจริงๆค่ะ อิชั้นก็เพ้อเจ้อเป็นเรื่องเป็นราวเนาะ 5555
ที่ธารทองลอดจ์จะมีบ้านอยู่หลายหลังค่ะ บ้านพักของเราชื่อ"บ้านชายดอย" อยู่ติดกับตีนเขาเลยค่ะ เดินจากล็อบบี้(หรือร้านอาหาร) ประมาณ200เมตร เราชอบบ้านหลังนี้มากๆเป็นบ้านในป่าในฝันของเราเลยก็ว่าได้ มี2ห้องนอน 2 ห้องน้ำ มีชานเรือนและระเบียง ค่ำคืนนี้อากาศเย็นสบายค่ะ ได้ยินเสียงแมลงขับกล่อมตลอดคืนเลย.. และคืนแรกในเชียงใหม่ก็ผ่านพ้นไปแล้วด้วยความประทับใจ มาดูที่พักของเราดีกว่า.. ตื่นเช้ามาก็ถ่ายรูปกันเลย
ในบ้านมีเตาผิงไฟด้วยค่ะ แสดงว่าหน้าหนาวจะต้องหนาวมากแน่ๆ ถ้าหน้าหนาวมีโอกาสจะมาใช้แน่ๆ อิอิ
มีทีวีด้วยค่ะ ติดกล่องชัดล้านเปอร์เซ็นต์ด้วย ชัดจริงอะไรจริงค่ะคุณผู้โช้มมม
เก้าอี้โยกหน้าบ้าน ตอนเช้าๆนั่งจิบกาแฟ.. อ่าาห์ ความสุขที่เราสร้างเอง
เอาล่ะ มาดูบรรยากาศรอบๆภายใน"ธารทองลอดจ์"กันค่ะ
ที่นี่เลี้ยงกระต่ายด้วยค่ะ มีประมาณ30ตัว ปุกปุยกระโดดกันโหยงเหยงทั่วบริเวณเพราะเค้าเลี้ยงแบบปล่อย น่ารักมากก >< งุงิ
มีลิงคาปูชินจากแอฟริกาใต้แต่เจ้าตัวนี้เลี้ยงในกรงค่ะ
ที่นี่สัญญาณโทรศัพท์เข้าไม่ถึงนะคะ มีของ AIS นิดหน่อยแต่ต้องปีนขึ้นไปคุยบนหอคอยโน้นค่ะ 555 ถ้าใครอยากจะมาพักผ่อนแบบตัดขาดโลกภายนอก แนะนำที่นี่เลยค่ะ แต่ก็ยังมีสัญญาณอินเตอร์เน็ตให้บริการนะคะ แต่ตอนที่อิชั้นไปมันไม่ค่อยเวิร์คเลย >__< แต่มาพักที่นี่จะพบว่าอินเตอร์เน็ตไม่จำเป็นค่ะ ไม่โกรธเลย 555
เจ้าของชื่อคุณปริม น่ารักและใจดีมากค่ะ เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปด้วยกันเพราะวันสุดท้ายคุณปริมไม่อยู่
เดี๋ยวจะมาเล่าให้ฟังวันที่สองต่อค่ะ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น