ดูจบแล้วก็เฉยๆเหมือนผ่านมาแล้วผ่านไป ไม่มีความประทับใจอะไรเลย ฉากแอ็คชั่นขี้โม้ที่ยัดเข้ามามันไม่สมเหตุสมผล สักแต่จะอัด CG โชว์ความวินาศสันตะโรเข้ามาเยอะๆ ซึ่งมันเยอะเกินไปจนทำให้น่าเบื่อด้วยความโอเวอร์เกินเหตุ ไม่เหมือนหนังแอ็คชั่นสมัยก่อนที่ใช้สตั๊นท์เล่นจริงเจ็บจริง ดังนั้นจะมีฉากแอ็คชั่นที่บรรจงมาแบบเน้นๆเด็ดๆให้เราตะลึง แต่นี่เล่นเอา CG มาช่วยตลอด ถ่ายกับฉากเขียวพื้นหลังทำท่ากระเด็นกระดอนแล้วก็ยัดแบ็คกราวน์ใส่ลงไป


รวมถึงความไม่สมเหตุสมผลเช่นฉากที่แม็คเคลนขับรถพุ่งลงจากสะพานแล้วขับบี้ทับบนรถชาวบ้านเพื่อไล่ตามคนร้าย มันดูแล้วตะหงิดๆ นี่ตกลงจะโชว์การทำลายข้าวของประชาชนใช่ไหม พระเอกเป็นตำรวจนะครับนั่น ไหนจะฉากเฮลิคอปเตอร์ระดมยิงปืนกลใส่ตึก ทั้งที่ฮ.สงครามครบเครื่องขนาดนั้นยิงจรวดเข้าไปตูมเดียวไม่ง่ายกว่าเรอะ?! ส่วนพระเอกนี่กระแทกหรือหล่นจากที่สูงที่ครั้งก็ยังไม่เจ็บหนัก โอเคครับว่านี่คือหนังคนอึดตายยาก แต่ในภาคก่อนๆมันไม่สาหัสขนาดนี้นะ นี่ขับรถกลิ้งพลิกตีลังกาเป็นสิบๆรอบกระแทก ออกมาแค่วูบไป 5 วินาทีไม่มีบาดเจ็บอันใด ตกจากที่สูงหลายชั้นทะลุกระจก ก็ยังมีแค่เลือดออกพอสวยงามถลอกนิดนึง นึกว่ากำลังดูคัทซีนในเกม Resident Evil 6


ส่วนเนื้อเรื่องก็...แบนแต๊ดแต๋ ไม่มีอะไรให้ลุ้นหรือติดตามเท่าไร ผู้ร้ายบทจะตายก็ตายง่ายเกิน ไม่มีเสน่ห์ของวายร้ายแบบในหนังภาคก่อนๆ  ฉากหักมุมตอนท้ายเรื่องก็ธรรมดา ส่วนนักแสดงนอกจากป้าบรู๊ซกับลูกสาวที่โผล่มานิดเดียวก็มีแต่ดาราไม่ดัง ตัวลูกชายที่เคยเล่นเรื่อง Jack Reacher ก็เล่นได้เท่าที่บทอำนวย เพราะบทของเขามันไม่มีอะไรให้แสดงไปมากกว่ายิงปืนและทะเลาะกับพ่อ ตัวเองเป็นถึง CIA แต่ดันโกรธเคืองพ่อซะยังกับเด็ก 15 ขวบที่ขาดความอบอุ่น


ผมเองชอบหนังซีรีส์นี้มาก แต่พอดูภาคนี้จบแล้วก็ต้องปลงว่า คิดซะว่ามันไม่ใช่ Die hard และกัน มันคือหนังแอ็คชั่นเรื่องใหม่ที่มีบรู๊ซ วิลลิสแสดง อารมณ์เหมือนเรื่อง The Last Stand ของลุงอาร์โนลด์ที่ดูเพื่อให้หายคิดถึงดาราตัวเก๋าก็พอ บ่นจบแล้วครับ