ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณแอร์โฮสเตสสองสาวจากสองสาย คุณดาว จากสิงคโปร์แอร์ไลน์ และน้องไอติม จากSilk airที่พาเที่ยวนะคะ ลงรูปน้องไอติมเป็นน้ำจิ้มให้ดูก่อนละกันเนอะ ^^
โอเค
กระทู้นี้ เราจะมารีวิวเรื่องสถานที่เที่ยวในสิงคโปร์พร้อมรูป รวมทั้งบทสัมภาษณ์แห้ง(ไม่สด)จากสองสาวแอร์โฮสเตส เผื่อจะเป็นประโยชน์ต่อคนที่สนใจอยากเปลี่ยนอาชีพ หรืออยากรู้ความเป็นอยู่ของแอร์ไทยในต่างแดนกันนะคะ ถ้าพร้อมแล้วเรามาเริ่มกันเลย...
พอดีเราต้องไปสัมมนาเรื่องการสอนภาษาอังกฤษด้านIntercultural Communication and Applied Linguisticที่มหาวิทยาลัยNUS(ฟังดูวิชาการเนอะ) ก็เลยได้มีโอกาสเที่ยวสิงคโปร์ เมืองเล็กๆ แสนสะอาด ที่ผู้คนน่ารักและมีระเบียบวินัย จนเพื่อนฝรั่งเราที่ไปด้วยถึงกับเอ่ยปากชมว่าเป็นยูโรปแห่งเอเชีย แถมชีเริ่มคิดอยากย้ายจากเมืองไทยมาอยู่ที่นี่แทนแล้วด้วยสิ อัยยะ
เรามาสิงคโปร์ด้วยสายการบินไทยค่ะ การบริการเป็นไปตามปกติ แต่Turbulenceหนักนิดหน่อย เล่นเอาชาเกือบหกเท่านั้นเอง แต่สำหรับคนเป็นแอร์มาก่อนอย่างเรา เท่านี้ยังถือว่าจิ๊บๆ เคยเจอผู้โดยสารอ้วกต่อหน้า ส่วนเราเองลุกไม่ได้ เพราะตอนนั้นเครื่องบินโยกเอาการ กลายเป็นว่าผู้โดยสารที่นั่งข้างๆก็ช่วยกันปฐมพยาบาลไปก่อน เอาหละ กลับมาเรื่องของเราดีกว่า TGรอบนี้ทุกอย่างเป็นไปได้สวยค่ะ เสียดายแค่ Inflight Entertainmentในโซนที่นั่งเราบางseatดูไม่ได้ ของเราเองก็เช่นกัน ก็เลยได้แต่ถ่ายรูปเล่นกันไป เลยเอารูปวิวท้องฟ้ามาฝากค่ะ
ส่วนรูปนี้ เป็นรูปหลังฝ่าTurbulenceมาได้ค่ะ ดูขลังพอควร 55
ส่วนรูปนี้ ถ่ายตอนtop of descentใกล้แลนด์
เมื่อถึงสนามบินSingapore Changi Airport สิ่งแรกที่เราทำคือ "ฉี่" 555 ไม่ใช่หมานะฮ้าาา ไม่ได้แสดงความเป็นเจ้าของถิ่น แต่เราเป็นคนชอบสำรวจห้องน้ำหนะ ส่วนตัวนะ เราจัดลำดับความสะอาดของแต่ละสนามบินจากความสะอาดของห้องน้ำ ซึ่งที่นี่ผ่าน! แหม ก็ติดอันดับ1ของโลกจากการโหวตของผู้โดยสารที่ใช้บริการนิหน่า ว่าเป็นThe World's Best Airport แต่จะว่าไป ตอนนี้สุวรรณภูมิเราก็มีการปรับปรุงห้องน้ำแล้วบางโซนนะ อันนี้เราแอบไปถ่ายรูปมาตอนขากลับ แต่ขอเอามาลงอวดก่อนละกัน สวยเอาการทีเดียว มีเครื่องเป่ามือคล้ายกับที่ชางฮีเช่นกัน
สิ่งนึงที่ประทับใจกับที่นี่ก็คือ ความสะอาด หลายคนคงพอรู้มาบ้างว่าที่นี่ห้ามเคี้ยงหมากฝรั่ง ไม่มีแม้กระทั่งขายในร้าน เพราะเขาห่วงเรื่องความสะอาดของประเทศ เลิศได้อีก!
#DAY1#
ข้าวเที่ยงหลังเครื่องลงจอด พวกเราเบิ่งรถไปร้านข้าวมันไก่สุดดังของเมืองสิง "Boon Tong Kee" ไม่มีรูปนะคะ เพราะดิฉันไม่เคยถ่ายรูปก่อนกินเสียเท่าไร ประเด็นคือ เพิ่งนึกได้ว่าต้องถ่ายรูปก็เมื่อเหลือแต่ข้าวเสียแล้ว 555 แต่หากจะพูดถึงความนุ่มของไก่แล้ว ไก่ที่นี่ชนะขาด แต่ไม่รู้สิ ยังไงก็รู้สึกว่า ชอบข้าวมันไก่เมืองไทยมากกว่านะ ส่วนไก่เนี่ย เขาจะimportมาจากมาเลย์บ้าง อินโดบ้าง ออสบ้าง เพราะที่สิงคโปร์ไม่เน้นเรื่องการทำปศุสัตว์ ส่วนนึงคงเพราะเนื้อที่ที่จำกัดด้วย
พอถึงโรงแรมปุ๊บ พวกเราดีดตัวไปเดินเล่นกันที่ย่านArab StreetและLittle Indian วันนี้สาวแอร์เธอติดบินนะคะ เราก็เลยเดินเล่นกับเพื่อนๆที่ไปสัมมนาด้วยกัน เดินไปหลงไป ถ่ายรูปไป แต่ก็แอบรู้สึกนะว่า คิดถึงตอนเราอยู่ดูไบ(เราเคยทำงานอยู่ที่ดูไบค่ะ) คนอินเดียก็เยอะแบบนี้เหมือนกัน แต่เราแอบชอบความเป็นอยู่ที่สิงคโปร์มากกว่า มันดูเป็นวัฒนธรรม เป็นอะไรที่ดูติสๆไปอีกแบบ ไม่เชื่อลองดูรูปเอาละกัน
ต่อจากนั้นก็เดินไปที่MRT Little Indian เพื่อมุ่งสู่Singapore Flyer ชิงช้าสวรรค์ที่สูงที่สุดในโลกตอนนี้ สูงกว่าLondon Eyeเสียอีก นี่ขำก็คือ เรากับเพื่อนดันหลงนั่งMRTไปมาไปมาระหว่าง Little Indianกับ Dhoby Ghoutอยู่อย่างนั้นสามรอบ จนคุณเพื่อนบอกว่า "ถ้าหลงอีกรอบชั้นจะลงหลักปักฐานมีผัวอินเดียอยู่ที่นี่แล้วนะยะ" 555
สุดท้ายเมื่อมาถึงSingapore Flyerก็มืดแล้ว(ซึ่งเป็นสิ่งที่เราต้องการ เพราะอยากได้วิวตอนกลางคืนมากกว่า) ว่ากันว่า ถ้ามองตอนกลางวัน จะมองได้ไกลถึงมาเลย์และอินโดเลยทีเดียว เปรี้ยวนะจุดนี้! อ้ะ ลองมาดูรูปข้างในระหว่างรอคิวไปขึ้นกระเช้าลอยฟ้ากันก่อน
ส่วนรูปนี้คือวิวแบบpanoramaจากจุดบนสุดของSingapore Slyerค่ะ
เดี๋ยวมาต่อวันที่สอง กับแอร์สาวสิงคโปร์แอร์ไลน์นะคะ ^^
Reviewเที่ยวสิงคโปร์ กับแอร์โฮสเตสสาวเมืองสิงค์ (Singapore Airlines and Silk Air)
โอเค กระทู้นี้ เราจะมารีวิวเรื่องสถานที่เที่ยวในสิงคโปร์พร้อมรูป รวมทั้งบทสัมภาษณ์แห้ง(ไม่สด)จากสองสาวแอร์โฮสเตส เผื่อจะเป็นประโยชน์ต่อคนที่สนใจอยากเปลี่ยนอาชีพ หรืออยากรู้ความเป็นอยู่ของแอร์ไทยในต่างแดนกันนะคะ ถ้าพร้อมแล้วเรามาเริ่มกันเลย...
พอดีเราต้องไปสัมมนาเรื่องการสอนภาษาอังกฤษด้านIntercultural Communication and Applied Linguisticที่มหาวิทยาลัยNUS(ฟังดูวิชาการเนอะ) ก็เลยได้มีโอกาสเที่ยวสิงคโปร์ เมืองเล็กๆ แสนสะอาด ที่ผู้คนน่ารักและมีระเบียบวินัย จนเพื่อนฝรั่งเราที่ไปด้วยถึงกับเอ่ยปากชมว่าเป็นยูโรปแห่งเอเชีย แถมชีเริ่มคิดอยากย้ายจากเมืองไทยมาอยู่ที่นี่แทนแล้วด้วยสิ อัยยะ
เรามาสิงคโปร์ด้วยสายการบินไทยค่ะ การบริการเป็นไปตามปกติ แต่Turbulenceหนักนิดหน่อย เล่นเอาชาเกือบหกเท่านั้นเอง แต่สำหรับคนเป็นแอร์มาก่อนอย่างเรา เท่านี้ยังถือว่าจิ๊บๆ เคยเจอผู้โดยสารอ้วกต่อหน้า ส่วนเราเองลุกไม่ได้ เพราะตอนนั้นเครื่องบินโยกเอาการ กลายเป็นว่าผู้โดยสารที่นั่งข้างๆก็ช่วยกันปฐมพยาบาลไปก่อน เอาหละ กลับมาเรื่องของเราดีกว่า TGรอบนี้ทุกอย่างเป็นไปได้สวยค่ะ เสียดายแค่ Inflight Entertainmentในโซนที่นั่งเราบางseatดูไม่ได้ ของเราเองก็เช่นกัน ก็เลยได้แต่ถ่ายรูปเล่นกันไป เลยเอารูปวิวท้องฟ้ามาฝากค่ะ
ส่วนรูปนี้ เป็นรูปหลังฝ่าTurbulenceมาได้ค่ะ ดูขลังพอควร 55
ส่วนรูปนี้ ถ่ายตอนtop of descentใกล้แลนด์
เมื่อถึงสนามบินSingapore Changi Airport สิ่งแรกที่เราทำคือ "ฉี่" 555 ไม่ใช่หมานะฮ้าาา ไม่ได้แสดงความเป็นเจ้าของถิ่น แต่เราเป็นคนชอบสำรวจห้องน้ำหนะ ส่วนตัวนะ เราจัดลำดับความสะอาดของแต่ละสนามบินจากความสะอาดของห้องน้ำ ซึ่งที่นี่ผ่าน! แหม ก็ติดอันดับ1ของโลกจากการโหวตของผู้โดยสารที่ใช้บริการนิหน่า ว่าเป็นThe World's Best Airport แต่จะว่าไป ตอนนี้สุวรรณภูมิเราก็มีการปรับปรุงห้องน้ำแล้วบางโซนนะ อันนี้เราแอบไปถ่ายรูปมาตอนขากลับ แต่ขอเอามาลงอวดก่อนละกัน สวยเอาการทีเดียว มีเครื่องเป่ามือคล้ายกับที่ชางฮีเช่นกัน
สิ่งนึงที่ประทับใจกับที่นี่ก็คือ ความสะอาด หลายคนคงพอรู้มาบ้างว่าที่นี่ห้ามเคี้ยงหมากฝรั่ง ไม่มีแม้กระทั่งขายในร้าน เพราะเขาห่วงเรื่องความสะอาดของประเทศ เลิศได้อีก!
#DAY1#
ข้าวเที่ยงหลังเครื่องลงจอด พวกเราเบิ่งรถไปร้านข้าวมันไก่สุดดังของเมืองสิง "Boon Tong Kee" ไม่มีรูปนะคะ เพราะดิฉันไม่เคยถ่ายรูปก่อนกินเสียเท่าไร ประเด็นคือ เพิ่งนึกได้ว่าต้องถ่ายรูปก็เมื่อเหลือแต่ข้าวเสียแล้ว 555 แต่หากจะพูดถึงความนุ่มของไก่แล้ว ไก่ที่นี่ชนะขาด แต่ไม่รู้สิ ยังไงก็รู้สึกว่า ชอบข้าวมันไก่เมืองไทยมากกว่านะ ส่วนไก่เนี่ย เขาจะimportมาจากมาเลย์บ้าง อินโดบ้าง ออสบ้าง เพราะที่สิงคโปร์ไม่เน้นเรื่องการทำปศุสัตว์ ส่วนนึงคงเพราะเนื้อที่ที่จำกัดด้วย
พอถึงโรงแรมปุ๊บ พวกเราดีดตัวไปเดินเล่นกันที่ย่านArab StreetและLittle Indian วันนี้สาวแอร์เธอติดบินนะคะ เราก็เลยเดินเล่นกับเพื่อนๆที่ไปสัมมนาด้วยกัน เดินไปหลงไป ถ่ายรูปไป แต่ก็แอบรู้สึกนะว่า คิดถึงตอนเราอยู่ดูไบ(เราเคยทำงานอยู่ที่ดูไบค่ะ) คนอินเดียก็เยอะแบบนี้เหมือนกัน แต่เราแอบชอบความเป็นอยู่ที่สิงคโปร์มากกว่า มันดูเป็นวัฒนธรรม เป็นอะไรที่ดูติสๆไปอีกแบบ ไม่เชื่อลองดูรูปเอาละกัน
ต่อจากนั้นก็เดินไปที่MRT Little Indian เพื่อมุ่งสู่Singapore Flyer ชิงช้าสวรรค์ที่สูงที่สุดในโลกตอนนี้ สูงกว่าLondon Eyeเสียอีก นี่ขำก็คือ เรากับเพื่อนดันหลงนั่งMRTไปมาไปมาระหว่าง Little Indianกับ Dhoby Ghoutอยู่อย่างนั้นสามรอบ จนคุณเพื่อนบอกว่า "ถ้าหลงอีกรอบชั้นจะลงหลักปักฐานมีผัวอินเดียอยู่ที่นี่แล้วนะยะ" 555
สุดท้ายเมื่อมาถึงSingapore Flyerก็มืดแล้ว(ซึ่งเป็นสิ่งที่เราต้องการ เพราะอยากได้วิวตอนกลางคืนมากกว่า) ว่ากันว่า ถ้ามองตอนกลางวัน จะมองได้ไกลถึงมาเลย์และอินโดเลยทีเดียว เปรี้ยวนะจุดนี้! อ้ะ ลองมาดูรูปข้างในระหว่างรอคิวไปขึ้นกระเช้าลอยฟ้ากันก่อน
ส่วนรูปนี้คือวิวแบบpanoramaจากจุดบนสุดของSingapore Slyerค่ะ
เดี๋ยวมาต่อวันที่สอง กับแอร์สาวสิงคโปร์แอร์ไลน์นะคะ ^^