โจรเข้ามาขโมยของถึงในห้องพัก The Chase & Foxlea Executive Villas ใกล้ๆพัทยา ที่ขาดการดูแลความปลอดภัยอย่างมาก

ลงให้เพื่อนนะครับ เครดิตเรื่องให้คุณ ต.

เพื่อนผมโพสท์ลงครั้งแรกเป็น Note ใน Facebook นะครับ ตามนี้ http://goo.gl/zY4MV แต่อยากมาบอกต่อใน Pantip เพื่อเตือนภัย และเป็นอุทาหรณ์ให้เพื่อนๆทุกคนได้ระวังเอาไว้ก่อนคิดจะมาพักที่นี่ครับ

ปล. ข้อความทั้งหมดนี้เป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น มีจุดประสงค์เพื่อเตือนภัย และ complain บริการที่ได้รับจากทางรีสอร์ทโดยมีหลักฐานคลิปเสียงอ้างอิง มิใช่การ Discredit ทางรีสอร์ทลอยๆแต่อย่างใดครับ ที่โพสท์เพราะหวังว่าคนที่กำลังจะไปพักที่นี่จะได้เข้าใจกฎระเบียบ และสภาพความเป็นจริงของโรงแรมก่อนว่ารับได้ไหม และหวังลึกๆว่าเผื่อเจ้าของโรงแรมจะเห็นข้อความนี้และนำมาปรับปรุงอย่างจริงจัง และจริงใจ รวมถึงห่วงใยต่อแขกที่มาพักกันบ้างครับ
_______________________________________________________________________________________________

อยากจะเขียนเล่าประสบการณ์แย่ๆ จากท่าทีของผู้จัดการรีสอร์ท The Chase & Foxlea Executive Villas ที่มีต่อกรณีของขโมยเข้ามาในบ้านพัก ทั้งๆที่มีการล็อคประตูหน้าต่างไว้เรียบร้อยแล้วตามที่โรงแรมแจ้ง เพื่อเอาไว้เป็นอุทาหรณ์เตือนใจก่อนคิดจะใช้บริการเขา และไม่ว่าจะโรงแรมไหนๆที่ระดับความปลอดภัยต่ำแบบนี้ครับ

ขอเท้าความนิดนึงก่อน ผมกับกลุ่มเพื่อนประมาณ 20 คนได้ตกลงเลือกใช้บริการรีสอร์ทที่เป็นบ้านพัก Pool Villa สองหลัง กับทาง The Chase and Foxlea ตั้งอยู่บริเวณหนองปลาไหล อ.บางละมุง ชลบุรี ไม่ห่างจากพัทยามาก แต่ทางเข้าหายากและซับซ้อนมาก รายล้อมไปด้วยพื้นที่สวนสลับบ้านคนเป็นแห่งๆ โดยเข้าพักเป็นเวลาสองคืน ตั้งแต่วันที่ 14 มิถุนายน 2556 (เช็คอินเกือบ 5ทุ่ม) จนกระทั่ง 16 มิถุนายน 2556 (เลทเช็คเอ้าท์บ่ายโมงตรงเนื่องจากเกิดเรื่องนี้ขึ้น) ค่าใช้จ่ายสองหลังสองคืนก็เกือบๆ 3 หมื่นบาท (จำไม่ได้เพราะไม่ได้เป็นคนติดต่อเรื่องจองห้องและจ่ายเงิน เป็นเพื่อนผมอีกคนที่ทำหน้าที่นี้)

ในคืนแรกที่เข้าที่พัก หลังจากเช็คอินแล้วผมกับเพื่อนๆก็ได้มุ่งหน้าไปผับในเมืองพัทยากัน แต่มีเพื่อนผู้หญิง 1 คนขออยู่ทำงานคนเดียวที่บ้านพัก ซึ่งก็โชคดีมากที่วันที่เกิดเรื่องไม่ใช่วันที่เพื่อนผมคนนี้อยู่คนเดียวที่บ้าน

ในคืนที่สองเราออกไปทานอาหารข้างนอกกันและกลับเข้ามาประมาณเกือบสามทุ่ม ในช่วงที่ออกไปทานอาหาร ทรัพย์สินของมีค่าเสื้อผ้าต่างๆ มีการนำเข้ามาเก็บไว้ในห้องพักและรูดม่าน ปิดล็อกบานประตูหน้าต่างตามปกติ แต่ไม่ได้กดให้สัญญาณกันขโมยทำงาน เนื่องจากมีป้ายแบบนี้ปิดเอาไว้ที่เครื่องสัญญาณกันขโมยเลยซึ่งขัดกับกฎระเบียบของการเข้าพักที่เขียนไว้แบบนี้ ว่า "กรุณาล็อคบ้าน หรือกดสัญญาณกันขโมยทุกครั้งที่ออกจากบ้าน"



ซึ่งขัดกับกฎระเบียบของการเข้าพักที่เขียนไว้แบบนี้ ว่า "กรุณาล็อคบ้าน หรือกดสัญญาณกันขโมยทุกครั้งที่ออกจากบ้าน"



เมื่อกลับมาถึงบ้านพักหลังจากทานอาหารช่วงเวลาเกือบสามทุ่ม ก็ยังไม่พบความผิดปกติใดๆ ทรัพย์สินยังคงอยู่ และมีเพื่อนคนหนึ่งรู้สึกไม่ค่อยสบายเลยขอนอนพักก่อนอยู่ในบ้านหลังที่เกิดเหตุคนเดียว ส่วนที่เหลือไปรวมกันที่บ้านอีกหลังและเล่นเกม+สังสรรค์ดื่มเหล้ากัน โดยไม่ลืมล็อกบ้านหลังที่เกิดเรื่องไว้ตามปกติ



จนเวลาประมาณ 3.30น. เพื่อนผู้เสียหายคนแรกได้เดินกลับไปยังบ้านหลังที่เกิดเรื่องและพบว่า กระเป๋าสะพายหลุยส์วิตตองและทรัพย์สินภายใน (มีแว่นตาเรย์แบนด์แท้อีกอัน) ได้สูญหายไปจากห้องพัก โดยไม่มีร่องรอยงัดแงะ แต่บานหน้าต่างที่ปิดล็อกไว้ตอนแรกแล้วพบว่าไม่ได้ถูกล็อกเอาไว้ เหมือนมีคนเปิดเข้ามาแล้วหยิบของ ก่อนจะปิดเดินออกไป



เมื่อทราบว่าของหายจึงแจ้งยามซึงหลับอยู่ ให้ทราบเรื่องและประสานงานกับ 191 ส่งสายตรวจเข้ามาตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุและบันทึกหลักฐานก่อนเดินทางไปแจ้งความโรงพักบางละมุง และระหว่างเดียวกันก็ได้ประสานงานผู้จัดการรีสอร์ทให้มาดูที่เกิดเหตุและรับทราบเรื่องเอาไว้ด้วยเช่นกัน


ในตอนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจเข้ามานั้น ได้เดินไปสอบถามยามก่อนเลยว่า เรารู้ไหมว่าเกิดเรื่องขึ้น เขาบอกสายตรวจว่า ผมหลับอยู่ครับ เจ้าหน้าที่สายตรวจก็ส่ายหัวและเรียกผมมาคุยสองคน และได้บอกกับผมว่า ที่นี่เกิดแบบนี้ขึ้นมาหลายครั้งแล้ว แจ้งให้เค้าติดตั้งกล้องวงจรปิดเขาก็ไม่ติด จ้างยามเอาไว้ก็ไม่ค่อยได้ผล เวลานักท่องเที่ยวโดนขึ้นมาเป็นคดีความก็ไม่รู้จะตามจับโจรยังไง



แต่พอสอบถามจากผู้จัดการในตอน 6 โมงเช้าที่เขามาถึง ก็ได้รับคำตอบว่าเคยมีแค่ครั้งเดียวก่อนหน้านี้ แต่มูลค่า 2 ล้านบาท และผู้จัดการเองพูดว่า เค้าคิดว่าแขกด้วยกันเป็นคนลักขโมยกันเอง  ซึ่งก็เป็นไปตามคาดเพราะเขาก็ต้องปกป้องชื่อเสียงรีสอร์ท แต่พอผมถามซักไซร้ไล่เลียงไปมาว่าแล้วของโรงแรมเองเคยถูกขโมยไหม เพราะเห็นว่าพื้นที่ตรงนี้ใกล้เรือนจำพิเศษพัทยา ก็ได้รับคำตอบที่ขัดแย้งกับสิ่งทีผู้จัดการตอบมาตอนแรกว่า เคยมีหายอยู่บ้าง แต่เป็นพวกของไมโครเวฟ หม้อหุงข้าว ที่วางไว้ด้านนอกห้องพัก ซึ่งก็น่าจะหมายถึงมีขโมยเข้าอยู่หลายครั้งด้วยกัน



มาดูรั้วที่พักกัน รั้วนี้มีความสูงประมาณไม่เกินสองเมตร และสามารถปีนได้ไม่ยากเย็นนัก เพราะบนรั้วไม่มีเศษแก้ว เศษกระเบื้องโรยเอาไว้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เดินตรวจตรากับผมแล้วเพื่อหารอยเท้า แต่ก็ไม่พบจึงไม่แน่ใจว่าเพราะพายุฝนที่ตกกระหน่ำช่วงตีสามตีสี่ทำให้รอยเท้าหายไปหรือไม่



ตรงนี้เป็นหน้าต่างทางเข้าที่คาดว่าโจรน่าจะใช้บุกเข้ามา มีการหารอยนิ้วมือโดยเจ้าหน้าที่ดังรูป



ประตูที่คาดว่าโจรใช้เป็นช่องทางเข้ามาโจรกรรม


และนี่คือใบแจ้งความ ผมถ่ายมาแค่คนเดียวนะครับ จริงๆมีสองคนที่โดนจึงมีใบแจ้งความสองใบ



ดูกันอีกที ใบระเบียบการที่แปะไว้ และมีแต่ภาษาไทย ไม่ได้เขียนภาษาอังกฤษแปะไว้ ด้านบนไม่ใช่เอกสารชิ้นเดียวกันนะครับ



ดูกันให้ชัดๆ ถ้าคนต่างชาติมาพักยิ่งไม่รู้เรื่องกับเขาแน่นอน



และโชคดีมากที่สุดท้าย มาเจอตอนเช้าว่าโจรคงกลับมาทิ้งของไว้ และมันเลือกที่จะทิ้งสิ่งของที่แพงสุดเอาไว้ด้วย นั่นคือกระเป๋าหลุยส์! สรุปว่าของที่หายไปรวมกันของทั้งสองคนคือ แว่นเรย์แบนด์แท้มูลค่า 6000 บาท, Harddisk Drive External, เงินสด 2-3000 บาท บัตร ATM/Credit ต่างๆ สาเหตุที่คิดว่าน่าจะกลับมาทิ้งไว้ตอนเช้าเนื่องจากของเหล่านี้มันไม่ได้เปียกชุ่มไปด้วยน้ำฝนที่ตกหนักตอนกลางคืนนั่นเอง มันแค่ชื้นๆนิดหน่อยเท่านั้น และคนที่เจอก็คือเจ้าหน้าที่จากทางรีสอร์ทที่ทำทีเป็นเดินเข้าไปตรวจสอบในบริเวณริมรั้วที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจน่าจะเดินไปดูแล้วเมื่อตอนเกิดเหตุกลางดึก โดยเจ้าหน้าที่รีสอร์ทเดินเข้าไปคนเดียวแล้วก็โวยวายว่าเจอของแล้ว จึงมีความเป็นไปได้ว่า ทีม รปภ.อาจมีส่วนรู้เห็นบ้าง แต่ทั้งนี้ไม่ใช่การปรักปรำใดๆเพราะทางเราก็ไม่ได้มีหลักฐานเช่นนั้น แค่พฤติการณ์น่าสงสัย



ของที่โจรเอากลับมาทิ้งไว้ในรั้วบ้านตอนเช้า (ไม่น่าจะมีใครเข้ามาอีกได้ เพราะบ้านพักหลังเกิดเรื่องมีการเฝ้ายามกันอยู่ด้วยเพื่อนและผมเอง เดินไปมาระหว่างสองหลัง ถึงทำให้ผมสงสัยว่าโจรอาจจะรู้เห็นกับคนภายในสักคนหรือไม่?)



แต่สิ่งที่เด็ดที่สุดคือ ท่าทีของทางรีสอร์ทที่เรียก บ. รักษาความปลอดภัยเข้ามาเพื่อคุยกับพวกผม โดยมีการนำชายแต่งชุดทหารเข้ามาด้วยโดยไม่ทราบจุดประสงค์ว่าเพื่ออะไร และท่าทีของ บ.รักษาความปลอดภัยก็ดูจะปัดความรับผิดชอบและอ้างว่ายามไม่ได้หลับ (ทั้งๆที่พวกผมเป็นคนไปปลุกยาม) และบอกว่าถ้าจะเอาเรื่องเงินให้เค้ารับผิดชอบก็ฟ้องมาและไปหาใบเสร็จมาแสดงว่าไอ้ของที่ซื้อมามีราคาเท่าไหร่บ้าง แล้วมาคุยกัน สุดท้ายผมเลยตัดบทไป บอกว่าเราไม่ได้จะให้รีสอร์ทช่วยเรื่องเงิน แต่สิ่งทีเกิดขึ้นแบบนี้ ทางรีสอร์ทจะช่วยเหลืออะไรเราได้บ้าง กล้องก็ไม่มี กันขโมยก็ห้ามใช้ ผู้จัดการรีบบอกว่าไม่ได้ห้ามใช้ ที่เขียนไว้คือห้ามกดเล่นเพราะเคยมีคนเล่น ผมเลยถามไปว่าถ้าแบบนั้นทำไม่คุณไม่เขียนให้ชัดเจนว่า "ห้ามกดเล่น" ทำไมถึงเขียนว่า "กรุณาอย่าเปิด" มันคนละความหมายกัน เขาก็ตอบไม่ได้เอาแต่บ่ายเบี่ยงพูดแต่ทำนองว่า ก็มีติดไว้ให้แล้วแต่คุณไม่ใช้ และเอาแต่พูดว่าให้ทิ้งที่อยู่ไว้ แล้วจะให้ทนายติดต่อกลับไปถ้าต้องการดำเนินคดีกับทางเค้า ผมก็ย้ำว่า เราแค่ต้องการให้ทางรีสอร์ทแสดงความรับผิดชอบต่อความรู้สึก เมื่อทางรีสอร์ทบกพร่องด้านความปลอดภัยจนสุ่มเสี่ยงต่อชีวิตของลูกค้า แถมยังมาแสดงท่าทีปัดความรับผิดชอบชัดเจนแบบนี้ และไม่คิดจะช่วยเหลือมากไปกว่าการอนุญาตให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจค้น (ซึ่งต้องให้ความร่วมมืออยู่แล้ว)



ผมก็เพิ่งจะรู้นี่แหละว่าค่าที่พักสองหลังสองคืนรวมกันเฉียดสามหมื่น มันไม่ได้รวม "ความจริงใจในการให้บริการ" และ "ความสำนึกถึงความปลอดภัยของลูกค้าเป็นที่ตั้ง" เอาไว้ในราคานี้และถ้าสิ่งที่เจ้าหน้าที่ตำรวจคนที่เดินทางมายังจุดเกิดเหตุท่านแรกพูดเอาไว้จริง ว่าเกิดเรื่องหลายครั้งแล้ว แจ้งเตือนให้ติดตั้งกล้องหามาตรการรักษาความปลอดภัยเพิ่มเติมแล้วยังเพิกเฉย ถ้าหากเป็นแบบนี้จริงๆ ก็ต้องขอเตือนดังๆไปยังทุกคนที่คิดจะไปพักยังรีสอร์ทแห่งนี้ ว่ารับได้หรือเปล่า? ที่ต้องจัดเวรยามผลัดเปลี่ยนมาคอยเฝ้าห้องพักกันเอง ดูแลตัวเองกันดีๆ เพราะรีสอร์ทมีไว้นอน ไม่ได้มีไว้เก็บของมีค่า ซึ่งรวมไปถึง "ชีวิต" ของลูกค้าเช่นกัน (อ้างอิงจากใบระเบียบการที่แปะหราไว้ในบ้านพัก)

ก็เอาเป็นว่า ชั่งใจกันให้ดีๆครับ ก่อนจะตัดสินใจใช้บริการกับทางเขา ผมแค่นำเสนอข้อเท็จจริงของสิ่งที่เกิดขึ้น ที่พวกผมเจอกันมา ไม่ใช่การใส่ร้ายปรักปรำทางรีสอร์ทแต่อย่างใด ที่ต้องอัดเสียงเอาไว้ก็เพราะทางรีสอร์ทแสดงพฤติกรรมผ่านทางคำพูดให้ผมเคลือบแคลงใจสงสัยตั้งแต่ตอนโทรไปปลุกแจ้งนิดๆแล้วว่าจะจริงใจช่วยเหลือเราหรือเปล่า ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นนี่ก็ทำให้ในใจผมก็อดสงสัยไม่ได้ว่าหรือจะมีใครสักคนมีส่วนรู้เห็น? ทำไมของที่หายไปถึงกลับมาอยู่ในรั้วได้ตอนเช้าทั้งๆที่ตอนกลางคืนเจ้าหน้าที่ตำรวจน่าจะได้เดินไปดูแล้ว? แต่ผมก็ไม่ได้ปักใจเชื่ออะไร หรือไปกล่าวหาใครครับ ว่ากันแค่เรื่องความพึงพอใจจากบริการที่ได้รับของทางรีสอร์ทแล้วกัน อันเป็นประเด็นหลักของเรื่องราวที่นำมาเตือนภัยวันนี้



ยาวหน่อย แต่ขอบคุณสำหรับคนที่อ่านจนจบครับ และจะเป็นประโยชน์มากถ้าหากช่วยกันแจ้งเตือนคนที่คิดจะไปพักครับ ถ้าหากยังไม่อยากไปสุ่มเสี่ยงเอาทรัพย์สินมีค่า หรือเอาชีวิตไปเสี่ยงภัยเล่นๆ...กับที่พักแถวหนองปลาไหล ที่ๆคนท้องถิ่นพัทยาถามเพื่อนผมแค่ว่า "คิดยังไงไปพักแถวนั้น? ไม่รู้เหรอว่ามันเป็นที่ซ่องสุมสารพัด?"



แต่สำหรับพวกผมจะไม่มีอีกครั้งที่สองแล้วครับกับบริการแบบนี้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่