สุภาพบุรุษจุฑทเทพ คุณชายรณพีร์ เสืออากาศขาดรัก

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ



ฉันจะฝันถึงเธอ
อัลบั้ม เทียบเสียง พ.ศ. 2539
คำร้อง/ทำนอง/เรียบเรียง ดนู ฮันตระกูล
ขับร้อง ศรัณย่า ส่งเสริมสวัสดิ์


เมื่อตะวันลับลา ฟ้าก็หมองมืดหม่น ทนเงียบเหงาอ้างว้าง
เมื่อเธอลาลับไกล กลับอุ่นไอไม่สร่าง ใจฉันค้างเคียงเธอ
รู้หรือไม่ว่าภายในดวงตาสองนั่น
ฉันได้พบความอบอุ่นใจ
รู้หรือเปล่าว่าข้างในรอยยิ้มของเธอ
ฉันแอบเพ้อละเมอคร่ำครวญ
อิ่มอกอ่วนอาย
อยากจะบอกสักคำ ฉันได้ถลำหัวใจ ตกอยู่ในความรัก
เมื่อตะวันนิทรา ฟ้าจะรอพบจันทร์ ฉันจะฝันถึงเธอ


ชายสี่กว่าจะได้ลงเลยกับเจ้านางสร้อยฟ้าได้ เล่นเอาลุ้นจนนาทีสุดท้าย สิ้นลายฟูมฟายหาแม่เสือแทน
ช่วงท้ายเรื่อง เดินเรื่องปุบปับเหตุการณ์เปลี่ยนไว แต่ฉากสนทนายาว ตามงบประมาณจำกัด สื่อความได้
แต่ถ้ามีงบสูงกว่านี้คงอลังการ ผจญภัยสุดขอบภู ระเบิดภูเขาเผากระท่อม ด้วยขบวนการห้าสิงห์จุฑาเทพบุกเอง
เลยไม่ได้สำแดงเดช มีแต่บอกผลลัพท์แทน

นายพลบุญชู เอ๊ยเซกอง ช่วยให้ดูนิ่มลงเยอะ เหน่อคนละสำเนียง ดีที่ไม่มีคุณโมลีมาด้วย
ตอนแรกนึกว่าจะมีตามหาเพชร หรือสมบัติ ซึ่งผกก.ได้ทำให้แฟนเพชรพอมีความหวังบ้าง ถ้าจะสร้างเป็นละคร ดูแล้วเป็นไปได้+cgจากมณีสวาท

เจ้ารังสิมันต์ เลือกได้ดีดูแล้วไม่ธรรมดา ไม่ด้อยกว่าพระเอกเป็นตัวละครลับ มีขัตติยมานะ มีความเป็นผู้นำจนไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นแค่คนธรรมดา
จันทา ก็ดูเด่น ไร้เดียงสาแลสมหวังด้วยความดีของแม่หญิง ได้พบครอบครัวที่พลัดพราก

นางเอกเล็กพริกขี้หนู บู๊ได้ แสดงอารมณ์ดี ช่วยรับส่งเป็นพี่เลี้ยงพระเอก ถ้ามีตวัดตัวเตะก้านคอแถมด้วยจะมันกว่านี้



มาถึงชายห้า หรือชายพีร์ ที่ต้องรับภาระที่พี่ๆทิ้งไว้ งานนี้เรื่องถูกเคี้ยวจนข้น ด้วยระยะเวลาในเรื่องผ่านมาได้ 5 ปี เข้าปีพ.ศ.2505-06

พระเอก ยศเรืออากาศโท สังกัดอยู่ฝูงบิน 13 กองบินที่ 1 ดอนเมือง เพิ่งมาเข้ารับราชการ ช่วงพ.ศ.2500 โดยประมาณ


ก่อนหน้านั้นช่วงปีค.ศ.1961 กองทัพอากาศไทยมี F-84G Thunderjet เป็นกำลังหลัก


เครื่องบินขับไล่ไอพ่นรุ่นแรกที่เข้าประจำการในกองทัพอากาศไทย ก่อนหน้านี้มีแต่เครื่องบินใบพัด เข้าประจำการกับกองทัพไทยเราในปี 1956 ซึ่งเป็นช่วงที่เครื่องบินไอพ่นมีการขายให้กับกองทัพต่างชาตินอกเหนือจากประเทศมหาอำนาจที่ผลิตได้เอง อย่างพวก อเมริกา โซเวียต อังกฤษ ฝรั่งเศส


ประมาณปี พ.ศ. ๒๕๐๓ (ค.ศ. 1961-1972)เครื่องบินรุ่น F-86F Sabrejet เข้ามาประจำการในประเทศไทย และเข้าแทนที่ F-84G ทั้งหมด

ต่อเมื่อมีเครื่องบินขับไล่ไอพ่น รุ่น F-86L ที่เป็นรุ่นใหม่กว่าเข้ามา เครื่องบินรุ่น F-86F นี้จึงถูกโอนไปรว­มกับ ฝูงบิน 43 กองบิน 4 ตาคลี จนปลดประจำการไปในปีพ.ศ. ๒๕๑๕ (ค.ศ. 1972) โดยกองทัพอากาศไทยมี F-86F/L ทั้งสิ้น 74 ลำ

ถือได้ว่าเป็นเครื่องบินรบปีกลู่ไปด้านหลังแบบแรกของกองทัพอากาศไทย ก่อนจะถูกทดแทนด้วย F-5 A/B สำหรับ F-86F/L นั้นถือว่าเป็นเครื่องบินไอพ่นที่มีความทันสมัยสูงมากในยุค 1960 มีระบบเครื่องยนต์ เรดาห์ สมรรถนะทางการบินที่สูง ระบบอาวุธที่ดีกว่า F-84

F-86 นี้เป็นเครื่องบินไอพ่นสัญชาติอเมริกัน สร้างโดยบริษัท North American Aviation ขึ้นบินครั้งแรกในปี 1947 เข้าประจำการในกองทัพอากาศ และกองทัพเรือสหรัฐอเมริกาในปี 1949 เป็นที่รู้จักในฐานะเครื่องบินไอพ่นปีกลู่ไปด้านหลังแบบแรกของอเมริกา เช่นเดียวกับ Mig-15 ของโซเวียตในยุคเดียวกัน

นอกจากนี้เจ้า F-86 นี้ยังเป็นเครื่องบินที่มีบทบาทสำคัญในสงครามเกาหลี โดยได้รับการวิจารณ์ว่าเป็นเครื่องบินรบที่ดีและสำคัญที่สุดในสงครามเกาหลี จากสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมในการรบทางอากาศและโจมตีภาคพื้นดิน โดยในสงครามเกาหลี เจ้า F-86 ของอเมริกัน สามารถยิงเครื่องบินรบทุกประเภทของเกาหลีเหนือ จีน และโซเวียต ตกได้ถึง 792 ลำ และสูญเสีย F-86 ไปเพียง 78 ลำเท่านั้น

หากนับเอาจากอัตราการรบทางอากาศระหว่าง F-86 กับ เครื่องบิน Mig-15 ในสงครามเกาหลี อัตราการสูญเสียโดยประมาณคือ 1.3:1 ประมาณการณ์ว่า F-86 จำนวน 100 ลำสามารถยิง Mig-15 ตกได้ถึง 130 ลำนั่นเอง



F-86L ของไทยในปัจจุบัน ณ แยกคปอ

ประเภท : เครื่องบินขับไล่โจมตีไอพ่นเครื่องยนต์เดี่ยว
จำนวนนักบิน : 1 คน
ยาว : 11.4 เมตร
กว้าง : 11.3 เมตร
สูง : 4.5 เมตร
น้ำหนักเครื่องเปล่า : 5,046 kg.
น้ำหนักบรรทุก : 6,894 kg.
น้ำหนักบินขึ้นสูงสุด : 8,234 kg.
ความเร็วสูงสุด : 1,106 km./hr.
บินได้ไกล : 2,454 km.
เพดานบินสูงสุด : 49,600 ฟุต หรือ 15,100 เมตร
อัตราการไต่ระดับ : 9,000 ฟุต/นาที หรือ 45.72 เมตร/วินาที

อาวุธ
ปืนกลขนาด 12.7 มม. แบบ M2 Browning 6 กระบอก
จรวดหลากหลายรูปแบบ โดยปกติมักติดตั้ง จรวดหลายลำกล้องขนาด 68 มม. แบบ Matra Type SNEB 68 mm RPs
บรรทุกระเบิด ได้มากกว่า 2,400 kg หลายหลายรูปแบบทั้ง ระเบิดนาปาล์ม ระเบิดทำลายรถถัง  AIM-9B Sidewinder


ที่ดอนเมือง ก่อนปี พ.ศ.2520 จุดที่ทุกท่านไปชมงานวันเด็ก และงาน ๑๐๐ ปี ตรงนั้นคือ กองบิน 1
.....หลังปี 2520 ถึงย้ายไปอยู่ที่ รร.การบินและกองบิน 3 ที่โคราช แทนจนกระทั่งปัจจุบัน

cg ฉากพระเอกซ้อมบิน ทำได้ดีมีการถ่ายบลูสกรีนที่รอบห้องนักบินจากด้านนอกหลายมุม โดยใช้ดอลลี่ ตัดสลับไปมากับcg F-86 และมีการสื่อสารทางวิทยุกันในฝูงบิน เสียดายน่าจะมีบรรยายไทย ได้ยินแค่ Roger that แปลว่า รับทราบ  มิใช่แปลว่า นั่น โรเจอร์

Roger นิยมใช้ในการสื่อสารวิทยุการบิน คือใช้ ยืนยัน หรือ confirm ว่าเราได้ยินข้อความที่อีกฝ่ายหนึ่งแล้ว แต่โดยมากจะต้องมีการ ทวนข้อความเสมอ(read back) ไม่ใช่ roger เฉย ๆ แล้วจบ เพราะอาจจะฟังผิด เข้าใจผิดได้
ถ้านักบินไม่ read back ทางหอบังคับการก็จะเรียกซ้ำ เช่น United114, do you copy? หรือ Do you read?

ดูแล้วหวังว่าจะมีการสร้างละครที่พระเอกขับเครื่องบินขับไล่ไป Dog fight กลางอากาศบ้าง จากสมัยก่อนพระเอกได้แต่ขึ้นลงF16 และได้กดไม่กี่ปุ่ม

http://www.atriumtech.com/cgi-bin/hilightcgi?Home=/home/InterWeb2000&File=/home2/searchdata/Forums/http/www.ppantip.com/cafe/library/topic/K3195798/K3195798.html


การถ่ายทำๆได้ประณีต จัดแสงแบบภาพยนตร์ แขกรับเชิญมากมาย รวมดาว ให้ผู้ชมหายคิดถึง

คิวบู๊ดี แต่กล้องโยกตลอดและถ่ายใกล้เกินไป พระเอกบู๊ดีแต่ภาพสั่นจนดูไม่รู้เรื่อง

บันทึกเสียงที่ฉากน้ำตก เสียงน้ำตกรบกวนมาก เสียงพูดบางคนโดนกลบ

ฉากสลิง รัมภา มีใช้ควันเพิ่มองค์ประกอบ และบังสลิง รัมภาดูงามมาก
ฉากสลิงนางเอกพบพระเอก ถ่ายประณีต สมเป็นฉากสำคัญ จัดแสงดีมีไฟซอท์ฟช่วย ภาพกำลังงาม

ชายห้า ขับรถหรูจากัวร์เปิดประทุน ยิ่งกว่ายอดยศ ที่ขับmg เปิดประทุน แถมใจกว้างให้รุ่นน้องลองขับ

เสืออากาศเรา จีบสาวงามหลายต่อหลายคนแต่หาที่จิตใจงามมิพานพบ ให้ต้องเหนื่อยหน่ายใจ
ดูราแสนสบายแต่ไม่สนุก ในอุราร้อนรน พี่ๆก็เป็นฝั่งเป็นฝา หม่อมย่าก็เร่งรัด สาวที่ตามมาห้าปีก็เข้าหามาใกล้ทุกที

น่าแปลกที่พระเอกเรา ไม่รู้จักนางเอกแห่งยุค ทั้งๆที่เที่ยวบ่อย ดูหนังใช่น้อย ขนาดแม่นาคสมัยนั้นยังรู้จัก
การพานพบกันเพียงเพื่อไปพบหญิง ที่ทำให้คู่หมั้นเพื่อนต้องน้ำตาเช็ดหัวเข่า ว่าเป็นฉันใด
ต่อเมื่อได้ยลโฉมสาวเจ้า ผู้ประพิมพ์ประพายคล้ายนางกินรี ชายห้าตกอยู่ห้วงเสน่หา ต้องภวังค์รัก ด้วยฤทธิ์ศรเบจบุปผา ของพระอนงค์(กามเทพ)

แล้วจึงเริ่มเกี้ยวพาราสี ชิมลางหยั่งใจนางนั้นเป็นไฉน จะดีร้ายปานใด เป็นนางฟ้า หรือผีเสื้อ จากหนไหน ถึงได้มีคนเที่ยวติฉินนินทาให้ราคิน

แรกๆก็ทำตัวเป็นพระเอกขี่ม้าขาว หลังๆกลายเป็นอุ้งมือมาร ด้วยชายห้าหูเบา แถมวู่วาม อย่างว่าบ่างช่างยุ คนรักข้างเดียวเยอะ
ที่เคยเป็นกุนซือสื่อรักจนพี่ๆได้สมหวัง ก็กลับกลายลืมพิชัยสงครามเสียสิ้น จากมวยราชดำเนินเป็นมวยวัด
กระบวนท่าที่สุมขุมลุ่มลึก กลับแข็งกระด้างและดุดัน แต่น้ำใจยังดีเหมือนเดิม โดยพยายามลองใจนางเอก ว่าดีจริงอย่างที่ตนหลงรักหรือไม่

แถมขุดประเด็น ราวกับสัมภาษณ์ออกรายการข่าว ว่า "ไม่คิดอะไรกับยอดยศ ทำไมต้องร่ำไห้เสียใจด้วย"
แม้นางเอกก็มีมิตรจิต มิตรใจกับผู้คนบ้างสิ โดนว่าไปแย่งของคนอื่น แถมมีคนให้ร้าย ทางบ้านก็ลำบาก จะไม่ให้หลั่งชลเนตร ก็เกินไป

แต่งงๆที่ว่า ทองสมัยนั้นน่าจะประมาณ บาทละ 400 แต่ค่าผ่าเข่าขูดหินปูน 15,000 บาท แพงมาก

เรื่องนี้คงเข้มข้นแบบโอยัวะ มากกว่าโอเลี้ยง และคงไม่ละมุนแบบชาเย็น หรือชานมไข่มุก เพราะทุกอย่างจะรวบยอด คิดบัญชีทั้งหมดในครานี้
ผู้ชมก็ทานไข่ลวก กับขนมปิ้งไปพลางๆ ก่อนที่เครื่องดื่มจะยกมาที่โต๊ะ

เสืออากาศชายห้า แสวงหารักแท้ สอดคล้องกับบทเพลงนี้

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ



เพลง หาเดือน
อัลบั้ม ทีเล่นทีจริง
ขับร้อง ดนู ฮันตระกูล
คอรัส ไหมไทย

ดวงดาวพราวเวหา.. ฉันหมายตาจับจ้องเดือน..
ฉันหวังจันทร์เป็นเพื่อน.. ลอยแล่นเลื่อนโพยมเคียง
ย่ำค่ำค่อนคืนเหงา คิดถึงเราไร้คู่เคียง
เวิ้งฟ้าคราใกล้เที่ยง.. จันทร์เจ้าเลี่ยงไม่เยี่ยมกราย.­..
ลมหนาวสิพัดโลม.. ยังเคยได้ห่มทั้งใจกาย
เคยนำพามาแหนงหน่าย.. แสนเสียดายสายใจหม่น..
ดึกดื่นคืนนี้หนาว.. แสงสกาวแกมกมล
น้ำค้างกลางแก้มหล่น.. ฉันพร่ำบ่นไห้หาเดือน...


ท้ายนี้ผิดพลาดประการ ผู้เขียนต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ ขอบคุณครับ

อ้างอิง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่