ท่าทีของท่านเราะซูล ต่อพวก “นะซอรอ” (คริสเตียน)

กระทู้สนทนา
ท่านเราะซูล ได้ส่งสาส์นไปถึง “อัซก็อฟ” ผู้นำแห่งนัจญ์รอนเพื่อเรียกร้องเชิญชวนให้เข้ารับศาสนาอิสลาม ผู้ปกครองนัจญ์รอนได้ปรึกษาหารือกับคณะที่ปรึกษา โดยให้ส่งคณะผู้แทนไปเจรจากับท่านนะบีมุฮัมมัด และไปสืบเรื่องราวทั้งหมด เมื่อคณะผู้แทนได้เข้าไปพบท่านเราะซูล และได้เจรจาถึงปัญหาในประเด็นต่างๆ ท่านเราะซูล  ได้ตอบข้อซักถามในประเด็นปัญหาเหล่านั้น จนกระทั่งพวกเขาได้ถามถึงท่านนะบีอีซา อะลัยฮิสสลาม  ท่านนะบี กล่าวว่า ............................:

                                                        
          แต่พวกคริสต์ไม่ยอมรับข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับท่านนะบีอีซา อะลัยฮิสสลาม ท่านเราะซูล จึงให้พวกเขาทำการขอดุอาอ์สาปแช่งกัน(มุบาฮะละฮ์) ตามความเป็นจริงที่มีอยู่ในอายะฮ์ที่ 2  แต่คณะผู้แทนของ“นัจญ์รอน” กลัวการลงโทษจากการสาปแช่ง (มุบาฮะละฮ์) จะเกิดขึ้น จึงไม่ตอบรับคำขอของท่านเราะซูล และยอมจ่ายภาษีคุ้มครอง(ญิซยะฮ์)ให้ และให้กำหนดจำนวน“ญิซยะฮ์” ที่จะต้องจ่ายให้ด้วย ท่านเราะซูล จึงส่งสาส์นไปพร้อมกับคณะผู้แทนเพื่อส่งมอบให้กับผู้ครองเมือง “นัจญ์รอน” โดยกำหนดจำนวน “ญิซยะฮ์” ที่จะต้องจ่ายเป็น  “ฮุลละฮ์” (เสื้อคลุมยาว) 2,000 ชุดต่อปี ............จาก http://www.islammore.com/main/content.php?page=sub&category=10&id=1801

        สังเกตุภาษีคนต่างศาสนา(ส่วย)  จะมีค่าไม่แน่นอน เก็บตามสถาณการณ์ขณะนั้น
        สังเกตุ การเมืองศาสนาเป็นเรื่องเดียวกัน ถ้ายอมรับอิสลามก็คือยอมอยู่ในการปกครองโดยตรง จะมีเจ้าหน้าที่มาเก็บซะกาตและภาษีอื่นอื่น
        สังเกตุ จะไม่มีการเก็บภาษีส่วยจากผู้บูชาเทวรูป แต่ผู้บูชาเทวรุปจะต้องถุกบังคับให้นับถืออิสลามเท่านั้น

       ตามความเข้าใจเดิม ของคนไทย เข้าใจว่าอิสลาม มาเปลี่ยนการนับถือของพวกบูชาเทวรูป  แต่ที่จริงไม่ใช่  ตะวันออกกลางคือแหล่งของคริตส์และยิว เพียงแต่ระยะแรก นิยมเก้บภาษีต่างศาสนาจากคริตส์และยิวเท่านั้น  แต่บังคับให้คนบูชาเทวรูปเปลี่ยนศาสนา
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่