คอนเฟดเดเรชั่นส์ : ถ้วยอาถรรพ์หายนะสู่เวิลด์ คัพ
คอนเฟดเดเรชันส์ คัพ ถือเป็นทัวร์นาเมนต์เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายจะเริ่มขึ้น เป็นรายการที่เต็มไปด้วยมนต์ขลังที่ดึงดูดใจแฟนบอลทั่วโลก แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าตลอด 8 ครั้งที่ผ่านมา ยังไม่มีแชมป์ทีมใดสามารถครองถ้วยเวิลด์ คัพในสมัยต่อไปได้เลย ดังนั้นเพื่อเป็นการต้อนรับศึกคอนเฟดเดเรชันส์ คัพ 2013 ที่จะเปิดฉากมีขึ้นในคืนนี้ โกลไทยแลนด์จึงอาสารวบรวมทีมที่ต้องประสบอาถรรพ์ของรายการนี้ให้ทุกท่านได้รับชมกัน
1. อาร์เจนตินา (แชมป์ปี 1992)
นี่คือจุดกำเนิดของศึกคอนเฟดเดเรชัน คัพ ซึ่งตอนนั้นยังใช้ชื่อว่า "คิงส์ ฟาฮัด คัพ" โดยซาอุดิอาระเบียรับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพ 3 สมัยซ้อน ในครั้งแรกนี้มีทีมเข้าแข่งขันเพียง 4 ชาติเท่านั้น ปราศจากแชมป์จากทวีปยุโรปและโอเชียเนีย ผลปรากฎว่า อาร์เจนตินาโชว์ฟอร์มสมราคาทีมเต็ง ประเดิมซิวแชมป์รายการนี้ไปครอง หลังถลุงไอวอรี โคสต์ ในรอบตัดเชือก ขาดลอย 4-0 ก่อนจะเข้าไปอัดเจ้าภาพในรอบชิงฯอีก 3-1
อย่างไรก็ตาม ทีมฟ้าขาวก็ต้องเจออาถรรพ์ของทัวร์นาเมนต์นี้เล่นงานเป็นทีมแรก เมื่อต้องจอดป้ายแค่รอบ 16 ทีมสุดท้ายในศึกฟุตบอลโลก 1994 ที่สหรัฐฯ หลังพ่ายให้กับโรมาเนีย ที่มีจอร์จี้ ฮาจี้ นำทัพ ด้วยสกอร์ 2-3
2. เดนมาร์ก (แชมป์ปี 1995)
นี่เป็นครั้งแรกที่แชมป์จาก 6 ทวีปทั่วโลกร่วมฟาดแข้งกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา ผลปรากฎว่า เดนมาร์กที่เพิ่งสร้างตำนาน "เทพนิยายเดนส์" คว้าแชมป์ยูโร 1992 ชนิดหักปากกาเซียนทุกสำนัก ยังคงโชว์ฟอร์มแรงต่อเนื่อง กระชากแชมป์รายการนี้ไปครองเป็นครั้งแรก หลังพิชิตอาร์เจนตินา แชมป์เก่า 2-0 ซึ่งหนึ่งในผู้ทำประตูเกมนี้ก็คือ ไมเคิล เลาดรู๊ป นั่นเอง
แต่ทีมโคนมก็ต้องหยุดความเกรียงไกรไว้แค่นั้น เพราะพวกเขาไม่สามารถต่อยอดความสำเร็จในศึกฟรองซ์ 98 ได้ หลังพ่ายให้กับบราซิล แชมป์โลก ปี 94 ไปแบบหวุดหวิด 2-3 ตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายไปแบบน่าเสียดาย และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาพวกเขาก็ไม่เคยประสบความสำเร็จในเวทีระดับนานาชาติอีกเลย
3. บราซิล (แชมป์ปี 1997)
นี่เป็นครั้งแรกที่ฟีฟ่าเข้ามารับหน้าที่จัดการแข่งขัน พร้อมเปลี่ยนชื่อทัวร์นาเมนต์เป็น "คอนเฟดเดเรชันส์ คัพ" และมีการเพิ่มจำนวนทีมแข่งขันเป็น 8 ชาติ ผลปรากฎว่า บราซิล แชมป์โลก ปี 94 คว้าแชมป์ไปครองตามคาด หลังไล่ถลุงออสเตรเลีย ชนิดหาทางกลับบ้านไม่เจอ 6-0 ในรอบชิงชนะเลิศ โดย "เจ้าโล้นทองคำ" โรนัลโด้และโรมาริโอ ช่วยกันทำคนละแฮตทริกในเกมนี้
จากนั้นพลพรรคเซเลเซาก็เข้าร่วมศึกฟุตบอลโลก ปี 1998 ที่ฝรั่งเศส ในฐานะทีมเต็งหนึ่งของรายการ โดยพวกเขาเกือบทำลายอาถรรพ์ได้สำเร็จ หลังสามารถทะลุเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ แต่สุดท้ายก็มาพ่ายให้กับทีมตราไก่ แบบขาดลอย 0-3 จากลูกโหม่งทีเด็ดของซีเนดีน ซีดาน 2 ประตู
4. เม็กซิโก (แชมป์ปี 1999)
นี่คือครั้งแรกที่ศึกคอนเฟดเดเรชันส์ คัพ ถูกโยกมาจัดยังทวีปอเมริกาเหนือ โดยมีเม็กซิโกรับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพ และถือเป็นครั้งที่เซอร์ไพร์สที่สุดของทัวร์นาเมนต์นี้ เมื่อเจ้าภาพเกิดผีเข้าทำผลงานได้ดีเกินคาดขึ้นเถลิงบัลลังก์แชมป์ได้สำเร็จ หลังพลิกล็อกเฉือนบราซิล ที่มีโรนัลดินโญนำทัพ 3-2 ในรอบชิงชนะเลิศ โดยเคลาเตม็อค บลังโก้ เจ้าของท่าคีบบอลอันลือลั่นเป็นคนยิงประตูที่สามให้ทีมด้วย
พอถึงศึกฟุตบอลโลก 2002 เวอร์ชั่นเอเชียที่ญี่ปุ่น-เกาหลีใต้ เป็นเจ้าภาพร่วมกัน ทีมจังโก้ยังคงโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมผ่านเข้าสู่รอบสองด้วยการเป็นแชมป์กลุ่มเหนือทีมแกร่งอย่างอิตาลีด้วยซ้ำ แต่พวกเขาก็ต้องเก็บของกลับบ้านในรอบนี้ หลังปราชัยให้กับคู่ปรับร่วมทวีปอย่างสหรัฐฯ ด้วยสกอร์ 0-2
5. ฝรั่งเศส (แชมป์ปี 2001)
พลพรรคเลส์ เบลอส์ ถือเป็นทีมอันดับหนึ่งของโลกในขณะนั้น หลังประสบความสำเร็จในรายการเมเจอร์สองรายการซ้อนๆ เริ่มจากแชมป์ฟุตบอลโลก 1998 ต่อด้วยแชมป์ศึกยูโร ปี 2000 ทำให้พวกเขาถูกยกให้เป็นเต็งหนึ่งทันที และฝรั่งเศสก็ไม่ทำให้ทุกคนผิดหวังเมื่อสามารถซิวโทรฟี่นี้มาครองตามคาด หลังจัดการเชือดญี่ปุ่น ในรอบชิงชนะเลิศ แบบฉิวเฉียด 1-0 จากประตูชัยของปาทริค วิเอรา
ด้วยฟอร์มอันไร้เทียมทานเช่นนี้ จึงไม่แปลกใจที่ผู้สันทัดกรณีต่างยกให้ทีมตราไก่มีโอกาสชูถ้วยเวิลด์ คัพ ปี 2002 มากที่สุด แต่แฟนบอลทั่วโลกก็ต้องช็อกไปตามๆกัน เมื่อฝรั่งเศสทำผลงานสุดห่วยแตกตกรอบแรกไปแบบไม่น่าเชื่อ ด้วยสถิติแพ้รวดสามนัด ยิ่งกว่านั้นยังยิงประตูไม่ได้แม้แต่ลูกเดียวด้วย
6. ฝรั่งเศส (แชมป์ปี 2003)
แม้จะต้องผิดหวังในศึกฟุตบอลโลก ปี 2002 แต่ฝรั่งเศสก็สามารถเรียกความมั่นใจของตัวเองกลับมาได้อีกครั้ง ด้วยการสร้างประวัติศาสตร์เป็นชาติแรกที่ป้องกันแชมป์รายการนี้ได้สำเร็จ หลังเถือทีมชาติแคเมอรูน ในช่วงต่อเวลาพิเศษของรอบชิงชนะเลิศ 1-0 จากประตูชัยของเธียร์รี อองรี พกความมุ่งมั่นเต็มเปี่ยมก่อนลุยศึกเวิล คัพ 2006 ที่เยอรมนี
ทีมตราไก่ไม่ได้ถูกยกให้เป็นทีมเต็งเหมือนครั้งที่ผ่านๆมา แต่มันกลับกลายเป็นผลดีเนื่องจากทำให้พวกเขาเล่นอย่างไร้ความกดดัน จนทำผลงานได้เหนือความคาดหมาย หลังทะลุเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ต้องชอกช้ำแบบสุดๆ เมื่อต้องพ่ายจุดโทษอิตาลีไปแบบน่าเจ็บใจ โดยซีเนดีน ซีดาน พระเอกของทัวร์นาเมนต์นี้ถูกใบแดงไล่ออกจากสนามด้วย หลังเอาหัวไปโขกใส่มาร์โก มาร์เตรัซซี
7. บราซิล (แชมป์ปี 2005)
นี่เป็นครั้งแรกที่ฟีฟ่าได้ปรับเปลี่ยนวาระในการแข่งขันเป็น 4 ปีครั้ง เหมือนกับฟุตบอลโลก ปรากฎว่า ทีมชาติบราซิลก็ซิวแชมป์สมัยที่สองไปครองแบบสุดสะใจแฟนบอล หลังไล่ถล่มอาร์เจนตินา คู่รักคู่แค้นร่วมทวีปไปแบบยับเยิน 4-1 โดยได้ประตูจากอาเดรียโน 2 ลูก, โรนัลดินโญ และกาก้า
ทีมเซเลเซา แชมป์เก่ายังคงถูกยกให้เป็นทีมเต็งลำดับต้นๆที่จะซิวถ้วยบอลโลก ปี 2006 แต่พวกเขาก็ไม่สามารถทำลายอาถรรพ์แชมป์คอนเฟดฯได้เสียที เมื่อเดินทางมาไกลเพียงรอบก่อนรองชนะเลิศเท่านั้น หลังพ่ายให้กับทีมชาติฝรั่งเศส 0-1 จากประตูชัยของเธียร์รี อองรี
8. บราซิล (แชมป์ปี 2009)
ทีมชาติบราซิลยังคงถูกโฉลกกับทัวร์นาเมนต์นี้เสมอ หลังโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมสร้างประวัติศาสตร์เป็นชาติแรกที่ครองแชมป์รายการนี้ 3 สมัย หลังพลิกสถานการณ์กลับมาเชือดสหรัฐฯ แบบสุดมัน 3-2 ทั้งที่ตามหลัง 0-2 ในรอบชิงชนะเลิศ โดยได้ประตูจากหลุยส์ ฟาเบียโน 2 ลูก และลูซิโอ อีก 1 ลูก
แต่มันเหมือนเป็นลางบอกเหตุว่าทีมแซมบ้าจะไม่ประสบความสำเร็จในฟุตบอลโลก 2010 ที่แอฟริกาใต้ เพราะที่ผ่านๆมายังไม่เคยมีแชมป์คอนเฟดเดเรชันส์ คัพ ทีมใดเลยที่สามารถต่อยอดความสำเร็จด้วยการซิวถ้วยเวิลด์ คัพต่อได้ และมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ เมื่อทีมเซเลเซาเสียท่าให้กับทีมชาติฮอลแลนด์ แบบพลิกล็อก 1-2 ตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายไป
link :
http://www.goal.com/th/slideshow/4019/1/คอนเฟดเดเรชั่นส์-ถ้วยอาถรรพ์หายนะสู่เวิลด์-คัพ?ICID=OP
[กระทู้คอนเฟดฯ 2013-06-16] ถ้วยอาถรรพ์ & บราซิล3-0ญี่ปน&T-sport (True112,GMMZ129) แมกซิโกvอิตาลี02.00 สเปนvอุรุกวัย05.00
คอนเฟดเดเรชันส์ คัพ ถือเป็นทัวร์นาเมนต์เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายจะเริ่มขึ้น เป็นรายการที่เต็มไปด้วยมนต์ขลังที่ดึงดูดใจแฟนบอลทั่วโลก แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าตลอด 8 ครั้งที่ผ่านมา ยังไม่มีแชมป์ทีมใดสามารถครองถ้วยเวิลด์ คัพในสมัยต่อไปได้เลย ดังนั้นเพื่อเป็นการต้อนรับศึกคอนเฟดเดเรชันส์ คัพ 2013 ที่จะเปิดฉากมีขึ้นในคืนนี้ โกลไทยแลนด์จึงอาสารวบรวมทีมที่ต้องประสบอาถรรพ์ของรายการนี้ให้ทุกท่านได้รับชมกัน
1. อาร์เจนตินา (แชมป์ปี 1992)
นี่คือจุดกำเนิดของศึกคอนเฟดเดเรชัน คัพ ซึ่งตอนนั้นยังใช้ชื่อว่า "คิงส์ ฟาฮัด คัพ" โดยซาอุดิอาระเบียรับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพ 3 สมัยซ้อน ในครั้งแรกนี้มีทีมเข้าแข่งขันเพียง 4 ชาติเท่านั้น ปราศจากแชมป์จากทวีปยุโรปและโอเชียเนีย ผลปรากฎว่า อาร์เจนตินาโชว์ฟอร์มสมราคาทีมเต็ง ประเดิมซิวแชมป์รายการนี้ไปครอง หลังถลุงไอวอรี โคสต์ ในรอบตัดเชือก ขาดลอย 4-0 ก่อนจะเข้าไปอัดเจ้าภาพในรอบชิงฯอีก 3-1
อย่างไรก็ตาม ทีมฟ้าขาวก็ต้องเจออาถรรพ์ของทัวร์นาเมนต์นี้เล่นงานเป็นทีมแรก เมื่อต้องจอดป้ายแค่รอบ 16 ทีมสุดท้ายในศึกฟุตบอลโลก 1994 ที่สหรัฐฯ หลังพ่ายให้กับโรมาเนีย ที่มีจอร์จี้ ฮาจี้ นำทัพ ด้วยสกอร์ 2-3
2. เดนมาร์ก (แชมป์ปี 1995)
นี่เป็นครั้งแรกที่แชมป์จาก 6 ทวีปทั่วโลกร่วมฟาดแข้งกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา ผลปรากฎว่า เดนมาร์กที่เพิ่งสร้างตำนาน "เทพนิยายเดนส์" คว้าแชมป์ยูโร 1992 ชนิดหักปากกาเซียนทุกสำนัก ยังคงโชว์ฟอร์มแรงต่อเนื่อง กระชากแชมป์รายการนี้ไปครองเป็นครั้งแรก หลังพิชิตอาร์เจนตินา แชมป์เก่า 2-0 ซึ่งหนึ่งในผู้ทำประตูเกมนี้ก็คือ ไมเคิล เลาดรู๊ป นั่นเอง
แต่ทีมโคนมก็ต้องหยุดความเกรียงไกรไว้แค่นั้น เพราะพวกเขาไม่สามารถต่อยอดความสำเร็จในศึกฟรองซ์ 98 ได้ หลังพ่ายให้กับบราซิล แชมป์โลก ปี 94 ไปแบบหวุดหวิด 2-3 ตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายไปแบบน่าเสียดาย และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาพวกเขาก็ไม่เคยประสบความสำเร็จในเวทีระดับนานาชาติอีกเลย
3. บราซิล (แชมป์ปี 1997)
นี่เป็นครั้งแรกที่ฟีฟ่าเข้ามารับหน้าที่จัดการแข่งขัน พร้อมเปลี่ยนชื่อทัวร์นาเมนต์เป็น "คอนเฟดเดเรชันส์ คัพ" และมีการเพิ่มจำนวนทีมแข่งขันเป็น 8 ชาติ ผลปรากฎว่า บราซิล แชมป์โลก ปี 94 คว้าแชมป์ไปครองตามคาด หลังไล่ถลุงออสเตรเลีย ชนิดหาทางกลับบ้านไม่เจอ 6-0 ในรอบชิงชนะเลิศ โดย "เจ้าโล้นทองคำ" โรนัลโด้และโรมาริโอ ช่วยกันทำคนละแฮตทริกในเกมนี้
จากนั้นพลพรรคเซเลเซาก็เข้าร่วมศึกฟุตบอลโลก ปี 1998 ที่ฝรั่งเศส ในฐานะทีมเต็งหนึ่งของรายการ โดยพวกเขาเกือบทำลายอาถรรพ์ได้สำเร็จ หลังสามารถทะลุเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ แต่สุดท้ายก็มาพ่ายให้กับทีมตราไก่ แบบขาดลอย 0-3 จากลูกโหม่งทีเด็ดของซีเนดีน ซีดาน 2 ประตู
4. เม็กซิโก (แชมป์ปี 1999)
นี่คือครั้งแรกที่ศึกคอนเฟดเดเรชันส์ คัพ ถูกโยกมาจัดยังทวีปอเมริกาเหนือ โดยมีเม็กซิโกรับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพ และถือเป็นครั้งที่เซอร์ไพร์สที่สุดของทัวร์นาเมนต์นี้ เมื่อเจ้าภาพเกิดผีเข้าทำผลงานได้ดีเกินคาดขึ้นเถลิงบัลลังก์แชมป์ได้สำเร็จ หลังพลิกล็อกเฉือนบราซิล ที่มีโรนัลดินโญนำทัพ 3-2 ในรอบชิงชนะเลิศ โดยเคลาเตม็อค บลังโก้ เจ้าของท่าคีบบอลอันลือลั่นเป็นคนยิงประตูที่สามให้ทีมด้วย
พอถึงศึกฟุตบอลโลก 2002 เวอร์ชั่นเอเชียที่ญี่ปุ่น-เกาหลีใต้ เป็นเจ้าภาพร่วมกัน ทีมจังโก้ยังคงโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมผ่านเข้าสู่รอบสองด้วยการเป็นแชมป์กลุ่มเหนือทีมแกร่งอย่างอิตาลีด้วยซ้ำ แต่พวกเขาก็ต้องเก็บของกลับบ้านในรอบนี้ หลังปราชัยให้กับคู่ปรับร่วมทวีปอย่างสหรัฐฯ ด้วยสกอร์ 0-2
5. ฝรั่งเศส (แชมป์ปี 2001)
พลพรรคเลส์ เบลอส์ ถือเป็นทีมอันดับหนึ่งของโลกในขณะนั้น หลังประสบความสำเร็จในรายการเมเจอร์สองรายการซ้อนๆ เริ่มจากแชมป์ฟุตบอลโลก 1998 ต่อด้วยแชมป์ศึกยูโร ปี 2000 ทำให้พวกเขาถูกยกให้เป็นเต็งหนึ่งทันที และฝรั่งเศสก็ไม่ทำให้ทุกคนผิดหวังเมื่อสามารถซิวโทรฟี่นี้มาครองตามคาด หลังจัดการเชือดญี่ปุ่น ในรอบชิงชนะเลิศ แบบฉิวเฉียด 1-0 จากประตูชัยของปาทริค วิเอรา
ด้วยฟอร์มอันไร้เทียมทานเช่นนี้ จึงไม่แปลกใจที่ผู้สันทัดกรณีต่างยกให้ทีมตราไก่มีโอกาสชูถ้วยเวิลด์ คัพ ปี 2002 มากที่สุด แต่แฟนบอลทั่วโลกก็ต้องช็อกไปตามๆกัน เมื่อฝรั่งเศสทำผลงานสุดห่วยแตกตกรอบแรกไปแบบไม่น่าเชื่อ ด้วยสถิติแพ้รวดสามนัด ยิ่งกว่านั้นยังยิงประตูไม่ได้แม้แต่ลูกเดียวด้วย
6. ฝรั่งเศส (แชมป์ปี 2003)
แม้จะต้องผิดหวังในศึกฟุตบอลโลก ปี 2002 แต่ฝรั่งเศสก็สามารถเรียกความมั่นใจของตัวเองกลับมาได้อีกครั้ง ด้วยการสร้างประวัติศาสตร์เป็นชาติแรกที่ป้องกันแชมป์รายการนี้ได้สำเร็จ หลังเถือทีมชาติแคเมอรูน ในช่วงต่อเวลาพิเศษของรอบชิงชนะเลิศ 1-0 จากประตูชัยของเธียร์รี อองรี พกความมุ่งมั่นเต็มเปี่ยมก่อนลุยศึกเวิล คัพ 2006 ที่เยอรมนี
ทีมตราไก่ไม่ได้ถูกยกให้เป็นทีมเต็งเหมือนครั้งที่ผ่านๆมา แต่มันกลับกลายเป็นผลดีเนื่องจากทำให้พวกเขาเล่นอย่างไร้ความกดดัน จนทำผลงานได้เหนือความคาดหมาย หลังทะลุเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ต้องชอกช้ำแบบสุดๆ เมื่อต้องพ่ายจุดโทษอิตาลีไปแบบน่าเจ็บใจ โดยซีเนดีน ซีดาน พระเอกของทัวร์นาเมนต์นี้ถูกใบแดงไล่ออกจากสนามด้วย หลังเอาหัวไปโขกใส่มาร์โก มาร์เตรัซซี
7. บราซิล (แชมป์ปี 2005)
นี่เป็นครั้งแรกที่ฟีฟ่าได้ปรับเปลี่ยนวาระในการแข่งขันเป็น 4 ปีครั้ง เหมือนกับฟุตบอลโลก ปรากฎว่า ทีมชาติบราซิลก็ซิวแชมป์สมัยที่สองไปครองแบบสุดสะใจแฟนบอล หลังไล่ถล่มอาร์เจนตินา คู่รักคู่แค้นร่วมทวีปไปแบบยับเยิน 4-1 โดยได้ประตูจากอาเดรียโน 2 ลูก, โรนัลดินโญ และกาก้า
ทีมเซเลเซา แชมป์เก่ายังคงถูกยกให้เป็นทีมเต็งลำดับต้นๆที่จะซิวถ้วยบอลโลก ปี 2006 แต่พวกเขาก็ไม่สามารถทำลายอาถรรพ์แชมป์คอนเฟดฯได้เสียที เมื่อเดินทางมาไกลเพียงรอบก่อนรองชนะเลิศเท่านั้น หลังพ่ายให้กับทีมชาติฝรั่งเศส 0-1 จากประตูชัยของเธียร์รี อองรี
8. บราซิล (แชมป์ปี 2009)
ทีมชาติบราซิลยังคงถูกโฉลกกับทัวร์นาเมนต์นี้เสมอ หลังโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมสร้างประวัติศาสตร์เป็นชาติแรกที่ครองแชมป์รายการนี้ 3 สมัย หลังพลิกสถานการณ์กลับมาเชือดสหรัฐฯ แบบสุดมัน 3-2 ทั้งที่ตามหลัง 0-2 ในรอบชิงชนะเลิศ โดยได้ประตูจากหลุยส์ ฟาเบียโน 2 ลูก และลูซิโอ อีก 1 ลูก
แต่มันเหมือนเป็นลางบอกเหตุว่าทีมแซมบ้าจะไม่ประสบความสำเร็จในฟุตบอลโลก 2010 ที่แอฟริกาใต้ เพราะที่ผ่านๆมายังไม่เคยมีแชมป์คอนเฟดเดเรชันส์ คัพ ทีมใดเลยที่สามารถต่อยอดความสำเร็จด้วยการซิวถ้วยเวิลด์ คัพต่อได้ และมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ เมื่อทีมเซเลเซาเสียท่าให้กับทีมชาติฮอลแลนด์ แบบพลิกล็อก 1-2 ตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายไป
link : http://www.goal.com/th/slideshow/4019/1/คอนเฟดเดเรชั่นส์-ถ้วยอาถรรพ์หายนะสู่เวิลด์-คัพ?ICID=OP