ทันหุ้น - EPCO เซ็น MOU เทกโอเวอร์โรงไฟฟ้า 15 เมกกะวัตต์ มูลค่า 1.5 พันล้านบาท ผู้บริหาร "วีระ เหล่าวิทวัส" ลั่นสัดส่วนรายได้โรงไฟฟ้าพุ่ง 65% เร่งเปลี่ยนชื่อและย้ายกลุ่มจดทะเบียน ปักธงเพิ่มอีก 80% ซุ่มศึกษาทำโรงไฟฟ้าในญี่ปุ่น โชว์ฐานธุรกิจแกร่งพันธมิตรรุมจีบ กำไรไตรมาส 2/2556 ก้าวกระโดด
นายวีระ เหล่าวิทวัส กรรมการผู้จัดการ บริษัท โรงพิมพ์ตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ EPCO กล่าวว่า บริษัทได้เซ็นบันทึกข้อตกลง (MOU) เพื่อซื้อกิจการ (เทกโอเวอร์) โรงไฟฟ้าเป็นที่เรียบร้อยแล้วที่ 15 เมกะวัตต์ มูลค่าประมาณ 1.5 พันล้านบาท ซึ่งขณะนี้ได้ยื่นขอใบอนุญาตการจำหน่ายไฟฟ้าให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ.ไปแล้ว ซึ่งต้องรอผลการอนุมัติจากภาครัฐบาล คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 เดือน ซึ่งหากได้รับการอนุมัติจะสนับสนุนให้กำลังการผลิตไฟฟ้ารวมเป็น 30 เมกะวัตต์
ดังนั้นหากแผนทุกอย่างแล้วเสร็จจะทำให้โครงสร้างสัดส่วนรายได้เปลี่ยนไปเป็นรายได้ธุรกิจโรงไฟฟ้าเพิ่มเป็น 65% จากเดิมแค่ 40% ที่เหลือเป็นธุรกิจด้านโรงพิมพ์ อีกทั้งบริษัทมีแผนเปลี่ยนชื่อบริษัท และเปลี่ยนกลุ่มเข้าจดทะเบียนเป็น "กลุ่มพลังงาน" จากปัจจุบันอยู่ใน "กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์" "ด้านเงินทุนนั้นจะมาจากฐานเงินทุนทางธุรกิจที่เติบโตดีขึ้น,กระแสเงินสด หรือกู้แบงก์ เพราะการซื้อกิจการครั้งนี้ยังไม่จำเป็นต้องใช้เงินไปทั้งก้อน ส่วนจะพิจารณาออกแผนเพิ่มทุนหรือไม่นั้นต้องขึ้นอยู่กับบอร์ด" นายวีระกล่าว
สำหรับเป้าหมายในอีก 2-3 ปีข้างหน้าบริษัทจะเดินหน้าเข้าเทกโอเวอร์โรงไฟฟ้าต่อเนื่อง เพิ่มขึ้นสัดส่วนรายได้ธุรกิจโรงไฟฟ้าตามแผนที่วางไว้สัดส่วน 80% และธุรกิจโรงพิมพ์อีก 20% ส่วนในอนาคตจะขายธุรกิจโรงพิมพ์หรือไม่นั้นไม่สามารถให้ความเห็นได้ แต่ปัจจุบันก็มีคนเข้ามาสอบถามต่อเนื่อง นายวีระ กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาทำโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่น โดยมี 2 แนวทาง คือ ดำเนินธุรกิจเอง หรือ หาพันธมิตรทางธุรกิจ รวมทั้งยังมีแผนทำโรงไฟฟ้าในแถบประเทศอาเซียนด้วย
ทั้งนี้จากฐานธุรกิจที่เริ่มมีความแข็งแกร่งภายหลังบริษัทเน้นธุรกิจโรงไฟฟ้าทำให้กำไรสุทธิ และ รายได้เติบโตสูง เมื่อเทียบกับการพึ่งพิงธุรกิจหลักอย่างธุรกิจโรงพิมพ์ ทำให้มีพันธมิตรเข้ามาเจรจาขอร่วมธุรกิจรายหลายมากขึ้น แต่ปัจจุบันยังไม่ได้ข้อสรุป
ส่วนแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/2556 จะเติบโตก้าวกระโดด เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2555 ที่มีกำไรสุทธิที่ 6.67 ล้านบาท และ รายได้ที่ 166.21 ล้านบาท เพราะฐานรายได้จากธุรกิจโรงไฟฟ้าเพิ่มขึ้น และ ไตรมาส 1/2556 ที่มีกำไรสุทธิ 47.07 ล้านบาท และรายได้รวมที่ 226.26 ล้านบาท คาดว่าช่วงไตรมาส 4/2556 จะเป็นช่วงที่มีฐานกำไรสุทธิและรายได้เติบโตสูงที่สุด เพราะเริ่มมีรายได้โรงไฟฟ้าที่ลพบุรีเพิ่มเข้ามาอีก 5 เมกกะวัตต์ รวมทั้งสิ้น 15 เมกะวัตต์ โดยจะผลักดันให้ปี 2556 มีรายได้จากธุรกิจโรงไฟฟ้าเต็มปีที่ 200 ล้านบาท
ดังนั้นปี 2556 ผลประกอบการจะเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ คาดรายได้เติบโตไว้ที่ 15% ด้านฐานกำไรสุทธิจะสอดคล้องกับฐานรายได้ที่เพิ่มขึ้น จากปี 2555 ที่มีกำไรสุทธิที่ 65.21 ล้านบาท และรายได้รวมที่ 691.17 ล้านบาท ขณะที่ปี 2557 ผลประกอบการจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ภายหลังจากมีกำลังการผลิตที่ 30 เมกะวัตต์
นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของราคาหุ้น EPCO ยังสามารถเข้า "เก็งกำไร" ได้ โดยประเมินแนวต้าน 4.20 บาท และ แนวรับที่ 3.90 บาท
EPCOเซ็นMOUซื้อโรงไฟฟ้าบุกตลาดตปท.-กำไรก้าวกระโดด
นายวีระ เหล่าวิทวัส กรรมการผู้จัดการ บริษัท โรงพิมพ์ตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ EPCO กล่าวว่า บริษัทได้เซ็นบันทึกข้อตกลง (MOU) เพื่อซื้อกิจการ (เทกโอเวอร์) โรงไฟฟ้าเป็นที่เรียบร้อยแล้วที่ 15 เมกะวัตต์ มูลค่าประมาณ 1.5 พันล้านบาท ซึ่งขณะนี้ได้ยื่นขอใบอนุญาตการจำหน่ายไฟฟ้าให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ.ไปแล้ว ซึ่งต้องรอผลการอนุมัติจากภาครัฐบาล คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 เดือน ซึ่งหากได้รับการอนุมัติจะสนับสนุนให้กำลังการผลิตไฟฟ้ารวมเป็น 30 เมกะวัตต์
ดังนั้นหากแผนทุกอย่างแล้วเสร็จจะทำให้โครงสร้างสัดส่วนรายได้เปลี่ยนไปเป็นรายได้ธุรกิจโรงไฟฟ้าเพิ่มเป็น 65% จากเดิมแค่ 40% ที่เหลือเป็นธุรกิจด้านโรงพิมพ์ อีกทั้งบริษัทมีแผนเปลี่ยนชื่อบริษัท และเปลี่ยนกลุ่มเข้าจดทะเบียนเป็น "กลุ่มพลังงาน" จากปัจจุบันอยู่ใน "กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์" "ด้านเงินทุนนั้นจะมาจากฐานเงินทุนทางธุรกิจที่เติบโตดีขึ้น,กระแสเงินสด หรือกู้แบงก์ เพราะการซื้อกิจการครั้งนี้ยังไม่จำเป็นต้องใช้เงินไปทั้งก้อน ส่วนจะพิจารณาออกแผนเพิ่มทุนหรือไม่นั้นต้องขึ้นอยู่กับบอร์ด" นายวีระกล่าว
สำหรับเป้าหมายในอีก 2-3 ปีข้างหน้าบริษัทจะเดินหน้าเข้าเทกโอเวอร์โรงไฟฟ้าต่อเนื่อง เพิ่มขึ้นสัดส่วนรายได้ธุรกิจโรงไฟฟ้าตามแผนที่วางไว้สัดส่วน 80% และธุรกิจโรงพิมพ์อีก 20% ส่วนในอนาคตจะขายธุรกิจโรงพิมพ์หรือไม่นั้นไม่สามารถให้ความเห็นได้ แต่ปัจจุบันก็มีคนเข้ามาสอบถามต่อเนื่อง นายวีระ กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาทำโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่น โดยมี 2 แนวทาง คือ ดำเนินธุรกิจเอง หรือ หาพันธมิตรทางธุรกิจ รวมทั้งยังมีแผนทำโรงไฟฟ้าในแถบประเทศอาเซียนด้วย
ทั้งนี้จากฐานธุรกิจที่เริ่มมีความแข็งแกร่งภายหลังบริษัทเน้นธุรกิจโรงไฟฟ้าทำให้กำไรสุทธิ และ รายได้เติบโตสูง เมื่อเทียบกับการพึ่งพิงธุรกิจหลักอย่างธุรกิจโรงพิมพ์ ทำให้มีพันธมิตรเข้ามาเจรจาขอร่วมธุรกิจรายหลายมากขึ้น แต่ปัจจุบันยังไม่ได้ข้อสรุป
ส่วนแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/2556 จะเติบโตก้าวกระโดด เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2555 ที่มีกำไรสุทธิที่ 6.67 ล้านบาท และ รายได้ที่ 166.21 ล้านบาท เพราะฐานรายได้จากธุรกิจโรงไฟฟ้าเพิ่มขึ้น และ ไตรมาส 1/2556 ที่มีกำไรสุทธิ 47.07 ล้านบาท และรายได้รวมที่ 226.26 ล้านบาท คาดว่าช่วงไตรมาส 4/2556 จะเป็นช่วงที่มีฐานกำไรสุทธิและรายได้เติบโตสูงที่สุด เพราะเริ่มมีรายได้โรงไฟฟ้าที่ลพบุรีเพิ่มเข้ามาอีก 5 เมกกะวัตต์ รวมทั้งสิ้น 15 เมกะวัตต์ โดยจะผลักดันให้ปี 2556 มีรายได้จากธุรกิจโรงไฟฟ้าเต็มปีที่ 200 ล้านบาท
ดังนั้นปี 2556 ผลประกอบการจะเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ คาดรายได้เติบโตไว้ที่ 15% ด้านฐานกำไรสุทธิจะสอดคล้องกับฐานรายได้ที่เพิ่มขึ้น จากปี 2555 ที่มีกำไรสุทธิที่ 65.21 ล้านบาท และรายได้รวมที่ 691.17 ล้านบาท ขณะที่ปี 2557 ผลประกอบการจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ภายหลังจากมีกำลังการผลิตที่ 30 เมกะวัตต์
นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของราคาหุ้น EPCO ยังสามารถเข้า "เก็งกำไร" ได้ โดยประเมินแนวต้าน 4.20 บาท และ แนวรับที่ 3.90 บาท