ในคำสัมภาษณ์ของ นักฟุตบอลอาชีำพชื่อดังหลายๆคน มักเริ่มต้นด้วยคำว่า "รักฟุตบอลเหนือสิ่งอื่นใด"
สำหรับนักเตะแบบออสมาร์ อิบัญเญซ ที่มาค้าแข้งในลีกส์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ดูไกลจากความคิดคำนึงของเขาเหลือเกิน ก็เช่นเดียวกัน "ฟุตบอลสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด" แต่ในฐานะ "นักเตะอาชีพ" นอกจากจะมีแค่ความรักแล้ว ฟุตบอลยังต้องเลี้ยงปากท้องของเขาได้ด้วย
พอสโมสรต้นสังกัดตกชั้นจากลาลีกา ไปอยู่ในดิวิชั่น 2 ทำให้สโมสร "ราซิ่ง ซานตาเดร์" ต้องปรับลดค่าเหนื่อยของนักเตะลงครึ่งหนึ่งด้วย ในภาวะเศรษฐกิจอันย่ำแย่ของสเปนนั้นกระทบธุรกิจในทุกภาคส่วน รวมไปถึงธุรกิจลีกส์ฟุตบอลด้วย
ตอนนั้นเองเป็นตอนที่ สโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ติดต่อเข้าไป
ในตอนนั้นนักเตะสเปนหลายคน ของหลายทีม พิจารณาทางเลือกในการ "ย้ายออก" จากลีกสเปนกันถ้วนหน้า เหตุเพราะสภาพเศรษฐกิจในประเทศ ที่ส่งผลโดยตรงกับการงานของพวกเขา บางทีการเลือกไปค้าแข้งในลีกส์นอกประเทศที่มีสภาพเศรษฐกิจที่ดีกว่า และสามารถเลี้ยงชีพตัวเองในประเทศนั้นๆได้อย่างสุขสบาย น่าจะดีกว่าการเลือก กัดก้อนเกลือกินอยู่ในประเทศ
เหตุที่ ออสมาร์ เลือกตอบรับสโมสรบ้านนา บุรีรัมย์ยูไนเต็ดก็อาจเป็นเหตุผลเดียวกัน
นักเตะแบบ มิชู ดาวยิงของ ราโย บาเยกาโน จากลาลีกา ก็ให้เหตุผลในทำนองเดียวกัน ในลาลีกา มีอยู่เพียงไม่กี่ทีมที่รวย และมีเพียง 2 ทีมที่เป็นทีมเศรษฐีคือ บาร์เซโลน่าและเรอัล มาดริด นอกนั้นทีมอื่นๆ พวกเราก็เป็นทีมของคนจนอย่างแท้จริง ... มิชูย้ายมาสวอนซีด้วยค่าตัว 2 ล้านปอนด์ ที่หลายคนนึกขำ เพราะมันถูกเหลือเกิน ... กับนักเตะที่ยังไม่ได้มีชื่อมีเสียงบางคน ยังย้ายด้วยราคาที่แพงกว่านี้ แต่มิชูกลับภาคภูมิใจในราคา 2 ล้านปอนด์ของเขาเหลือเกิน มิชูบอกว่า เขาอาจย้ายทีมแบบไม่มีค่าตัวด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้น 2 ล้านปอนด์ เป็นอะไรที่มีค่ามากๆ โดยเฉพาะคนที่ชวนเขามาอยู่ สวอนซี คือตำนานของฟุตบอลสเปนแบบ เลาดรูป ด้วยแล้ว มันคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม ...
มิชูบอกว่า ตอนที่เขาจากราโยมา ทีมแทบไม่มีเงินเหลือ นักเตะบางคนยังไม่ได้รับค่าเหนื่อย รถบัสที่พวกเขานั่งไปแข่งเคยไม่มีเงินจ่ายค่าทางด่วยด้วยซ้ำ ..
เหตุผลของมิชู และ ออสมาร์ คงใกล้เคียงกัน
มิชู ย้ายไปพรีเมียร์ลีกส์ แล้วระเบิดฟอร์มเกินค่าตัวที่นั่น และเริ่มต้นใหม่ในฐานะกองหน้าชั้นนำของพรีเีมียลีกส์
ออสมาร์อาจไม่ได้รับโอกาสที่ดีเท่ามิชู แต่การที่เขาเลือกมาอยู่กับบุรีรัมย์ ก็ไม่ได้เป็นทางเลือกที่ต้อยต่ำกว่าแต่อย่างใด
(เป็นเรื่องบังเอิญที่ทั้งคู่เซนต์สัญญาย้านออกจากลีกส์สเปนห่างกันเพียง 5 วันเท่านั้น)
หากเขายังมีใจรักในฟุตบอล และ ทำให้มันสามารถเลี้ยงปากท้องไปพร้อมๆกันได้
บุรีรัมย์ก็เป็นทางเลือกที่ดีพอๆกัน
แต่ทว่าออสมาร์ก็ไมไ่ด้รู้จักประเทศไทยแบบจริงๆจังๆมาก่อนเลย เขาได้ให้สัมภาษณ์ว่า รู้จักชื่อเสียงของบุรีรัมย์ในระดับหนึ่งจากเกมส์ AFC Champion League ไม่รู้สึกกดดันนักกับการย้ายลีกส์มายังประเทศไทย เขากลับรู้สึกถึงความท้าทายใหม่ๆมากกว่า
แต่สิ่งที่เซอร์ไพรซ์ออสมาร์กลับไม่ใช่ สไตล์ของฟุตบอลแบบไทยๆ
แต่เป็น "ความนิยม" ของแฟนบอลในประเทศนี้ต่างหาก
ออสมาร์ไม่เคยคิดมาก่อนว่า คนไทยจะคลั่งฟุตบอลกันขนาดนี้ ...
"ในแมตแรกที่ผมลงสนาม แฟนๆเชียร์บอลกันสนุกมากๆ นั่นคือสิ่งที่ผมประทับใจที่สุดตอนที่มาถึงที่นี่เป็นครั้งแรก"
ออสมาร์เล่นฟุตบอลมาตั้งแต่เด็ก จนกระทั่งจับผลัดจับผลู ได้เข้าไปฝึกซ้อมกับอคาเดมมี่ของ ราซิ่ง ซานตานเดร์ จนกระทั่งได้เลื่อนมาอยู่กับทีมใหญ่ในตำแหน่งกองหลังในที่สุด สำหรับออสมาร์ที่เคยมีประสบการณ์ในเกมส์ลีกส์สุดยิ่งใหญ่ แบบ ลาลีกา แล้ว การได้ประกบผู้เล่นระดับโลกมากมาย แบบ คริสเตียโน โรนัลโด้ , ลีโอเนล เมซซี่ ซาบี้ อลอนโซ่, เมซุต โอซิล , กากา , อันเดรส อิเนียสต้า, เชส ฟาเบรกาส ได้ให้ประสบการณ์บนสนามกับเขามากมาย การมาเล่นในสโมสรบุรีรัมย์ ทำให้ดูเหมือนว่า ออสมาร์ จะไม่ต้องเผชิญแรงกดดันอะไรมากนัก และนักเตะแบบเขาก็น่าจะมีสิทธิ์ยืดได้เต็มที่ "ข้านี้มาจากลาลีกา"
ถ้าหากออสมาร์จะขี้เต๊ะได้แบบนั้น ...
ออสมาร์สร้างความประทับใจให้แฟนๆทันทีที่มาถึง เขาไม่ได้มีทีท่าของนักเตะที่เคย ชนกับเบอร์ 1 ของโลกมาก่อนเลย บนสนาม นอกจากจะไม่เล่นบอลแบบอวดเบ่งวางก้ามแล้ว เขายังเป็น โค้ชให้กับเพื่อนร่วมทีมด้วย โดยการสอนแท็คติกการเล่นต่างๆที่ตัวเองเคยเจอมาในลีกที่ระดับสูงกว่า และ บางครั้งก็เอื้อเฟื้ออธิบายกันสดๆบนสนามเลยทีเดียว และสิ่งนี้เองที่ทำให้ออสมาร์ได้ใจแฟนบอลไปเต็มๆ
มากกว่าการเป็นแค่ "นักเตะต่างชาติ" ออสมาร์ ยังเป็น "ครู" ให้เพื่อนร่วมทีมด้วย
ภาพจากกระทู้ ##### มรดก ของบุรีรัมย์ ######## http://ppantip.com/topic/30587770
โดยคุณ AceANE
นี่อาจไม่ใช่เรื่องยิ่งใหญ่อะไรนัก แต่เราก็ไม่ได้เห็นภาพแบบนี้กันบ่อยๆ
และ ต้องยอมรับว่า มันเป็นภาพ และ ความสัมพันธ์ในแบบที่น่าประทับใจ
ออสมาร์ อิบัญเญซ เป็นอีกเคสที่น่าสนใจของคำว่า "ความภักดี" หรือ "สร้างอนาคต"
เขาเป็นเด็กปั้นอคาเดมี่ของสโมสร แต่ในวันที่สโมสรไม่สามารถเลี้ยงดูเขาได้แบบที่ควรจะเป็น
นักเตะ ก็เป็นแค่คนธรรมดา ที่ต้องเลี้ยงปากท้อง มีครอบครัวต้องดูแล แม้จะเป็นทางเลือกแบบที่ไม่เคยคิดมาก่อนอย่างการย้ายมาเล่นในไทยลีกส์ เขาก็ต้องเลือก "สร้างอนาคต" มากกว่า
ตอนที่ออสมาร์สามารถทำประตูแรกของตัวเองในฐานะนักเตะบุรีรัมย์ได้ สำหรับเขาแล้วมันเหมือนการปลดล็อคตัวเอง เขาบอกว่า มันเป็นเรื่องสำคัญ และมันน่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง กับการมีส่วนในประตูที่ทำให้ทีมชนะ และทำให้ทีมคว้าแชมป์ได้ เขาปลาบปลื้มกับ แชมป์ครั้งที่ 2 ในชีวิตการค้าแข้งของตัวเองมาก
สำหรับออสมาร์ การได้ดีใจกับ 2 แชมป์ในลีกส์บ้านนา คงดีกว่า การไม่มีรางวัลใดในชีวิตการค้าแข้งเลย อย่างแน่นอน ..
นั่นคือ .. ชีวิตจริงของนักฟุตบอล
มันไม่ได้สวยหรู และต้องพร้อมยอมรับการเปลี่ยนแปลงเสมอ ...
Osmar Barba Ibáñez | Santoña, Spain | 25 years old (1988)
... ฟุตบอลคืออาชีพ และ ชีวิตคือการเปลี่ยนแปลง ของ Osmar Ibanez ...
ในคำสัมภาษณ์ของ นักฟุตบอลอาชีำพชื่อดังหลายๆคน มักเริ่มต้นด้วยคำว่า "รักฟุตบอลเหนือสิ่งอื่นใด"
สำหรับนักเตะแบบออสมาร์ อิบัญเญซ ที่มาค้าแข้งในลีกส์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ดูไกลจากความคิดคำนึงของเขาเหลือเกิน ก็เช่นเดียวกัน "ฟุตบอลสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด" แต่ในฐานะ "นักเตะอาชีพ" นอกจากจะมีแค่ความรักแล้ว ฟุตบอลยังต้องเลี้ยงปากท้องของเขาได้ด้วย
พอสโมสรต้นสังกัดตกชั้นจากลาลีกา ไปอยู่ในดิวิชั่น 2 ทำให้สโมสร "ราซิ่ง ซานตาเดร์" ต้องปรับลดค่าเหนื่อยของนักเตะลงครึ่งหนึ่งด้วย ในภาวะเศรษฐกิจอันย่ำแย่ของสเปนนั้นกระทบธุรกิจในทุกภาคส่วน รวมไปถึงธุรกิจลีกส์ฟุตบอลด้วย
ตอนนั้นเองเป็นตอนที่ สโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ติดต่อเข้าไป
ในตอนนั้นนักเตะสเปนหลายคน ของหลายทีม พิจารณาทางเลือกในการ "ย้ายออก" จากลีกสเปนกันถ้วนหน้า เหตุเพราะสภาพเศรษฐกิจในประเทศ ที่ส่งผลโดยตรงกับการงานของพวกเขา บางทีการเลือกไปค้าแข้งในลีกส์นอกประเทศที่มีสภาพเศรษฐกิจที่ดีกว่า และสามารถเลี้ยงชีพตัวเองในประเทศนั้นๆได้อย่างสุขสบาย น่าจะดีกว่าการเลือก กัดก้อนเกลือกินอยู่ในประเทศ
เหตุที่ ออสมาร์ เลือกตอบรับสโมสรบ้านนา บุรีรัมย์ยูไนเต็ดก็อาจเป็นเหตุผลเดียวกัน
นักเตะแบบ มิชู ดาวยิงของ ราโย บาเยกาโน จากลาลีกา ก็ให้เหตุผลในทำนองเดียวกัน ในลาลีกา มีอยู่เพียงไม่กี่ทีมที่รวย และมีเพียง 2 ทีมที่เป็นทีมเศรษฐีคือ บาร์เซโลน่าและเรอัล มาดริด นอกนั้นทีมอื่นๆ พวกเราก็เป็นทีมของคนจนอย่างแท้จริง ... มิชูย้ายมาสวอนซีด้วยค่าตัว 2 ล้านปอนด์ ที่หลายคนนึกขำ เพราะมันถูกเหลือเกิน ... กับนักเตะที่ยังไม่ได้มีชื่อมีเสียงบางคน ยังย้ายด้วยราคาที่แพงกว่านี้ แต่มิชูกลับภาคภูมิใจในราคา 2 ล้านปอนด์ของเขาเหลือเกิน มิชูบอกว่า เขาอาจย้ายทีมแบบไม่มีค่าตัวด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้น 2 ล้านปอนด์ เป็นอะไรที่มีค่ามากๆ โดยเฉพาะคนที่ชวนเขามาอยู่ สวอนซี คือตำนานของฟุตบอลสเปนแบบ เลาดรูป ด้วยแล้ว มันคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม ...
มิชูบอกว่า ตอนที่เขาจากราโยมา ทีมแทบไม่มีเงินเหลือ นักเตะบางคนยังไม่ได้รับค่าเหนื่อย รถบัสที่พวกเขานั่งไปแข่งเคยไม่มีเงินจ่ายค่าทางด่วยด้วยซ้ำ ..
เหตุผลของมิชู และ ออสมาร์ คงใกล้เคียงกัน
มิชู ย้ายไปพรีเมียร์ลีกส์ แล้วระเบิดฟอร์มเกินค่าตัวที่นั่น และเริ่มต้นใหม่ในฐานะกองหน้าชั้นนำของพรีเีมียลีกส์
ออสมาร์อาจไม่ได้รับโอกาสที่ดีเท่ามิชู แต่การที่เขาเลือกมาอยู่กับบุรีรัมย์ ก็ไม่ได้เป็นทางเลือกที่ต้อยต่ำกว่าแต่อย่างใด
(เป็นเรื่องบังเอิญที่ทั้งคู่เซนต์สัญญาย้านออกจากลีกส์สเปนห่างกันเพียง 5 วันเท่านั้น)
หากเขายังมีใจรักในฟุตบอล และ ทำให้มันสามารถเลี้ยงปากท้องไปพร้อมๆกันได้
บุรีรัมย์ก็เป็นทางเลือกที่ดีพอๆกัน
แต่ทว่าออสมาร์ก็ไมไ่ด้รู้จักประเทศไทยแบบจริงๆจังๆมาก่อนเลย เขาได้ให้สัมภาษณ์ว่า รู้จักชื่อเสียงของบุรีรัมย์ในระดับหนึ่งจากเกมส์ AFC Champion League ไม่รู้สึกกดดันนักกับการย้ายลีกส์มายังประเทศไทย เขากลับรู้สึกถึงความท้าทายใหม่ๆมากกว่า
แต่สิ่งที่เซอร์ไพรซ์ออสมาร์กลับไม่ใช่ สไตล์ของฟุตบอลแบบไทยๆ
แต่เป็น "ความนิยม" ของแฟนบอลในประเทศนี้ต่างหาก
ออสมาร์ไม่เคยคิดมาก่อนว่า คนไทยจะคลั่งฟุตบอลกันขนาดนี้ ...
"ในแมตแรกที่ผมลงสนาม แฟนๆเชียร์บอลกันสนุกมากๆ นั่นคือสิ่งที่ผมประทับใจที่สุดตอนที่มาถึงที่นี่เป็นครั้งแรก"
ออสมาร์เล่นฟุตบอลมาตั้งแต่เด็ก จนกระทั่งจับผลัดจับผลู ได้เข้าไปฝึกซ้อมกับอคาเดมมี่ของ ราซิ่ง ซานตานเดร์ จนกระทั่งได้เลื่อนมาอยู่กับทีมใหญ่ในตำแหน่งกองหลังในที่สุด สำหรับออสมาร์ที่เคยมีประสบการณ์ในเกมส์ลีกส์สุดยิ่งใหญ่ แบบ ลาลีกา แล้ว การได้ประกบผู้เล่นระดับโลกมากมาย แบบ คริสเตียโน โรนัลโด้ , ลีโอเนล เมซซี่ ซาบี้ อลอนโซ่, เมซุต โอซิล , กากา , อันเดรส อิเนียสต้า, เชส ฟาเบรกาส ได้ให้ประสบการณ์บนสนามกับเขามากมาย การมาเล่นในสโมสรบุรีรัมย์ ทำให้ดูเหมือนว่า ออสมาร์ จะไม่ต้องเผชิญแรงกดดันอะไรมากนัก และนักเตะแบบเขาก็น่าจะมีสิทธิ์ยืดได้เต็มที่ "ข้านี้มาจากลาลีกา"
ถ้าหากออสมาร์จะขี้เต๊ะได้แบบนั้น ...
ออสมาร์สร้างความประทับใจให้แฟนๆทันทีที่มาถึง เขาไม่ได้มีทีท่าของนักเตะที่เคย ชนกับเบอร์ 1 ของโลกมาก่อนเลย บนสนาม นอกจากจะไม่เล่นบอลแบบอวดเบ่งวางก้ามแล้ว เขายังเป็น โค้ชให้กับเพื่อนร่วมทีมด้วย โดยการสอนแท็คติกการเล่นต่างๆที่ตัวเองเคยเจอมาในลีกที่ระดับสูงกว่า และ บางครั้งก็เอื้อเฟื้ออธิบายกันสดๆบนสนามเลยทีเดียว และสิ่งนี้เองที่ทำให้ออสมาร์ได้ใจแฟนบอลไปเต็มๆ
มากกว่าการเป็นแค่ "นักเตะต่างชาติ" ออสมาร์ ยังเป็น "ครู" ให้เพื่อนร่วมทีมด้วย
ภาพจากกระทู้ ##### มรดก ของบุรีรัมย์ ######## http://ppantip.com/topic/30587770
โดยคุณ AceANE
นี่อาจไม่ใช่เรื่องยิ่งใหญ่อะไรนัก แต่เราก็ไม่ได้เห็นภาพแบบนี้กันบ่อยๆ
และ ต้องยอมรับว่า มันเป็นภาพ และ ความสัมพันธ์ในแบบที่น่าประทับใจ
ออสมาร์ อิบัญเญซ เป็นอีกเคสที่น่าสนใจของคำว่า "ความภักดี" หรือ "สร้างอนาคต"
เขาเป็นเด็กปั้นอคาเดมี่ของสโมสร แต่ในวันที่สโมสรไม่สามารถเลี้ยงดูเขาได้แบบที่ควรจะเป็น
นักเตะ ก็เป็นแค่คนธรรมดา ที่ต้องเลี้ยงปากท้อง มีครอบครัวต้องดูแล แม้จะเป็นทางเลือกแบบที่ไม่เคยคิดมาก่อนอย่างการย้ายมาเล่นในไทยลีกส์ เขาก็ต้องเลือก "สร้างอนาคต" มากกว่า
ตอนที่ออสมาร์สามารถทำประตูแรกของตัวเองในฐานะนักเตะบุรีรัมย์ได้ สำหรับเขาแล้วมันเหมือนการปลดล็อคตัวเอง เขาบอกว่า มันเป็นเรื่องสำคัญ และมันน่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง กับการมีส่วนในประตูที่ทำให้ทีมชนะ และทำให้ทีมคว้าแชมป์ได้ เขาปลาบปลื้มกับ แชมป์ครั้งที่ 2 ในชีวิตการค้าแข้งของตัวเองมาก
สำหรับออสมาร์ การได้ดีใจกับ 2 แชมป์ในลีกส์บ้านนา คงดีกว่า การไม่มีรางวัลใดในชีวิตการค้าแข้งเลย อย่างแน่นอน ..
นั่นคือ .. ชีวิตจริงของนักฟุตบอล
มันไม่ได้สวยหรู และต้องพร้อมยอมรับการเปลี่ยนแปลงเสมอ ...
Osmar Barba Ibáñez | Santoña, Spain | 25 years old (1988)