โดยพื้นเพ ผมเป็นคนบ้านอยู่ติดวัดได้ยินและรับรู้เรื่องในวัดมาแต่เด็ก ในวัยเด็กซึ่งมีความรู้สึกว่า พระภิกษุที่อาศัยอยู่ในวัดก็มีจิตใจคล้ายกับชาวบ้านทั่วไป พอผมเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ความคิดก็เปลี่ยนไปว่า พระที่เป็นพระก็มีแต่ไม่มากนักและก็ยังมีความเชื่อเช่นนั้นเรื่อยมา และมีความรู้สึกว่าคำสั่งสอนที่ชาวพุทธถูกสอนให้ปฏิบัตินั้นมันเป็นกุศโลบายเสียเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งผมรู้สึกว่ามันขัดแย้งกับศีลข้อ 3 อย่างไรพิกล
อย่างไรก็ตามทุกวันนี้ผมก็ยังไหว้พระสวดมนต์ทุกวัน โดยเลือกสวดมนต์เฉพาะบางบทเท่านั้น เช่น อิติปิโส และ พาหุง เป็นหลัก บทอื่นๆอ่านคำแปลแล้วเลื่อกที่จะไม่สวดครับ
ขณะนี้ผมอายุ 61 แล้วยังทำงานอยู่เพื่อเป็นใช้รายได้เป็นค่าครองชีพตามอัตตภาพอาทิตย์ละ 1-2 วันแล้วแต่ความเหมาะสม มีเงินเก็บสะสมไว้ใช้ได้จนหมดอายุขัยถ้าดำรงค์ชีพตามอัตตภาพ ลูกจบการศึกษาแล้ว ที่ดินแบ่งให้ลูกหมดแล้ว เพราะผมเอาอายุพ่อแม่รวมกันหาร 2 แล้วลบด้วยอายุผมได้ผลลัพธ์ = 14 แปลว่าคร่าวๆ ผมคงมีชีวิตต่อไปอีก 14 ปี โดยประมาณ จึงรีบจัดการเสียให้เรียบร้อย ลูกจะเอาสิ่งที่ผมยกให้ไปทำอะไรผมไม่สนใจเพราะผมเก็บเอาไว้ก็ไม่มีประโยชน์กับตัวผมอีกต่อไป
เมื่อผมอายุ 30 โดยประมาณผมได้ปรับเปลี่ยนนิสัยเป็นไม่ดื่ม ไม่สูบ ไม่เล่น ไม่เที่ยว ประมาณว่าอยู่ในศีล 5 โดยใกล้เคียง ถ้าไม่ไปตบยุงบี้มด
ทุกวันนี้ผมฝึกวิปัสนา(น่าจะเป็นสมถะ)กับ CD ไม่ได้ไปวัด จิตใจสงบปล่อยวางไม่มีโลภ โกรธ(มีบ้างแต่รู้ทันสลายได้เร็ว) ไม่หลง ความรักครอบครัวรักแบบมองว่าเป็นเพื่อนร่วมเกิดแก่เจ็บตาย ไม่ใช่แบบที่เคยเป็นสมัยก่อนฝึกวิปัสนา อาหารที่เคยชอบคิดว่าอร่อยอยากกินก็รู้สึกเฉยๆคิดว่าอะไรก็ได้เพื่อไม่ให้หิว มองกายสังขารว่าอยู่ได้อีกประมาณ 14 ปีและก็เสื่อมลงไปเรื่อยๆตามธรรมชาติในที่สุดแตกดับไป
ในขณะที่ผมนั่งฝึกจิตรภาวนาใหม่ๆก็มีความคิดอื่นๆเข้ามารบกวนเสียสมาธิไปแต่ผมบอกกับตัวเองมาผมไม่รับความคิดรบกวนพวกนั้น ซึ่งมันก็ค่อยๆลดลงแต่ยังมีเหลืออยู่บ้างในระดับควบคุมได้ ในขณะที่ผมฝึกจิตร(ทำบ่อยๆวันละหลายครั้ง)ความรู้สึกผมคล้ายๆกับตอนที่ผมเขียนโปรแกรมคอม(vb.net)คือคล้ายอยู่ในภวังค์ไม่ค่อยมีความรู้สึกตามสภาวะแวดล้อม เมื่อก่อนผมดูTVพร้อมกับภรรยาไม่ได้โดยเฉพาะบทนางร้ายดูแล้วมีความรู้สึกทางลบ แต่เดี๋ยวนี้ผมดูได้แบบไม่ความรู้สึกรับรู้เท่าไรนักและชอบเอาไว้ทดสอบสมาธิ
ทีผมเล่ามาเสียมากมายเพราะผมรู้สึกตัวเองว่าเปลี่ยนไป ทั้งความทุกข์ ความกังวล และความสุข ที่เคยมีมันหายไปไหนหมด มันรู้สึกเฉยๆอย่างไรพิกล หรือผมควรจะไปพบจิตตแพทย์ได้แล้วครับ
อีกอย่างก็คือผมไม่เชื่อเรื่อง นรก-สวรรค์-อิธิฤทธิ เลย เวร-กรรม นิพพาน ก็ค่อยไม่สนิทใจนักครับเพราะเห็นกุศโลบายถูกนำมาใช้จนแยกแยะค่อนข้างยาก
ข้อสงสัยของผมคือผมควรฝึกวิปัสนาต่อไปหรือไปพบจิตตแพทย์ดีครับ และถ้าฝึกวิปัสนาต่อไปควรทำอย่างไรเพราะผมมีความเชื่อพื้ฐานที่ขัดแย้งกับผู้สอนอยู่พอสมควร
ผมควรปฏิบัติอย่างไรครับ
อย่างไรก็ตามทุกวันนี้ผมก็ยังไหว้พระสวดมนต์ทุกวัน โดยเลือกสวดมนต์เฉพาะบางบทเท่านั้น เช่น อิติปิโส และ พาหุง เป็นหลัก บทอื่นๆอ่านคำแปลแล้วเลื่อกที่จะไม่สวดครับ
ขณะนี้ผมอายุ 61 แล้วยังทำงานอยู่เพื่อเป็นใช้รายได้เป็นค่าครองชีพตามอัตตภาพอาทิตย์ละ 1-2 วันแล้วแต่ความเหมาะสม มีเงินเก็บสะสมไว้ใช้ได้จนหมดอายุขัยถ้าดำรงค์ชีพตามอัตตภาพ ลูกจบการศึกษาแล้ว ที่ดินแบ่งให้ลูกหมดแล้ว เพราะผมเอาอายุพ่อแม่รวมกันหาร 2 แล้วลบด้วยอายุผมได้ผลลัพธ์ = 14 แปลว่าคร่าวๆ ผมคงมีชีวิตต่อไปอีก 14 ปี โดยประมาณ จึงรีบจัดการเสียให้เรียบร้อย ลูกจะเอาสิ่งที่ผมยกให้ไปทำอะไรผมไม่สนใจเพราะผมเก็บเอาไว้ก็ไม่มีประโยชน์กับตัวผมอีกต่อไป
เมื่อผมอายุ 30 โดยประมาณผมได้ปรับเปลี่ยนนิสัยเป็นไม่ดื่ม ไม่สูบ ไม่เล่น ไม่เที่ยว ประมาณว่าอยู่ในศีล 5 โดยใกล้เคียง ถ้าไม่ไปตบยุงบี้มด
ทุกวันนี้ผมฝึกวิปัสนา(น่าจะเป็นสมถะ)กับ CD ไม่ได้ไปวัด จิตใจสงบปล่อยวางไม่มีโลภ โกรธ(มีบ้างแต่รู้ทันสลายได้เร็ว) ไม่หลง ความรักครอบครัวรักแบบมองว่าเป็นเพื่อนร่วมเกิดแก่เจ็บตาย ไม่ใช่แบบที่เคยเป็นสมัยก่อนฝึกวิปัสนา อาหารที่เคยชอบคิดว่าอร่อยอยากกินก็รู้สึกเฉยๆคิดว่าอะไรก็ได้เพื่อไม่ให้หิว มองกายสังขารว่าอยู่ได้อีกประมาณ 14 ปีและก็เสื่อมลงไปเรื่อยๆตามธรรมชาติในที่สุดแตกดับไป
ในขณะที่ผมนั่งฝึกจิตรภาวนาใหม่ๆก็มีความคิดอื่นๆเข้ามารบกวนเสียสมาธิไปแต่ผมบอกกับตัวเองมาผมไม่รับความคิดรบกวนพวกนั้น ซึ่งมันก็ค่อยๆลดลงแต่ยังมีเหลืออยู่บ้างในระดับควบคุมได้ ในขณะที่ผมฝึกจิตร(ทำบ่อยๆวันละหลายครั้ง)ความรู้สึกผมคล้ายๆกับตอนที่ผมเขียนโปรแกรมคอม(vb.net)คือคล้ายอยู่ในภวังค์ไม่ค่อยมีความรู้สึกตามสภาวะแวดล้อม เมื่อก่อนผมดูTVพร้อมกับภรรยาไม่ได้โดยเฉพาะบทนางร้ายดูแล้วมีความรู้สึกทางลบ แต่เดี๋ยวนี้ผมดูได้แบบไม่ความรู้สึกรับรู้เท่าไรนักและชอบเอาไว้ทดสอบสมาธิ
ทีผมเล่ามาเสียมากมายเพราะผมรู้สึกตัวเองว่าเปลี่ยนไป ทั้งความทุกข์ ความกังวล และความสุข ที่เคยมีมันหายไปไหนหมด มันรู้สึกเฉยๆอย่างไรพิกล หรือผมควรจะไปพบจิตตแพทย์ได้แล้วครับ
อีกอย่างก็คือผมไม่เชื่อเรื่อง นรก-สวรรค์-อิธิฤทธิ เลย เวร-กรรม นิพพาน ก็ค่อยไม่สนิทใจนักครับเพราะเห็นกุศโลบายถูกนำมาใช้จนแยกแยะค่อนข้างยาก
ข้อสงสัยของผมคือผมควรฝึกวิปัสนาต่อไปหรือไปพบจิตตแพทย์ดีครับ และถ้าฝึกวิปัสนาต่อไปควรทำอย่างไรเพราะผมมีความเชื่อพื้ฐานที่ขัดแย้งกับผู้สอนอยู่พอสมควร