จากข่าวที่ 'มูดีส์' แสดงความห่วงใยว่า การเดินหน้าโครงการรับจำนำข้าว ในฤดูเก็บเกี่ยว 2554/55 จะขาดทุนอยู่ที่ 2 แสนล้านบาท
หรือขาดทุน 2 แสนล้านบาท / ปี ซึ่งถึงแม้จะเป็นการนำข่าวหรือข้อมูลจากคนอื่นมาใช้ แต่หน่วยงานอย่าง 'มูดีส์' ย่อมต้องคำนวณเอง
แล้วว่าเป็นไปได้
ตัวเลขปิดบัญชี 31ม.ค.ขาดทุน 2.2 แสนล้าน จากกระทรวงการคลัง นั้นเป็นการคิดรวม 3 โครงการ ซึ่งเท่ากับ 1 ปีครึ่ง
และยังมีสต๊อกข้าวที่เก็บอยู่อีกมูลค่าประมาณ 2 แสนล้าน (ประเมินราคาข้าวสารที่ตันละ 15,000 บาท) ซึ่งเมื่อถึงเวลาขายจริง
ราคาจะตกลงไปเรื่อยๆ ดังนั้นใน 1 ปีครึ่ง จะต้องขาดทุนเพิ่มอีกจนเกิน 2.2 แสนล้าน แน่นอน
ถ้าจะคิดว่ารวมแล้วขาดทุนปีละเท่าไหร่ เพื่อง่ายต่อการประเมินการขาดทุนรวมทั้งโครงการ มาดูคำอธิบาย
มรว ปรีดิยาธร เทวกุล อธิบายว่า การขาดทุนในฤดูเก็บเกี่ยว 2554/55 หรือในรอบ 1 ปี นั้นคิดจาก
1. จำนำข้าวนาปีฤดูกาลผลิต 2554/2555 ขาดทุนจำนวน 42,963 ล้านบาท
2. จำนำข้าวนาปรังฤดูกาลผลิต 2555 ขาดทุนจำนวน 93,933 ล้านบาท
3. การระบายข้าวที่สต๊อกมาในรอบ 1 ปี โดยปกติจะต้องใช้เวลาประมาณ 4 ปี จึงจะหมด ข้าวที่เก็บไว้ราคาจะตกปีละ 10 %
และยังต้องเสียดอกเบี้ยทุกปี รวมเกิดความสูญเสียอีกปีละ 20,000 ล้าน เมื่อถึงเวลาที่ระบายข้าวเฉพาะในฤดูเก็บเกี่ยว 2554/55 หมด
จะขาดทุนเพิ่มอีก 4 ปี x 20,000 ล้าน = 80,000 ล้านบาท
รวมขาดทุน 2.1 แสนล้าน / ปี
..............................................................................................................
แม้จะขาดทุนมากแต่ผมก็ยังคิดว่า จำนำข้าว ดีกว่า ประกันรายได้ เพราะมันช่วยยกระดับรายได้ให้ชาวนาจริงๆ แม้ว่าที่จริงแล้ว
การจัดการระบบชลประทานหรือการเพิ่มผลผลิตต่อไร่ จะเป็นวิธีที่ดีกว่าแต่มันคงเกิดขึ้นได้ยากในยุคที่การเมืองสนใจแต่นโยบายทันใจ
และพรรคประชาธิปัตย์ก็ขาดทั้งนโยบายที่ดีและจริงใจต่อชาวนา
สุดท้ายแล้วผมคิดว่าโครงการรับจำนำข้าวควรทำต่อไป แต่ต้องบริหารจัดการให้ดี ต้องควบคุมตัวเลขขาดทุนไม่ให้มากเกินไป
รวมทั้งต้องดูแลประสิทธิภาพของโครงการว่าเงินนั้นลงไปถึงชาวนากี่ %
ผมคาดเดาว่า จากการที่รัฐยอมขาดทุน 2.1 แสนล้าน / ปี นั้น
1. ชาวนาจะได้ประมาณ 90,000 ล้านบาท
2. เป็นค่าดำเนินการและทุจริต 40,000 ล้านบาท
3. เป็นค่าโง่จากการขายข้าวเก่า 80,000 ล้านบาท
การขาดทุนให้ชาวนาผมเห็นด้วยแต่ควรปรับให้น้อยลงหน่อย และควรให้ทั่วถึงชาวนาทุกคนด้วย โดยอาจจะคิดราคาเป็นขั้นบันได
หรือแจกคูปองให้ชาวนาโดยตรงเลย ค่าดำเนินการและค่าทุจริตยังพอรับได้ในสังคมปัจจุบันนี้ (ถ้ายอมรับความจริง) แต่ก็ควรน้อยลง
แต่ค่าโง่จากการเอาข้าวมาเก็บไว้เยอะๆ แล้วขายไม่ได้ เพราะไปทำให้กลไกตลาดมัันพังเป็นสิ่งที่ต้องแก้ไขทันที
การอ้างว่าขาดทุนให้ชาวนานั้นควรทำ แต่ถ้ามันมากจนเกินไปถึง 2 แสนล้าน / ปี รวม 4 ปี 8 แสนล้าน คุณอยากให้มันเหมือนคดี ปรส หรือ
ตัวเลขขาดทุนจำนำข้าว ปีละ 2 แสนล้าน มาจากไหน ???
หรือขาดทุน 2 แสนล้านบาท / ปี ซึ่งถึงแม้จะเป็นการนำข่าวหรือข้อมูลจากคนอื่นมาใช้ แต่หน่วยงานอย่าง 'มูดีส์' ย่อมต้องคำนวณเอง
แล้วว่าเป็นไปได้
ตัวเลขปิดบัญชี 31ม.ค.ขาดทุน 2.2 แสนล้าน จากกระทรวงการคลัง นั้นเป็นการคิดรวม 3 โครงการ ซึ่งเท่ากับ 1 ปีครึ่ง
และยังมีสต๊อกข้าวที่เก็บอยู่อีกมูลค่าประมาณ 2 แสนล้าน (ประเมินราคาข้าวสารที่ตันละ 15,000 บาท) ซึ่งเมื่อถึงเวลาขายจริง
ราคาจะตกลงไปเรื่อยๆ ดังนั้นใน 1 ปีครึ่ง จะต้องขาดทุนเพิ่มอีกจนเกิน 2.2 แสนล้าน แน่นอน
ถ้าจะคิดว่ารวมแล้วขาดทุนปีละเท่าไหร่ เพื่อง่ายต่อการประเมินการขาดทุนรวมทั้งโครงการ มาดูคำอธิบาย
มรว ปรีดิยาธร เทวกุล อธิบายว่า การขาดทุนในฤดูเก็บเกี่ยว 2554/55 หรือในรอบ 1 ปี นั้นคิดจาก
1. จำนำข้าวนาปีฤดูกาลผลิต 2554/2555 ขาดทุนจำนวน 42,963 ล้านบาท
2. จำนำข้าวนาปรังฤดูกาลผลิต 2555 ขาดทุนจำนวน 93,933 ล้านบาท
3. การระบายข้าวที่สต๊อกมาในรอบ 1 ปี โดยปกติจะต้องใช้เวลาประมาณ 4 ปี จึงจะหมด ข้าวที่เก็บไว้ราคาจะตกปีละ 10 %
และยังต้องเสียดอกเบี้ยทุกปี รวมเกิดความสูญเสียอีกปีละ 20,000 ล้าน เมื่อถึงเวลาที่ระบายข้าวเฉพาะในฤดูเก็บเกี่ยว 2554/55 หมด
จะขาดทุนเพิ่มอีก 4 ปี x 20,000 ล้าน = 80,000 ล้านบาท
รวมขาดทุน 2.1 แสนล้าน / ปี
..............................................................................................................
แม้จะขาดทุนมากแต่ผมก็ยังคิดว่า จำนำข้าว ดีกว่า ประกันรายได้ เพราะมันช่วยยกระดับรายได้ให้ชาวนาจริงๆ แม้ว่าที่จริงแล้ว
การจัดการระบบชลประทานหรือการเพิ่มผลผลิตต่อไร่ จะเป็นวิธีที่ดีกว่าแต่มันคงเกิดขึ้นได้ยากในยุคที่การเมืองสนใจแต่นโยบายทันใจ
และพรรคประชาธิปัตย์ก็ขาดทั้งนโยบายที่ดีและจริงใจต่อชาวนา
สุดท้ายแล้วผมคิดว่าโครงการรับจำนำข้าวควรทำต่อไป แต่ต้องบริหารจัดการให้ดี ต้องควบคุมตัวเลขขาดทุนไม่ให้มากเกินไป
รวมทั้งต้องดูแลประสิทธิภาพของโครงการว่าเงินนั้นลงไปถึงชาวนากี่ %
ผมคาดเดาว่า จากการที่รัฐยอมขาดทุน 2.1 แสนล้าน / ปี นั้น
1. ชาวนาจะได้ประมาณ 90,000 ล้านบาท
2. เป็นค่าดำเนินการและทุจริต 40,000 ล้านบาท
3. เป็นค่าโง่จากการขายข้าวเก่า 80,000 ล้านบาท
การขาดทุนให้ชาวนาผมเห็นด้วยแต่ควรปรับให้น้อยลงหน่อย และควรให้ทั่วถึงชาวนาทุกคนด้วย โดยอาจจะคิดราคาเป็นขั้นบันได
หรือแจกคูปองให้ชาวนาโดยตรงเลย ค่าดำเนินการและค่าทุจริตยังพอรับได้ในสังคมปัจจุบันนี้ (ถ้ายอมรับความจริง) แต่ก็ควรน้อยลง
แต่ค่าโง่จากการเอาข้าวมาเก็บไว้เยอะๆ แล้วขายไม่ได้ เพราะไปทำให้กลไกตลาดมัันพังเป็นสิ่งที่ต้องแก้ไขทันที
การอ้างว่าขาดทุนให้ชาวนานั้นควรทำ แต่ถ้ามันมากจนเกินไปถึง 2 แสนล้าน / ปี รวม 4 ปี 8 แสนล้าน คุณอยากให้มันเหมือนคดี ปรส หรือ