ระบอบทักษิณกำลังเสื่อม
ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง
ศาสตราภิชาน มหาวิทยาลัยรังสิต
รัฐบาลหุ่นเชิดของระบอบทักษิณ เข้ามายึดครองอำนาจรัฐตั้งแต่กรกฎาคม 2554 จนถึงปัจจุบัน
ยิ่งบริหารประเทศไป ดูเหมือนประชาชนคนไทยจะยิ่งรู้เท่าทันเพิ่มมากขึ้น
รู้เช่นเห็นชาติมากขึ้น
เพราะผลงานการบริหารราชการแผ่นดิน สะท้อนชัดถึงความล้มเหลวในการแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ไม่ว่าจะเป็น ปัญหาค่าครองชีพ หนี้สินท่วมแผ่นดิน สวนทางกับนโยบายหาเสียงของพรรคเพื่อไทย ซ้ำยังเต็มไปด้วยข้อครหาเรื่องทุจริตคอรัปชั่นอย่างมหากาฬ
ยิ่งกว่านั้น พฤติกรรมการใช้อำนาจรัฐเพื่อประโยชน์ของตนเองและพรรคพวก บริหารเพื่อให้ทักษิณกลับมามีอำนาจ ล้างผิดให้ทักษิณ ล้างบางข้าราชการน้ำดี ก็เป็นตัวเร่งที่ทำให้ประชาชนที่รู้เท่าทันเริ่มขยับตัว เกิดกระบวนการขจัดระบอบทักษิณ ล้มชินวัตร ในรูปแบบต่างๆ แพร่ขยายไปทั่วประเทศ เกือบทุกจังหวัด
1) ความพยายามฟื้นฟูระบอบทักษิณ และช่วยพวกตนไม่ต้องรับโทษ ล้มเหลว
การพยายามนิรโทษกรรมล้างผิด โดยอ้างความปรองดอง ถูกจับได้ไล่ทันว่าเป็นการกระทำที่มีเจตนาจะให้ทักษิณ ชินวัตร ได้ผลประโยชน์ ไม่ต้องรับโทษจำคุกตามคำพิพากษาของศาลฎีกาฯ และลบล้างคำพิพากษาคดียึดทรัพย์อันได้มาโดยมิชอบให้ตกเป็นของแผ่นดิน ร่ำรวยผิดปกติ 46,000 ล้านบาท เปิดทางให้ทักษิณทวงเงินคืน
การพยายามจะล้มรัฐธรรมนูญ 2550 แก้ไขเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญทั้งฉบับต้องชะงักงัน แม้พยายามจะแก้รายมาตราก็ยังล่าช้า ประชาชนเห็นเจตนาว่านักการเมืองระบอบทักษิณกำลังจะแก้รัฐธรรมนูญเพื่อพรรคพวกของตนเอง ไม่ใช่ทำเพื่อส่วนรวม ประชาชนไม่ได้ประโยชน์
ความพยายามแทรกแซง แทรกซึม ยึดกุมอำนาจฝ่ายตุลาการไม่ประสบผลสำเร็จเด็ดขาด ศาลยุติธรรม ศาลปกครอง ศาลรัฐธรรมนูญ ยังขัดขืนการยึดครองของระบอบทักษิณ ขณะนี้จึงได้มีอันธพาล ลิ่วล้อ ขี้ข้าทักษิณกระทำการข่มขู่ คุกคาม โจมตี หวังทำลายความน่าเชื่อถือของศาล โดยเฉพาะศาลรัฐธรรมนูญที่ไม่มีกฎหมายคุ้มครองเข้มงวดเหมือนศาลยุติธรรม
เช่นเดียวกับความพยายามโจมตีองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะ ป.ป.ช. รวมไปถึงหน่วยงานสำคัญที่ดูแลนโยบายการเงินของประเทศ ได้แก่ ธนาคารแห่งประเทศไทย (แบงก์ชาติ) ระบอบทักษิณพยายามทุกวิถีทางที่จะยึดครอง เมื่อยังยึดไม่ได้ก็ใช้วิธีโจมตี บ่อนทำลายความน่าเชื่อถือ
กระบวนการทั้งหมดนี้ จะเห็นว่าประชาชนรู้เท่าทันมากขึ้น มีขบวนการไทยสปริงส์ กลุ่มหน้ากากขาว กลุ่มรวมพัฒนาชาติไทย (กลุ่มดาวแดง) มีกลุ่มย่อยต่างๆ ทั้งใน กทม. ต่างจังหวัด ต่างประเทศ ยังไม่นับรวมเวทีผ่าความจริงที่มีพรรคฝ่ายค้านตระเวนไปตามจังหวัดต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ
จนวันนี้ ทักษิณที่เคยประกาศจะกลับบ้านอย่างเท่ห์ๆ เคยถีบหัวเรื่องส่งขบวนการเสื้อแดง “พี่น้องพายเรือมาส่งผมขึ้นฝั่งแล้ว จะแบกเรือตามผมขึ้นมาทำไม..” กลับยังต้องออดอ้อน ปลุกปั่น พยายามหว่านล้อมคนเสื้อแดงให้ช่วยเหลือตนเองต่อไป
2) การบริหารเศรษฐกิจล้มเหลว
ปัญหาของแพง กระชากค่าครองชีพรัดคอประชาชน น้ำมันแพง ก๊าซหุงต้มจะขึ้นราคา ไข่ไก่ราคาแพง ฯลฯ การสร้างภาพด้วยร้านถูกใจหรือโชว์สวยไม่ช่วยแก้ปัญหาได้อย่างแท้จริง
รายได้ของประชาชนโตไม่ทันค่าครองชีพ รวมถึงราคายางพาราตกต่ำ ราคาปาล์มน้ำมันตกต่ำ การแก้ปัญหาของรัฐบาลล้มเหลว ทั้งๆ ที่ ถลุงเงินแผ่นดินไปหลายหมื่นล้านบาท
โครงการจำนำข้าวล้มเหลว ทำให้การส่งออกตกต่ำ ทั้งในแง่ปริมาณข้าวส่งออกและมูลค่าเงินที่ได้จากการส่งออกข้าว สูญเสียตลาดส่งออก ซึ่งยากที่จะทวงคืนกลับมาได้ ทำลายระบบค้าข้าวและการพัฒนาสายพันธุ์ เปิดช่องให้มีการทุจริตโกงกินมโหฬาร
นอกจากรัฐบาลหุ่นเชิดทักษิณจะสร้างหนี้ กู้เงินสูงสุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย โดยจะทำให้คนไทยแบกหนี้มากกว่า 5 ล้านล้าน นานครึ่งศตวรรษแล้ว หนี้ครัวเรือนยังพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ จากนโยบายกระตุ้นให้คนเป็นหนี้ ทำลายการออมของประเทศ
นโยบายประชานิยมของระบอบทักษิณในยุคนี้ เป็นประชานิยมแบบล้างผลาญลูกเดียว ไม่คิดหน้าคิดหลัง ไม่ว่าจะเป็น รถคันแรก แจกแทปเล็ต ฯลฯ ทำไปเกิดปัญหาตามมายุบยับ
ระดับความโปร่งใสแย่ลง โกงกินมากขึ้น
3) ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน แย่ลง
การแก้ปัญหาน้ำท่วมใหญ่ล้มเหลว เสียหายใหญ่หลวงกว่าที่ควรจะเป็น เพราะขาดความสามารถบริหารจัดการ แทนที่จะสรุปบทเรียนความล้มเหลวในการบริหารจัดการ กลับฉวยโอกาสกู้เงิน 350,000 ล้านบาท โดยเอาความเสียหายดังกล่าวมาข่มขู่กดดันประชาชน
สถานการณ์ไฟฟ้าดับในวงกว้างทั่วพื้นที่ภาคใต้ และในหลายจังหวัดยังดับบ่อย อย่างไม่เคยมีมาก่อน กระทบต่อความเชื่อมั่นในการลงทุนและการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ
สถานการณ์ความรุนแรงในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้หนักหน่วงลุกโชน ประชาชนเสียชีวิตรายวัน เจ้าหน้าที่ถูกฆ่าอุกอาจ พื้นที่สำคัญทางเศรษฐกิจกลายเป็นสมรภูมิ นโยบายเจรจากับผู้ก่อความไม่สงบอย่างเป็นทางการผิดพลาดร้ายแรง
ปัญหาสังคมรุนแรงมากขึ้น สะท้อนความอ่อนแอ เปราะบาง ไม่ว่าจะเป็นปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พร้อม บ่อนการพนัน อาชญากรรม จี้ปล้น ขโมย ฆ่ากันตาย สินค้าหนีภาษี รถหรูเลี่ยงภาษี ยาเสพติด ฯลฯ
4) การต่างประเทศล้มเหลว เป็นที่ขบขันของนานาชาติ
นายกรัฐมนตรีของไทยสนใจแต่การออกเดินสาย เดินทางเที่ยวไปเยือนประเทศต่างๆ แต่งตัวสวย ถ่ายรูป สร้างภาพว่าอินเตอร์ แต่การพูดจาและการเจรจาของนายกฯ สะท้อนความไม่เข้าใจประเด็นปัญหาจริงๆ ไม่เข้าใจสังคมการเมืองระหว่างประเทศ พูดจาผิดๆ ถูกๆ
นายกฯ ยังแสดงวาจาว่าร้ายประเทศไทย เพียงเพราะต้องการประโยชน์ของคนในตระกูล
นอกจากนี้ การทำงานของกระทรวงการต่างประเทศยังเอื้อประโยชน์แก่ทักษิณ ชินวัตร ไม่ว่าจะกรณีพาสปอตของทักษิณ หรือเรื่องวีซ่าเข้าญี่ปุ่นของทักษิณ
การไปขึ้นศาลโลก คดีปราสาทพระวิหาร รัฐมนตรีกลายเป็นไม้ประดับ แถมคนไทยยังรู้สึกเป็นห่วงว่าจะเป็นจุดอ่อนด้วยซ้ำ
5) ข้าราชการอึดอัดไม่พอใจ
การบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลมีการเล่นพรรคเล่นพวก ไม่ตั้งอยู่บนหลักธรรมาภิบาล
คนดีถูกทำให้ไม่มีที่ยืน
ข้าราชการถูกบีบบังคับ กดขี่ ตีเมืองขึ้น เสมือนขี้ข้าในสายตานักการเมือง
กรณีนายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการ สมช. ถูกโยกย้ายด้วยกระบวนการไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ข้าราชการน้ำดีในหลายภาคส่วนเริ่มลุกขึ้นมาต่อต้านนโยบายและการใช้อำนาจมิชอบของรัฐบาล เช่น กรณีชมรมแพทย์ชนบท ปฏิกิริยาจากการปลด ผอ.องค์การเภสัชกรรม กรณีข้าราชการ สวทช.กระทรวงวิทยาศาสตร์ เป็นต้น
6) คณะผู้บริหารประเทศ มีคุณภาพระดับ 2-3 (เหมือนสินค้าเกรดต่ำ)
นายกรัฐมนตรี - เป็นคนที่ไม่เคยสนใจเรื่องบ้านเมือง ขาดประสบการณ์ ไม่รอบรู้เรื่องสังคม เศรษฐกิจไทย ขาดองค์ความรู้ระหว่างประเทศ ไม่เข้าใจระบบบริหารราชการ การทำงานในสภาน้อยมาก ไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับปัญหาความทุกข์ร้อนของประชาชน ทำตัวสวย นวยนาด กรีดกราย พูดผิดๆ ถูกๆ
สร้างปรากฏการณ์ใหม่ที่สังคมหันมาด่าทอนายกฯ อย่างดุเดือดเร็ว มีการใช้ภาษาชาวบ้าน เรียกว่า “E” ภายในเวลาอันรวดเร็ว
ระดับรองนายกฯ 6 คน - มือไม่ถึง ถ้าได้เป็นแค่รัฐมนตรีก็นับว่ามากไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็น ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง, นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง, นายปลอดประสพ สุรัสวดี, นายสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล, นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา หรือนายยุคล ลิ้มแหลมทอง
บางคน พูดจาโกหก ตะลบตะแลง อ้างโกหกสีขาว คุยโวเกินจริง หลอกว่าจำนำข้าวจะขาดทุนไม่เกิน 60,000 ล้าน แต่ขาดทุนจริงมากกว่า 200,000 ล้านบาท
บางคน ถนัดข่มขู่ แบล็คเมล์ ประกาศตัวเป็น “ขี้ข้าทักษิณ” ไร้ศักดิ์ศรีของความเป็นรองนายกรัฐมนตรี
บางคน พูดจาหยาบคาย กักขฬะ ด่าประชาชนว่า “ไอ้” – “
” แถมดูถูกข่มขู่ประชาชนชาวภูเก็ตว่าไม่มีอารมณ์จะสร้างศูนย์ประชุมให้ ถ้ายังไม่เลือกพรรคเพื่อไทย
ระดับรัฐมนตรีแต่ละกระทรวง –ส่วนมากก็เป็นแค่ระดับเจ้าหน้าที่ในสำนักงาน
ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงพาณิชย์ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์, กระทรวงวิทยาศาสตร์ นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญากุล, กระทรวงไอซีที น.ต.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ, กระทรวงมหาดไทย นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ, กระทรวงอุตสาหกรรม นายประเสริฐ บุญชัยสุข, กระทรวงแรงงาน นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์, กระทรวงวัฒนธรรม นายสนธยา คุณปลื้ม, กระทรวงยุติธรรม พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก, กระทรวงพัฒนาสังคมฯ นายสันติ พร้อมพัฒน์, กระทรวงเกษตรฯ นายยุคล ลิ้มแหลมทอง, กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข, กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา นายสมศักย์ ภูรีศรีศักดิ์ ฯลฯ
แต่ละกระทรวง ยังหาผลงานไม่ได้เลย
แต่ละคน คุณภาพระดับที่ให้เป็นผู้บริหารบริษัท ใครจะเอา
7) สัญญาณบอกเหตุความเสื่อมสภาพจากคนในรัฐบาล
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง น่าจะรู้ตัวว่าจากสัญญาณของนักธุรกิจว่ารัฐบาลกำลังตกต่ำ จึงออกมาให้สัมภาษณ์ถึงความเคลื่อนไหวทางการเมืองของกลุ่มต่อต้านรัฐบาลว่า “บริษัทน้ำเมา บริษัทขายไก่ขายเป็ด บริษัทธนาคาร” ถ้าไม่สนับสนุนการเคลื่อนไหวจะไม่รุนแรง และยังกล่าวอีกว่า “อดีตนักธุรกิจสื่อสารที่ได้เมียสวย มีข่าวไปทั้งประเทศ ยังพยายามไปสนับสนุน” อย่าเอาเงินส่งมาให้ไอ้ “ส.”คนทำสถานีวิทยุ
แถมยังข่มขู่ ในลักษณะที่เข้าใจได้ว่าแบล็คเมล์ “ไอ้บริษัทน้ำเมาหลีกเลี่ยงภาษี ผลิตเหล้าสี แต่เสียภาษีเหล้าขาว วันนี้ตนจะถามผู้ว่าราชการจังหวัดว่าจังหวัดไหนที่มีโรงเหล้าแล้วประชาชนเดือดร้อน ผู้ว่าราชการจังหวัดอยู่เฉยได้อย่างไร”
อาการของรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง กำลังส่อสะท้อนความรู้สึกไม่มั่นคงของรัฐบาล
8) ผู้คนอึดอัด คับข้องใจ ลุกขึ้นปกป้องบ้านเมือง
ขณะที่ประชาชนที่รู้เท่าทันไม่อยู่นิ่งเฉยอีกต่อไปแล้ว
แสดงออก ประกาศปกป้องศาล ปกป้องการทำหน้าที่ขององค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ
ปกป้องสถาบันกษัตริย์
ปกป้องกองทัพ (แทนที่กองทัพจะปกป้อง)
มีการรวมตัวในรูปแบบต่างๆ ในภาคส่วนประชาสังคมด้วยกันเอง
แม้พึ่งสื่อสารมวลชนกระแสหลักไม่ได้ ก็ใช้โซเชียลมีเดียอย่างได้ผล มีอิทธิฤทธิ์ ดังปรากฏการณ์ “หน้ากากขาว” ทั้งในกรุงเทพฯ ต่างจังหวัด ต่างประเทศ กลุ่มไทยสปริงส์ และกลุ่มต่างๆ อีกมากมาย รวมถึงการตีแผ่ข้อมูล นำเสนอข่าวสารผ่านทีวีดาวเทียมบางสถานีที่ไม่ถูกควบคุมโดยอำนาจรัฐบาล
จุดจบของระบอบทักษิณ
ระบอบทักษิณคงกลับมายาก และกำลังเสื่อมทรุด เสื่อมถอย
คนเสื้อแดงจำนวนมากเริ่มรู้ทัน โดยเฉพาะคนที่เห็นพฤติกรรมของแกนนำสู้แล้วรวย สู้แล้วเสวยสุขเป็นอำมาตย์ ตระบัดสัตย์เป็นว่าเล่น เสื้อแดงถอยออกมาห่าง จัดชุมนุมไม่ติด ถ้าไม่มีเงินคนจะน้อย
ขณะที่การบริหารบ้านเมืองของรัฐบาลหุ่นเชิดทักษิณกำลังย่ำแย่ เดินต่อไม่ไหว
ทั้งๆ ที่ ไม่มีฝ่ายต่อต้านออกมาขัดขวางการทำงานตามพื้นที่ต่างๆ เหมือนในยุครัฐบาลชุดที่แล้ว
ยิ่งอยู่ในอำนาจ คะแนนนิยมยิ่งถดถอย
ประเทศชาติกำลังจะเละคามือรัฐบาลยิ่งลักษณ์
ทักษิณคงกลับมาได้ยาก หมดเงิน เสียเวลาไปเรื่อยๆ ถูกแกนนำเสื้อแดงและนักการเมืองขี้ข้า “แปลงทักษิณเป็นทุน” ต่อไปเรื่อยๆ
ถึงมีโอกาสกลับมาจริงๆ ก็คงกลัว...
เขาทำกับบ้านเมืองไว้ขนาดนั้น คงกลัวจะมีคน “แปลงทักษิณเป็นจุล”!
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=466295573461664&id=181318038626087
ระบอบทักษิณกำลังเสื่อม
ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง
ศาสตราภิชาน มหาวิทยาลัยรังสิต
รัฐบาลหุ่นเชิดของระบอบทักษิณ เข้ามายึดครองอำนาจรัฐตั้งแต่กรกฎาคม 2554 จนถึงปัจจุบัน
ยิ่งบริหารประเทศไป ดูเหมือนประชาชนคนไทยจะยิ่งรู้เท่าทันเพิ่มมากขึ้น
รู้เช่นเห็นชาติมากขึ้น
เพราะผลงานการบริหารราชการแผ่นดิน สะท้อนชัดถึงความล้มเหลวในการแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ไม่ว่าจะเป็น ปัญหาค่าครองชีพ หนี้สินท่วมแผ่นดิน สวนทางกับนโยบายหาเสียงของพรรคเพื่อไทย ซ้ำยังเต็มไปด้วยข้อครหาเรื่องทุจริตคอรัปชั่นอย่างมหากาฬ
ยิ่งกว่านั้น พฤติกรรมการใช้อำนาจรัฐเพื่อประโยชน์ของตนเองและพรรคพวก บริหารเพื่อให้ทักษิณกลับมามีอำนาจ ล้างผิดให้ทักษิณ ล้างบางข้าราชการน้ำดี ก็เป็นตัวเร่งที่ทำให้ประชาชนที่รู้เท่าทันเริ่มขยับตัว เกิดกระบวนการขจัดระบอบทักษิณ ล้มชินวัตร ในรูปแบบต่างๆ แพร่ขยายไปทั่วประเทศ เกือบทุกจังหวัด
1) ความพยายามฟื้นฟูระบอบทักษิณ และช่วยพวกตนไม่ต้องรับโทษ ล้มเหลว
การพยายามนิรโทษกรรมล้างผิด โดยอ้างความปรองดอง ถูกจับได้ไล่ทันว่าเป็นการกระทำที่มีเจตนาจะให้ทักษิณ ชินวัตร ได้ผลประโยชน์ ไม่ต้องรับโทษจำคุกตามคำพิพากษาของศาลฎีกาฯ และลบล้างคำพิพากษาคดียึดทรัพย์อันได้มาโดยมิชอบให้ตกเป็นของแผ่นดิน ร่ำรวยผิดปกติ 46,000 ล้านบาท เปิดทางให้ทักษิณทวงเงินคืน
การพยายามจะล้มรัฐธรรมนูญ 2550 แก้ไขเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญทั้งฉบับต้องชะงักงัน แม้พยายามจะแก้รายมาตราก็ยังล่าช้า ประชาชนเห็นเจตนาว่านักการเมืองระบอบทักษิณกำลังจะแก้รัฐธรรมนูญเพื่อพรรคพวกของตนเอง ไม่ใช่ทำเพื่อส่วนรวม ประชาชนไม่ได้ประโยชน์
ความพยายามแทรกแซง แทรกซึม ยึดกุมอำนาจฝ่ายตุลาการไม่ประสบผลสำเร็จเด็ดขาด ศาลยุติธรรม ศาลปกครอง ศาลรัฐธรรมนูญ ยังขัดขืนการยึดครองของระบอบทักษิณ ขณะนี้จึงได้มีอันธพาล ลิ่วล้อ ขี้ข้าทักษิณกระทำการข่มขู่ คุกคาม โจมตี หวังทำลายความน่าเชื่อถือของศาล โดยเฉพาะศาลรัฐธรรมนูญที่ไม่มีกฎหมายคุ้มครองเข้มงวดเหมือนศาลยุติธรรม
เช่นเดียวกับความพยายามโจมตีองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะ ป.ป.ช. รวมไปถึงหน่วยงานสำคัญที่ดูแลนโยบายการเงินของประเทศ ได้แก่ ธนาคารแห่งประเทศไทย (แบงก์ชาติ) ระบอบทักษิณพยายามทุกวิถีทางที่จะยึดครอง เมื่อยังยึดไม่ได้ก็ใช้วิธีโจมตี บ่อนทำลายความน่าเชื่อถือ
กระบวนการทั้งหมดนี้ จะเห็นว่าประชาชนรู้เท่าทันมากขึ้น มีขบวนการไทยสปริงส์ กลุ่มหน้ากากขาว กลุ่มรวมพัฒนาชาติไทย (กลุ่มดาวแดง) มีกลุ่มย่อยต่างๆ ทั้งใน กทม. ต่างจังหวัด ต่างประเทศ ยังไม่นับรวมเวทีผ่าความจริงที่มีพรรคฝ่ายค้านตระเวนไปตามจังหวัดต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ
จนวันนี้ ทักษิณที่เคยประกาศจะกลับบ้านอย่างเท่ห์ๆ เคยถีบหัวเรื่องส่งขบวนการเสื้อแดง “พี่น้องพายเรือมาส่งผมขึ้นฝั่งแล้ว จะแบกเรือตามผมขึ้นมาทำไม..” กลับยังต้องออดอ้อน ปลุกปั่น พยายามหว่านล้อมคนเสื้อแดงให้ช่วยเหลือตนเองต่อไป
2) การบริหารเศรษฐกิจล้มเหลว
ปัญหาของแพง กระชากค่าครองชีพรัดคอประชาชน น้ำมันแพง ก๊าซหุงต้มจะขึ้นราคา ไข่ไก่ราคาแพง ฯลฯ การสร้างภาพด้วยร้านถูกใจหรือโชว์สวยไม่ช่วยแก้ปัญหาได้อย่างแท้จริง
รายได้ของประชาชนโตไม่ทันค่าครองชีพ รวมถึงราคายางพาราตกต่ำ ราคาปาล์มน้ำมันตกต่ำ การแก้ปัญหาของรัฐบาลล้มเหลว ทั้งๆ ที่ ถลุงเงินแผ่นดินไปหลายหมื่นล้านบาท
โครงการจำนำข้าวล้มเหลว ทำให้การส่งออกตกต่ำ ทั้งในแง่ปริมาณข้าวส่งออกและมูลค่าเงินที่ได้จากการส่งออกข้าว สูญเสียตลาดส่งออก ซึ่งยากที่จะทวงคืนกลับมาได้ ทำลายระบบค้าข้าวและการพัฒนาสายพันธุ์ เปิดช่องให้มีการทุจริตโกงกินมโหฬาร
นอกจากรัฐบาลหุ่นเชิดทักษิณจะสร้างหนี้ กู้เงินสูงสุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย โดยจะทำให้คนไทยแบกหนี้มากกว่า 5 ล้านล้าน นานครึ่งศตวรรษแล้ว หนี้ครัวเรือนยังพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ จากนโยบายกระตุ้นให้คนเป็นหนี้ ทำลายการออมของประเทศ
นโยบายประชานิยมของระบอบทักษิณในยุคนี้ เป็นประชานิยมแบบล้างผลาญลูกเดียว ไม่คิดหน้าคิดหลัง ไม่ว่าจะเป็น รถคันแรก แจกแทปเล็ต ฯลฯ ทำไปเกิดปัญหาตามมายุบยับ
ระดับความโปร่งใสแย่ลง โกงกินมากขึ้น
3) ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน แย่ลง
การแก้ปัญหาน้ำท่วมใหญ่ล้มเหลว เสียหายใหญ่หลวงกว่าที่ควรจะเป็น เพราะขาดความสามารถบริหารจัดการ แทนที่จะสรุปบทเรียนความล้มเหลวในการบริหารจัดการ กลับฉวยโอกาสกู้เงิน 350,000 ล้านบาท โดยเอาความเสียหายดังกล่าวมาข่มขู่กดดันประชาชน
สถานการณ์ไฟฟ้าดับในวงกว้างทั่วพื้นที่ภาคใต้ และในหลายจังหวัดยังดับบ่อย อย่างไม่เคยมีมาก่อน กระทบต่อความเชื่อมั่นในการลงทุนและการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ
สถานการณ์ความรุนแรงในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้หนักหน่วงลุกโชน ประชาชนเสียชีวิตรายวัน เจ้าหน้าที่ถูกฆ่าอุกอาจ พื้นที่สำคัญทางเศรษฐกิจกลายเป็นสมรภูมิ นโยบายเจรจากับผู้ก่อความไม่สงบอย่างเป็นทางการผิดพลาดร้ายแรง
ปัญหาสังคมรุนแรงมากขึ้น สะท้อนความอ่อนแอ เปราะบาง ไม่ว่าจะเป็นปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พร้อม บ่อนการพนัน อาชญากรรม จี้ปล้น ขโมย ฆ่ากันตาย สินค้าหนีภาษี รถหรูเลี่ยงภาษี ยาเสพติด ฯลฯ
4) การต่างประเทศล้มเหลว เป็นที่ขบขันของนานาชาติ
นายกรัฐมนตรีของไทยสนใจแต่การออกเดินสาย เดินทางเที่ยวไปเยือนประเทศต่างๆ แต่งตัวสวย ถ่ายรูป สร้างภาพว่าอินเตอร์ แต่การพูดจาและการเจรจาของนายกฯ สะท้อนความไม่เข้าใจประเด็นปัญหาจริงๆ ไม่เข้าใจสังคมการเมืองระหว่างประเทศ พูดจาผิดๆ ถูกๆ
นายกฯ ยังแสดงวาจาว่าร้ายประเทศไทย เพียงเพราะต้องการประโยชน์ของคนในตระกูล
นอกจากนี้ การทำงานของกระทรวงการต่างประเทศยังเอื้อประโยชน์แก่ทักษิณ ชินวัตร ไม่ว่าจะกรณีพาสปอตของทักษิณ หรือเรื่องวีซ่าเข้าญี่ปุ่นของทักษิณ
การไปขึ้นศาลโลก คดีปราสาทพระวิหาร รัฐมนตรีกลายเป็นไม้ประดับ แถมคนไทยยังรู้สึกเป็นห่วงว่าจะเป็นจุดอ่อนด้วยซ้ำ
5) ข้าราชการอึดอัดไม่พอใจ
การบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลมีการเล่นพรรคเล่นพวก ไม่ตั้งอยู่บนหลักธรรมาภิบาล
คนดีถูกทำให้ไม่มีที่ยืน
ข้าราชการถูกบีบบังคับ กดขี่ ตีเมืองขึ้น เสมือนขี้ข้าในสายตานักการเมือง
กรณีนายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการ สมช. ถูกโยกย้ายด้วยกระบวนการไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ข้าราชการน้ำดีในหลายภาคส่วนเริ่มลุกขึ้นมาต่อต้านนโยบายและการใช้อำนาจมิชอบของรัฐบาล เช่น กรณีชมรมแพทย์ชนบท ปฏิกิริยาจากการปลด ผอ.องค์การเภสัชกรรม กรณีข้าราชการ สวทช.กระทรวงวิทยาศาสตร์ เป็นต้น
6) คณะผู้บริหารประเทศ มีคุณภาพระดับ 2-3 (เหมือนสินค้าเกรดต่ำ)
นายกรัฐมนตรี - เป็นคนที่ไม่เคยสนใจเรื่องบ้านเมือง ขาดประสบการณ์ ไม่รอบรู้เรื่องสังคม เศรษฐกิจไทย ขาดองค์ความรู้ระหว่างประเทศ ไม่เข้าใจระบบบริหารราชการ การทำงานในสภาน้อยมาก ไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับปัญหาความทุกข์ร้อนของประชาชน ทำตัวสวย นวยนาด กรีดกราย พูดผิดๆ ถูกๆ
สร้างปรากฏการณ์ใหม่ที่สังคมหันมาด่าทอนายกฯ อย่างดุเดือดเร็ว มีการใช้ภาษาชาวบ้าน เรียกว่า “E” ภายในเวลาอันรวดเร็ว
ระดับรองนายกฯ 6 คน - มือไม่ถึง ถ้าได้เป็นแค่รัฐมนตรีก็นับว่ามากไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็น ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง, นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง, นายปลอดประสพ สุรัสวดี, นายสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล, นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา หรือนายยุคล ลิ้มแหลมทอง
บางคน พูดจาโกหก ตะลบตะแลง อ้างโกหกสีขาว คุยโวเกินจริง หลอกว่าจำนำข้าวจะขาดทุนไม่เกิน 60,000 ล้าน แต่ขาดทุนจริงมากกว่า 200,000 ล้านบาท
บางคน ถนัดข่มขู่ แบล็คเมล์ ประกาศตัวเป็น “ขี้ข้าทักษิณ” ไร้ศักดิ์ศรีของความเป็นรองนายกรัฐมนตรี
บางคน พูดจาหยาบคาย กักขฬะ ด่าประชาชนว่า “ไอ้” – “” แถมดูถูกข่มขู่ประชาชนชาวภูเก็ตว่าไม่มีอารมณ์จะสร้างศูนย์ประชุมให้ ถ้ายังไม่เลือกพรรคเพื่อไทย
ระดับรัฐมนตรีแต่ละกระทรวง –ส่วนมากก็เป็นแค่ระดับเจ้าหน้าที่ในสำนักงาน
ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงพาณิชย์ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์, กระทรวงวิทยาศาสตร์ นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญากุล, กระทรวงไอซีที น.ต.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ, กระทรวงมหาดไทย นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ, กระทรวงอุตสาหกรรม นายประเสริฐ บุญชัยสุข, กระทรวงแรงงาน นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์, กระทรวงวัฒนธรรม นายสนธยา คุณปลื้ม, กระทรวงยุติธรรม พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก, กระทรวงพัฒนาสังคมฯ นายสันติ พร้อมพัฒน์, กระทรวงเกษตรฯ นายยุคล ลิ้มแหลมทอง, กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข, กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา นายสมศักย์ ภูรีศรีศักดิ์ ฯลฯ
แต่ละกระทรวง ยังหาผลงานไม่ได้เลย
แต่ละคน คุณภาพระดับที่ให้เป็นผู้บริหารบริษัท ใครจะเอา
7) สัญญาณบอกเหตุความเสื่อมสภาพจากคนในรัฐบาล
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง น่าจะรู้ตัวว่าจากสัญญาณของนักธุรกิจว่ารัฐบาลกำลังตกต่ำ จึงออกมาให้สัมภาษณ์ถึงความเคลื่อนไหวทางการเมืองของกลุ่มต่อต้านรัฐบาลว่า “บริษัทน้ำเมา บริษัทขายไก่ขายเป็ด บริษัทธนาคาร” ถ้าไม่สนับสนุนการเคลื่อนไหวจะไม่รุนแรง และยังกล่าวอีกว่า “อดีตนักธุรกิจสื่อสารที่ได้เมียสวย มีข่าวไปทั้งประเทศ ยังพยายามไปสนับสนุน” อย่าเอาเงินส่งมาให้ไอ้ “ส.”คนทำสถานีวิทยุ
แถมยังข่มขู่ ในลักษณะที่เข้าใจได้ว่าแบล็คเมล์ “ไอ้บริษัทน้ำเมาหลีกเลี่ยงภาษี ผลิตเหล้าสี แต่เสียภาษีเหล้าขาว วันนี้ตนจะถามผู้ว่าราชการจังหวัดว่าจังหวัดไหนที่มีโรงเหล้าแล้วประชาชนเดือดร้อน ผู้ว่าราชการจังหวัดอยู่เฉยได้อย่างไร”
อาการของรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง กำลังส่อสะท้อนความรู้สึกไม่มั่นคงของรัฐบาล
8) ผู้คนอึดอัด คับข้องใจ ลุกขึ้นปกป้องบ้านเมือง
ขณะที่ประชาชนที่รู้เท่าทันไม่อยู่นิ่งเฉยอีกต่อไปแล้ว
แสดงออก ประกาศปกป้องศาล ปกป้องการทำหน้าที่ขององค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ
ปกป้องสถาบันกษัตริย์
ปกป้องกองทัพ (แทนที่กองทัพจะปกป้อง)
มีการรวมตัวในรูปแบบต่างๆ ในภาคส่วนประชาสังคมด้วยกันเอง
แม้พึ่งสื่อสารมวลชนกระแสหลักไม่ได้ ก็ใช้โซเชียลมีเดียอย่างได้ผล มีอิทธิฤทธิ์ ดังปรากฏการณ์ “หน้ากากขาว” ทั้งในกรุงเทพฯ ต่างจังหวัด ต่างประเทศ กลุ่มไทยสปริงส์ และกลุ่มต่างๆ อีกมากมาย รวมถึงการตีแผ่ข้อมูล นำเสนอข่าวสารผ่านทีวีดาวเทียมบางสถานีที่ไม่ถูกควบคุมโดยอำนาจรัฐบาล
จุดจบของระบอบทักษิณ
ระบอบทักษิณคงกลับมายาก และกำลังเสื่อมทรุด เสื่อมถอย
คนเสื้อแดงจำนวนมากเริ่มรู้ทัน โดยเฉพาะคนที่เห็นพฤติกรรมของแกนนำสู้แล้วรวย สู้แล้วเสวยสุขเป็นอำมาตย์ ตระบัดสัตย์เป็นว่าเล่น เสื้อแดงถอยออกมาห่าง จัดชุมนุมไม่ติด ถ้าไม่มีเงินคนจะน้อย
ขณะที่การบริหารบ้านเมืองของรัฐบาลหุ่นเชิดทักษิณกำลังย่ำแย่ เดินต่อไม่ไหว
ทั้งๆ ที่ ไม่มีฝ่ายต่อต้านออกมาขัดขวางการทำงานตามพื้นที่ต่างๆ เหมือนในยุครัฐบาลชุดที่แล้ว
ยิ่งอยู่ในอำนาจ คะแนนนิยมยิ่งถดถอย
ประเทศชาติกำลังจะเละคามือรัฐบาลยิ่งลักษณ์
ทักษิณคงกลับมาได้ยาก หมดเงิน เสียเวลาไปเรื่อยๆ ถูกแกนนำเสื้อแดงและนักการเมืองขี้ข้า “แปลงทักษิณเป็นทุน” ต่อไปเรื่อยๆ
ถึงมีโอกาสกลับมาจริงๆ ก็คงกลัว...
เขาทำกับบ้านเมืองไว้ขนาดนั้น คงกลัวจะมีคน “แปลงทักษิณเป็นจุล”!
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=466295573461664&id=181318038626087