เข้าใจว่าเจ้าของกระทู้ จะต้องการถาม การคำนวนตัวเลข Se Index หรือป่าวคับ

ถ้าเป็นราคาหุ้น ก็เป็นเรื่อง ของดีมานด์ซัพลายที่ว่า ครับ คนอยากซื้อมากก็เคาะซื้อฝั่ง ที Offer ตั้งขายไว้ ถ้าเคาะกันไปจนหมดแล้ว ก็เคาะสูงเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ  หรือ ถ้ากรณีอยากขาย ก็ขายลงไปที่ราคา Bid ถ้าหมดแล้วก็เคาะขายลงต่ำไปเรื่อยๆ  หรือ บางครั้ง ราคามันไม่ถึงคิวแม้ท ก็ ตั้งรอไว้ ราคาสุดท้าย ที่จับคู่กันตอนปิด ก็เป็นราคาปิดวันนั้น (หลักการคิดราคาปิด ก็มีหลัก ในการคิดดูได้ในเว็บ SET ครับ)

แต่ถ้าเป็น ดัชนี ตลาด หรือ SET Index อันนี้ เค้าจะนำราคาหุ้นแต่ล่ะตัว มาคิดโดยถ่วงน้ำหนัก มูลค่าหุ้นในตลาดนั้น มาคำนวนด้วยโดยอิง ราคาพื้นฐาน ตั้งแต่เปิดตลาด เป็นดัชนี ร้อย แล้ว ก็เพิ่มไปเรื่อยๆตาม การปรับตัวของราคาหุ้น

ยกตัวอย่างสมมุติ ในตลาดมีหุ้นแค่สามตัว  ทุกตัว ราคาในวันเปิดตลาด ครั้งแรกเท่ากัน คือ 1  บาท  โดยมีจำนวนหุ้น ตามนีี

ตัวที่ 1  มีราคา 1 บาท  มีจำนวนหุ้น 1 ล้านหุ้น ก็จะมีมาร์เก็ตแค้ป รวม 1,000,000 บาท

ตัวที่ 2  มีราคา 1 บาท  มีจำนวนหุ้น 2 ล้านหุ้น ก็จะมีมาร์เก็ตแค้ป รวม 2,000,000 บาท

ตัวที่ 3  มีราคา 1 บาท  มีจำนวนหุ้น 3 ล้านหุ้น ก็จะมีมาร์เก็ตแค้ป รวม 3,000,000 บาท

รวมมาร์เก็ตแคป ทั้งตลาด 6 ล้าน

สมมุติว่า ปิดตลาดวันแรก ราคาปิด หุ้นแต่ล่ะตัวเป็นดังนี้

หุ้นตัวที่ 1  ราคา ลดลง 10 ตังค์ ปิด   0.90  ก็จะมี  มีมาร์เก็ตแค้ป รวมเป็น  900,000 บาท

หุ้นตัวที่ 2  ราคา คงที่ ปิด   1.0   ก็จะมี  มีมาร์เก็ตแค้ป รวมเป็น  2,000,000 บาท เท่าเดิม

หุ้นตัวที่ 3  ราคา เพิ่มขึ้น 10 ตังค์ ปิด   1.10  ก็จะมี  มีมาร์เก็ตแค้ป รวมเป็น  3,300,000 บาท

ซึ่งถ้ารวม มาร์เก็ตแคป ทั้งตลาด ก็จะได้ รวมใหม่เป็น 6,200,000 บาท

คำนวนดัชนีใหม่เทียบกับ ดัชนีวันแรกที่เปิดตลาด ได้เป็น 6.2/6 X 100 =103.33

จะเห็นได้ว่าหุ้นตัวใหญ่กว่า ราคาเปลี่ยนแปลงเท่ากันกับ ตัวเล็กจะส่งผลต่อดัชนี มากกว่า (เนื่องจาก มันอิงมาร์เก็ตแค้ป)

พอมีหุ้นเข้ามาตลาดใหม่ ก็นับรวม มาร์เก็ตแคป ของหุ้นั้นเข้าไปรวมเป็นฐานคำนวนดัชนีเพิ่ม ไปเรื่อยๆ

ทำนองเดียวกัน ถ้ามีตัวไหนลดทุน ถอดถอนออกไปก็ตัดทุนตัวนั้นออกไปจากการคำนวน ไปด้วย