ช่วงปี 2516-2519 เป็นช่วงที่ประชาธิปไตยเบ่งบานมากที่สุด
ขบวนการนักศึกษาเฟื่องฟูและมีอิทธิพลสูงมากในสังคม เข้าขั้นอภิสิทธิ์ชน
ตอนนั้นผมเรียนอยู่ประถมปลาย ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งที่ต่างจังหวัด แต่ก็พอรู้เรื่องบ้านเมืองไม่น้อย
เพราะที่โรงเรียนมีครูหนุ่มๆหัวเอียงซ้ายอยู่หลายคน ตามแฟชั่นคนหนุ่มสาวในยุคนั้น และชอบพูดเรื่องการเมือง
ที่สำคัญ ชอบพูดเสียดสีและให้ร้ายสถาบันสไตล์มาร์กซิสต์ให้เด็กนักเรียนฟัง
จนครูใหญ่ปวดหัวและพยายามห้ามปรามครูหนุ่มๆหัวเอียงซ้ายไม่ให้ทำอย่างนั้นอีก
แต่ที่อยากพูดถึงมากกว่าคือชายแก่คนหนึ่ง แกชื่อลุงทัน อายุหกสิบกว่าๆ เปิดร้านซ่อมจักรยานเล็กๆอยู่ข้างโรงเรียน
แล้วแกก็บ้าการเมืองมาก เห็นแกเอาชอล์กมาเขียนฝาบ้านด่านายทุน ขุนศึก ศักดินาเต็มไปหมด
เด็กๆประถมปลายอย่างพวกผมก็ชอบไปล้อแก เพราะแกชอบทำตาขวาง พูดพล่ามคนเดียวเหมือนคนบ้า
เวลายั่วให้แกโมโห แกก็จะวิ่งไล่ตีพวกเรา พวกเราจึงชอบเรียกแกว่า " ลุงทุย" แทนชื่อ " ลุงทัน " เพราะแกชอบไล่ขวิดพวกเรานั่นเอง
แกเป็นอย่างนี้ต่อมาอีกหลายปี ยังเขียนด่าบนฝาบ้านและด่าเด็กๆที่ไปล้อแกรุ่นแล้วรุ่นเล่า
จนผมโตเป็นหนุ่ม เวลาผ่านหน้าบ้านแก แกก็จะปรี่เข้ามาชี้หน้าด่า เพราะจำได้ว่าผมกับเพื่อนๆเคยไปล้อแก
ส่วนใหญ่ผมจะขำๆ บางทีก็โมโหอยากซัดแกเหมือนกันแต่พอคิดได้ว่า แกบ้าการเมือง ก็เลยอโหสิให้
ครั้นพอได้เข้ามาห้องราชดำเนินแห่งนี้ ผมก็ได้เจอคนแบบลุงทุยอีกมากมาย ทำให้ผมหวนนึกถึงแกขึ้นมาอีกครั้ง.....
....อ้อ ตอนแกตาย น่าสงสารที่แกตายอย่างคนอนาถา เพราะไม่มีใครเหลียวแลแกเลย แม้แต่ลูกหลานของแกเอง
นึกถึงลุงทุย
ขบวนการนักศึกษาเฟื่องฟูและมีอิทธิพลสูงมากในสังคม เข้าขั้นอภิสิทธิ์ชน
ตอนนั้นผมเรียนอยู่ประถมปลาย ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งที่ต่างจังหวัด แต่ก็พอรู้เรื่องบ้านเมืองไม่น้อย
เพราะที่โรงเรียนมีครูหนุ่มๆหัวเอียงซ้ายอยู่หลายคน ตามแฟชั่นคนหนุ่มสาวในยุคนั้น และชอบพูดเรื่องการเมือง
ที่สำคัญ ชอบพูดเสียดสีและให้ร้ายสถาบันสไตล์มาร์กซิสต์ให้เด็กนักเรียนฟัง
จนครูใหญ่ปวดหัวและพยายามห้ามปรามครูหนุ่มๆหัวเอียงซ้ายไม่ให้ทำอย่างนั้นอีก
แต่ที่อยากพูดถึงมากกว่าคือชายแก่คนหนึ่ง แกชื่อลุงทัน อายุหกสิบกว่าๆ เปิดร้านซ่อมจักรยานเล็กๆอยู่ข้างโรงเรียน
แล้วแกก็บ้าการเมืองมาก เห็นแกเอาชอล์กมาเขียนฝาบ้านด่านายทุน ขุนศึก ศักดินาเต็มไปหมด
เด็กๆประถมปลายอย่างพวกผมก็ชอบไปล้อแก เพราะแกชอบทำตาขวาง พูดพล่ามคนเดียวเหมือนคนบ้า
เวลายั่วให้แกโมโห แกก็จะวิ่งไล่ตีพวกเรา พวกเราจึงชอบเรียกแกว่า " ลุงทุย" แทนชื่อ " ลุงทัน " เพราะแกชอบไล่ขวิดพวกเรานั่นเอง
แกเป็นอย่างนี้ต่อมาอีกหลายปี ยังเขียนด่าบนฝาบ้านและด่าเด็กๆที่ไปล้อแกรุ่นแล้วรุ่นเล่า
จนผมโตเป็นหนุ่ม เวลาผ่านหน้าบ้านแก แกก็จะปรี่เข้ามาชี้หน้าด่า เพราะจำได้ว่าผมกับเพื่อนๆเคยไปล้อแก
ส่วนใหญ่ผมจะขำๆ บางทีก็โมโหอยากซัดแกเหมือนกันแต่พอคิดได้ว่า แกบ้าการเมือง ก็เลยอโหสิให้
ครั้นพอได้เข้ามาห้องราชดำเนินแห่งนี้ ผมก็ได้เจอคนแบบลุงทุยอีกมากมาย ทำให้ผมหวนนึกถึงแกขึ้นมาอีกครั้ง.....
....อ้อ ตอนแกตาย น่าสงสารที่แกตายอย่างคนอนาถา เพราะไม่มีใครเหลียวแลแกเลย แม้แต่ลูกหลานของแกเอง