...วิ่งสด...

กระทู้สนทนา
วิ่งสด

โดย   นักรบสายรุ้ง

    การสมัครลงวิ่งในระยะเต็มมาราธอน ของนักวิ่งแต่ละคน มีเป้าหมายที่ไม่เหมือนกัน  
บางคนตั้งใจจะไปเอาซองเงิน , บางคนจะเอาแค่ติดอันดับ  ที่ห้าก็ยังดี ,
บางคนตั้งใจจะทำเวลาให้ดีที่สุดกว่าปีที่แล้ว , บางคนจะเอาแค่เหรียญ ,
บางคนมาวิ่งหนีรถตามเก็บ  พอถึงเส้นชัยก่อนรถตามเก็บก็ไชโยแล้ว  
และบางรายก็เป็นนักล่ามาราธอน  แต่ไม่ใช่ล่าถ้วยรางวัลหรือซองนะครับ
แต่ล่าจำนวนสนามสะสม ก็ต่างคนต่างสนุกกันไปคนละแบบ  มันกันไปคนละจุดหมาย  
มาราธอนมันดีอย่างนี้เองครับ  ใครๆที่ไม่ได้วิ่ง  จึงไม่ค่อยเข้าใจหรอกครับว่า  เราวิ่งกันไปทำไม  
ก็ทั้งวิ่งกันไปอย่างไม่มีวันจะได้ถ้วย  ก็ยังไปสมัครวิ่งกับเขาอยู่อีก ท่ามันจะบ้า..  
ก็อย่างที่กล่าวล่ะครับ  เป้าหมายมันหลากหลาย ดังนั้น การเตรียมตัว  
เพื่อเป้าหมายของแต่ละคนมันก็ต้องมี  เพื่อที่จะวิ่งให้ได้ , ก็ระยะทางสี่สิบสองกิโล  
มันไกลเกินกว่าที่ถ้าใครที่ไม่ได้เตรียมตัวมา จะทำได้ดี


สำหรับนักวิ่งที่มีเป้าหมายมาราธอนว่า  ให้วิ่งถึงเส้นชัย อย่างสดชื่น  แล้วยังมีอาการครบสามสิบสองประการ  
ไม่กะรุ่งกะริ่ง  สะบักสะบอม  วิ่งเข้าพรมอย่างเชิดหัว  ใบหน้ายิ้มแย้ม  โดยไม่เน้นเวลาว่าจะทำให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้  
แต่เวลาก็ไม่บานเบอะ  น่าเกลียดจนเกินไป


    เนื่องจาก  ถ้าใครมีเป้าหมายการวิ่งอย่างนี้ล่ะก็  วิ่งยังไงก็ได้  ขอให้ช้าๆเข้าไว้  คงได้ผลดีเกือบทั้งนั้น  
โดยไปให้ช้ากว่าที่คุณคิดจะวิ่งได้  แต่ในทางปฏิบัติ  ที่ว่ายังไงก็ได้หรือไม่ยากนั้น  กลับทำกันไม่ค่อยได้  
เพราะคำนวณแรง และ เกลี่ยพลังงานไม่ถูก  คนเรามักจะคิดว่า  ถ้าฉันวิ่งตอนต้นขนาดนี้  
คาดว่าตอนปลายก็ยังคงน่าจะวิ่งไหว  แต่ผลก็คือ  เร็วเกินไปจนได้  ผลก็คือ ปลายเหี่ยว  
สะบักสะบอม  เสียฟอร์ม  เรามักจะประมาณตนเก่งเกินตัวเสมอ  ไม่ต้องใครที่ไหนหรอกครับ  ผู้เขียนนี่แหละก็เคยเป็น


วิธีวิ่งก็คือ  หากลวิธีควบคุมความเร็วตอนต้น  ไม่ให้ไปเร็วเกินไปให้ได้  ดังตัวอย่างดังนี้


        ให้วิ่ง 2 ก.ม.  แล้วตามด้วยเดิน 1  นาที  แบบนี้ไปเรื่อย 21 ครั้ง  จนถึงเส้นชัย  
หรือวิ่ง 1 ก.ม. แล้วตามด้วยเดิน 1 นาที ก็ได้  แล้วแต่ความสามารถ  แต่ทำไปเรื่อยๆ 42 ครั้งก็ยังได้  
เป็นไง ง่ายไหมครับ  คุณจะหยุดเดิน 30 วินาทีก็ได้  ถ้าคุณคิดว่าทำได้  แต่ถ้าคุณสนใจวิธีนี้  
แสดงว่าคุณไม่ให้ความสนใจเวลาว่าจะวิ่งได้เท่าไร  ผู้เขียนแนะนำให้เดินเต็มนาทีดีกว่า


        ผู้เขียนรับประกัน  คุณจะเข้าเส้นชัยฟอร์มสดแน่  และบางคนที่มีความสามารถอยู่
ก็เป็นไปได้ที่คุณทำเวลาได้ต่ำกว่า  3:30 เพราะอะไร ?  อย่าลืมนะครับว่า เมื่อเราเดิน  
ไม่ใช่เป็นพฤติกรรมที่เสียเวลาไปแต่อย่างเดียว  แต่เราได้ความสดกลับคืน  ครั้งแล้วครั้งเล่า  
มันเป็นวิธีที่อนุญาตให้ร่างกายเคลื่อนไปได้เร็วกว่าปกติ  ในช่วง 2 ก.ม.นั้น  แน่นอนครับ..โดยคุณไม่รู้ตัว


        วิธีนี้จุดสำคัญอยู่ที่  บังคับว่าต้องเดิน  มันยากอยู่ตรงที่ในครึ่งแรกของระยะทาง  
คุณจะรู้สึกอย่างจริงใจว่า  ไม่เดินก็ได้  วิ่งต่อเนื่องกันไปเลยก็ยังไหว  แต่กว่าจะรู้เดียงสา  
เรี่ยวแรงที่มี ไม่รู้ว่าหายไปไหนหมด  และไม่ว่าคุณจะทำอะไร  มันก็ดูเหมือนสายเกินไปเสียแล้ว  
ดังนั้นต้องเดินตั้งแต่ต้นเลยครับ  พอท้ายๆคุณจะรู้สึกตัวเองที่เดินมาตั้งแต่ต้น  ตอนนั้น ไม่มีอะไรจะวิเศษไปกว่านี้อีกแล้ว


        นักวิ่งจำนวนมากละเลยเป้าหมายการวิ่งมาราธอนอย่างสดชื่นตลอดเส้นทาง  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง  
นักวิ่งแนวหน้าที่วิ่งได้เร็ว  เขาก็จะวิ่งให้เร็วกันอยู่นั่นแหละ  ไม่ว่าจะเป็นสนามใดๆ  ความพึงพอใจจากการลงสมัคร  
อยู่ที่จำนวนตัวเลขเวลาที่น้อยที่สุด  เท่าที่ร่างกายจะอนุญาต  แต่ความรู้สึกวิ่งจริงๆมันออกจะทรมานอยู่สักหน่อย  
แม้มันจะเป็นเป้าหมายที่ท้าทายความสามารถ  แต่การที่มีเป้าหมายวิ่งมาราธอนอย่างสดชื่น  ก็น่าจะลองดูสักครั้ง  
โดยที่ไม่ได้ชื่นชมกับผลงานหลังการแข่งขันกับตัวเลขเวลา  แต่เป็นการรับความโสภา , สุดยอดประสบการณ์
ในขณะวิ่งปัจจุบันนั้นเอง  แบบไหน..แบบว่าจะถึงเส้นชัยอยู่แล้ว  เสียดาย  มาราธอนกำลังจะจบสิ้นไปในไม่ช้า  
เหมือนขนมที่กินเพลินๆกำลังจะหมด  เสียดายต้องละเลียดคำช้าๆ  ให้คุ้มค่ามากที่สุด  ไม่ลอง ไม่รู้


        ที่สุดของบทความนี้  ผู้เขียนอยากจะบอกกล่าวไปยัง  ผู้ที่วิ่งเร็วด้วยว่า  คุณน่าจะวิ่งสดดูสักครั้งนะครับ  
อุทิศไปสักสนามเลย  ตั้งใจมาตั้งแต่ต้น   แบบตรงไปตรงมา  ไม่อ้อมค้อม  สนามนี้ยกให้คู่แข่งที่เคยบี้กันมา
ให้ไปเลย  สนามหน้าค่อยว่ากันใหม่  มาราธอนมีอะไรเยอะให้เก็บเกี่ยว  ไม่ได้มีแต่ตัวเลขเวลาเท่านั้น


        เผลอๆคุณอาจจะแปลกใจว่า  แม้กระนั้น  คุณกลับทำเวลาได้ดีกว่าที่คาดเอาไว้ว่าน่าจะทำได้  
จากที่คิดว่าเพราะเพิ่มเวลาเดินเข้าไปหลายนาที  เวลาทั้งหมดน่าจะมากมาย  แต่กลับช้าลงไปไม่มากนัก  
มหัศจรรย์ใจเหลือเกิน    ใครลองแล้ว เล่าสู่กันฟังหน่อยนะครับ.




จากวิธีของ   Jeff   Galloway
IT’S  GOOD  TO   WALK
R.W. Aug  1998  P.48


ความจำกัดของบทความนี้ที่ควรตราไว้ด้วยก็คือ
ไม่ใช่บทความที่เหมาะกับนักวิ่งทุกคน
สำหรับเพียงบางคนเท่านั้นที่ไม่เน้นการทำเวลา
ไม่แข่งขัน   อยากพบพานประสบการณ์มาราธอนแบบชุ่มชื่นหัวใจ
ไม่ใช่แบบขมขื่น  เต็มกลืนกับตัวเลขเวลาที่ยิ่งน้อยยิ่งภูมิใจ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับหน้าใหม่  หรือขาเก่าก็จริงแต่เพิ่งลองเป็นมาราธอนแรก
หาฐานความสามารถของตัวเองเป็นโจทย์สำหรับการพัฒนามาราธอนสนามต่อไปของตัวเอง

จำไว้ว่าบทความนี้ไม่ได้กล่าวถึงการฝึก  แต่เป็นยุทธวิธีการวิ่งในวันจริง
(แม้จะดีมากหากลองตอนซ้อมยาวก่อนได้ก็จะดีกว่า)

หรือประเภทสุดท้าย
นักวิ่งมักง่าย...ซ้อมไม่พอ  เวลาไม่มี   ยังอุตส่าห์เผยอ
เพื่อจะได้ไม่ต้องเจอกับนรกกลางแดดเป็นอย่างไร

อย่างนี้ล่ะก็ได้

ผู้เขียนขอเน้นย้ำ 3 อย่าง  ที่ควรคิดก่อนวิ่งสด

1  เป้าหมายผู้วิ่งจะเอาอะไร   ชัดก่อน  ไม่ใช่จะเอาเวลาแน่นอน

2 อัตราเรโชที่แน่นอน  สำหรับตัวเอง   ลองตอนซ้อม  วิ่ง / เดิน  มากไปน้อยไป
อ่อนไปแก่ไป   พอรู้แล้วปรับ  อันนี้เป็นของเรา  อย่าไปเลียนแบบผู้อื่น
ความแข็งแกร่งแต่ละคนไม่เท่ากัน

3  ทำเรโชนี้ตั้งแต่ต้น  อย่าทำตอนตะกายวิ่งไปเสียจนหมดแรงแล้ว
ฟื้นยากแล้ว  ให้ทำตั้งแต่ต้น  ในกิโลแรกเลยทีเดียว

ขอบคุณที่ให้ความใส่ใจคำแนะนำของผม

เสริมคำแนะนำนี้ไว้เมื่อ  10  พฤษภาคม  2556
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่