ความเห็นส่วนตัว ผิดพลาด ขออภัยนะครับ ....
เริ่มเรื่องเลยแระกัน ผมกราฟมา 3 กราฟ ซึ่งข้อมูลทั้ง 3 กราฟจุดเริ่มต้นอยู่ที่ ปี ค.ศ. 2009 (ทุกอย่างเป็น 0 ที่ปีนี้)
กราฟแรก เป็นกราฟการสะสมหุ้นเสมือนของทั้ง 3 ฝ่าย (ผม ให้ SET50 เท่ากับหุ้นตัวหนึ่ง)
กราฟที่สอง เป็นกราฟแสดงปริมาณเงินที่ไหลเข้าออกตลาดของทั้ง 3 ฝ่าย (Fund Flow)
และกราฟที่สาม เป็นต้นทุนของทั้ง 3 ฝ่าย เทียบกับ
SET50 (อันนี้ซับซ้อนนิดหน่อย ผมจะอธิบายละเอียดอีกที)
จากกราฟ ปริมาณหุ้นในมือของต่างชาติเหลือเกือบเท่ากับตอนเดือน พ.ย. 2555 (ซื้อสะสมมาและขายจนเหลือเกือบเท่าตอนนั้น)
และจากกราฟ Fund Flow ก็เช่นกัน เงินที่ไหลเข้าจากเดือน พ.ย. 2555 จนถึงปัจจุบัน ได้ไหลออกจนเกือบเท่ากับตอน พ.ย. 2555
ถ้าข้อมุลผมไม่ผิด นั่นแสดงว่า ต่างชาติ ยังไม่ได้กำไรจาการขายครั้งนี้แต่อย่างใด แต่อาจจะได้กำไรจากเงินปันผล และอัตราแลกเปลี่ยน
แต่ดูจากรูปการณ์แล้ว การที่ BOT ลดประกาศลดอัตราดอกเบี้ย บวกกับความไม่แน่นอนในมาตราการณ์ QE
ที่จะมีการประชุมในวันที่ 18 มิ.ย. นี้ (ใช่ป่าวหว่า) ยังคงเป็นแรงกดดันให้ต่างชาติขายทำกำไร ขณะที่กองทุน
ยังมั่นใจในตลาด และทะยอยสะสมหุ้น เพราะคงแน่ใจว่า ต่างชาติยังคงขายต่อเนื่อง.. (เพราะลากไปก็เจอสวนอยู่ดี)
แต่ไม่รีบร้อนที่จะเก็บหุ้นเท่าไหร่ สังเกตจากที่กองทุนซื้อวันละประมาณ 1000 - 2000 ล้าน ส่วน Prop Trade ก็เล่นเก็งกำไรไปวันๆตามปกติ
ส่วนกราฟสุดท้ายซับซ้อนและสับสนนิดหนึ่ง เป็นต้นทุนของแต่ละฝ่าย ต่างชาติ เป็นต้นทุนของหุ้นที่อยู่ในมือ
(เนื่องจากยอดสะสมหุ้นเป็นบวก) แต่ ส่วนกองทุนกับรายย่อย เป็นต้นทุนการขาย
(เนื่องจากยอดสะสมหุ้นเป็นลบ อาจจะมองคล้ายๆ Short Sell ก็ได้ หมายความว่า ถ้าจะกลับมาซื้อ ก็ไม่ควรแพงกว่าต้นทุนที่ขายไป
ตามที่แสดงในกราฟ)
แต่ ณ ที่นี้ เราสนใจต้นทุนของต่างชาติ ซึ่งจากกราฟ ต้นทุนต่างชาติเมื่อเทียบกับ SET50 ก็ราวๆ 630 จุด (หรือเท่ากับ SET ที่ 900 จุด)
ต้นทุนต่างชาติ ต่ำมาก ยังขาย ได้อีก!!!!
เพราะฉะนั้น อย่างประมาณนะครับ ต่างชาติยังลุยขายได้อีกเรื่อยๆ เว้นแต่จะปัจจัยต่างๆจะเปลี่ยนแปลง หรือจนกว่าต่างชาติจะมั่นใจว่า
จะมีคนลาก SET ให้โดยต่างชาติไม่ต้องลาก ต่างชาติอาจจะหยุดขาย และกลับมาซื้อตาม ทั้งนี้ ผมว่า ต้องรอกองทุนเท่านั้น
ผมก็มีเรื่องเล่าเพียงเท่านี้ ไม่ยืนยันข้อว่าข้อมูลเหล่านี้จะถูกต้องทั้งหมด แต่อยากให้เป็นแนวทางอีกแนวทางหนึ่งในการพิจารณา ^ ^
กราฟการถือครองหุ้นเสมือนสะสมของต่างชาติ กองทุน และรายย่อย
เริ่มเรื่องเลยแระกัน ผมกราฟมา 3 กราฟ ซึ่งข้อมูลทั้ง 3 กราฟจุดเริ่มต้นอยู่ที่ ปี ค.ศ. 2009 (ทุกอย่างเป็น 0 ที่ปีนี้)
กราฟแรก เป็นกราฟการสะสมหุ้นเสมือนของทั้ง 3 ฝ่าย (ผม ให้ SET50 เท่ากับหุ้นตัวหนึ่ง)
กราฟที่สอง เป็นกราฟแสดงปริมาณเงินที่ไหลเข้าออกตลาดของทั้ง 3 ฝ่าย (Fund Flow)
และกราฟที่สาม เป็นต้นทุนของทั้ง 3 ฝ่าย เทียบกับ SET50 (อันนี้ซับซ้อนนิดหน่อย ผมจะอธิบายละเอียดอีกที)
จากกราฟ ปริมาณหุ้นในมือของต่างชาติเหลือเกือบเท่ากับตอนเดือน พ.ย. 2555 (ซื้อสะสมมาและขายจนเหลือเกือบเท่าตอนนั้น)
และจากกราฟ Fund Flow ก็เช่นกัน เงินที่ไหลเข้าจากเดือน พ.ย. 2555 จนถึงปัจจุบัน ได้ไหลออกจนเกือบเท่ากับตอน พ.ย. 2555
ถ้าข้อมุลผมไม่ผิด นั่นแสดงว่า ต่างชาติ ยังไม่ได้กำไรจาการขายครั้งนี้แต่อย่างใด แต่อาจจะได้กำไรจากเงินปันผล และอัตราแลกเปลี่ยน
แต่ดูจากรูปการณ์แล้ว การที่ BOT ลดประกาศลดอัตราดอกเบี้ย บวกกับความไม่แน่นอนในมาตราการณ์ QE
ที่จะมีการประชุมในวันที่ 18 มิ.ย. นี้ (ใช่ป่าวหว่า) ยังคงเป็นแรงกดดันให้ต่างชาติขายทำกำไร ขณะที่กองทุน
ยังมั่นใจในตลาด และทะยอยสะสมหุ้น เพราะคงแน่ใจว่า ต่างชาติยังคงขายต่อเนื่อง.. (เพราะลากไปก็เจอสวนอยู่ดี)
แต่ไม่รีบร้อนที่จะเก็บหุ้นเท่าไหร่ สังเกตจากที่กองทุนซื้อวันละประมาณ 1000 - 2000 ล้าน ส่วน Prop Trade ก็เล่นเก็งกำไรไปวันๆตามปกติ
ส่วนกราฟสุดท้ายซับซ้อนและสับสนนิดหนึ่ง เป็นต้นทุนของแต่ละฝ่าย ต่างชาติ เป็นต้นทุนของหุ้นที่อยู่ในมือ
(เนื่องจากยอดสะสมหุ้นเป็นบวก) แต่ ส่วนกองทุนกับรายย่อย เป็นต้นทุนการขาย
(เนื่องจากยอดสะสมหุ้นเป็นลบ อาจจะมองคล้ายๆ Short Sell ก็ได้ หมายความว่า ถ้าจะกลับมาซื้อ ก็ไม่ควรแพงกว่าต้นทุนที่ขายไป
ตามที่แสดงในกราฟ)
แต่ ณ ที่นี้ เราสนใจต้นทุนของต่างชาติ ซึ่งจากกราฟ ต้นทุนต่างชาติเมื่อเทียบกับ SET50 ก็ราวๆ 630 จุด (หรือเท่ากับ SET ที่ 900 จุด)
ต้นทุนต่างชาติ ต่ำมาก ยังขาย ได้อีก!!!!
เพราะฉะนั้น อย่างประมาณนะครับ ต่างชาติยังลุยขายได้อีกเรื่อยๆ เว้นแต่จะปัจจัยต่างๆจะเปลี่ยนแปลง หรือจนกว่าต่างชาติจะมั่นใจว่า
จะมีคนลาก SET ให้โดยต่างชาติไม่ต้องลาก ต่างชาติอาจจะหยุดขาย และกลับมาซื้อตาม ทั้งนี้ ผมว่า ต้องรอกองทุนเท่านั้น
ผมก็มีเรื่องเล่าเพียงเท่านี้ ไม่ยืนยันข้อว่าข้อมูลเหล่านี้จะถูกต้องทั้งหมด แต่อยากให้เป็นแนวทางอีกแนวทางหนึ่งในการพิจารณา ^ ^