ชูคอนเซ็ปต์ “งดอีเว้นท์ เล่นแต่ละคร “
เป็นอีกหนึ่งปรากฏการณ์ที่สะเทือนวงการบันเทิงไม่น้อยทีเดียว สำหรับความดังชั่วข้ามคืน ของ “เจมส์ จิรายุ” จากความสำเร็จของซีรี่ส์ “สุภาพบุรุษจุฑาเทพ” ตอน “คุณชายพุฒิภัทร” ที่ส่งผลให้สาวทั้งพระนครและภูธรเพ้อถึง “คุณชายหมอ” อยากเป็น”นางสาวศรีสยาม”กันเป็นทิวแถว
ส่งผลให้พระเอกร่วมช่องหนาวๆร้อนๆ กับคลื่นลูกใหม่คนนี้ซัดมาแรงแซงทุกคน ไม่เว้นแม้แต่ซุปตาร์ “ณเดชน์ คูกิมิยะ” และ “หมาก ปริญ” ที่ถูกจับเอามาเปรียบเทียบกันโดยปริยาย โดยเฉพาะรายหลังที่หน้าดันไปคล้ายกัน อย่างกับพี่น้องคลานตามกันมา ยิ่งหนุ่มเจมส์ไปเสียบแทนบท”วันเฉลิม”ในละคร”ทองเนื้อเก้า” ขาเม้าท์ก็เลยตั้งป้อม หาว่าพระเอกรุ่นพี่อิจฉาตาร้อนผ่าว แต่นักแสดงรุ่นพี่ก็บอกว่าไม่มีอะไรคนก็เม้าท์กันไปเรื่อย
ซึ่งว่ากันว่า “ ปรากฏการณ์ เจมส์ จิรายุ” นั้นเป็นการวางเกมของทางช่อง 3 ที่ต้องการส่งสาส์นถึง “เอ ศุภชัย” ว่าไม่ใช่แค่เด็กในสังกัดของเขาที่จะเป็นซุปตาร์ได้ แถมการชูคอนเซ็ปต์ให้เจมส์ “งดอีเว้นท์ เล่นแต่ละคร “ ไม่ต่างจากการตีแสกหน้าเอ ว่าต่อไปนี้หากเอ ยังให้ “ณเดชน์” ตะลุยรับแต่งานอีเว้นท์ อาจถูกลงดาบ ลดการป้อนงานละครลงเรื่อยๆ เพราะพูดกันหนาหูว่า การรับงานของ “เอ ศุภชัย”นั้น จะดูว่าใครให้ค่าตอบแทนสูงกว่าคนนั้นก็ได้ณเดชน์ไปร่วมงานด้วย
หนึ่งในกลยุทธ์ที่ผู้ใหญ่ของช่องวางหมากเอาไว้อย่างแยบยล คือการมอบหมายให้ “ปิ๊ก ฌาณฉลาด” ที่ดูไปดูมาภาพพจน์ดูมีภาษีกว่าเอ ตรงที่ไม่ค่อยจะดันตัวเองออกสื่อให้เป็นที่เอิกเกริก ทำตัวเสมือนหนึ่งผู้ปิดทองหลังพระ พูดง่ายๆไม่ออกตัวแรงให้คนหมั่นไส้ในความเว่อร์ ปิ๊กเป็นใครมาจากไหน บางคนอาจยังไม่ทราบว่า เมื่อ10กว่าปีที่แล้ว เขาอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของดารามากมาย เช่น ดอน ธีระธาดา , วิกกี้ สุนิสา ,ชาย ชาตโยดม , จ๊อบ นิธิ , วุ้นเส้น วิริฒิพา หรือแม้แต่ ขวัญ อุษามณี
มติชนออนไลน์ ลงเรื่องของปิ๊กไว้อย่างน่าสนใจว่า มีช่วงหนึ่งเขาหันไปสนใจเรื่องกีฬา และพาตัวไปทำงานกับ ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน เรื่องการศึกษากับจุฬาวิชาการ, เรื่องสิ่งแวดล้อม นำเครื่องบินไปทิ้งทะเลเพื่อเป็นปะการังเทียม กระทั่งไปสู่เรื่องการเมือง โดยเป็น 1 ทีมเชื่อมั่นประเทศไทย สมัยนายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จากนั้นชีวิตกลับสู่วงการบันเทิงอีกครั้ง โดยเปิด บริษัทมีตา ทาเลนต์ แมเนจเมนต์ เฟ้นหาคนมาเป็นนักร้อง นักแสดง เมื่อต้นปี 2555 แล้วก็นำพา เจมส์ จิรายุ ตั้งศรีสุข นักแสดงคนแรกในสังกัดเข้ามาอยู่ในหัวใจผู้คน "ถ้าถามว่าผมมีวิธีการยังไง ผมตอบไม่ได้" ยังไม่ทันถาม ฌาณฉลาดซึ่งดูดีและมีมาดเท่ก็ชิงออกตัว ก่อนเสริม "เพราะผมทำทุกอย่างตามสัญชาตญาณ"
เล่าด้วยว่า ก่อนหน้านี้เขากับทีมอีก 3-4 คน ออกตระเวนคัดคนจากทุกภาคของประเทศ ยกเว้นภาคใต้ ซึ่ง "ถูกจำกัดด้วยสำเนียง" โดยจากรูปถ่ายนับพันใบ เขาคัดไว้ 330 คนที่ดูโดดเด่น จากนั้นก็บุกไปหา จนสุดท้ายก็เลือกไว้ 24 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนต่างจังหวัด "ดูเทรนด์เลย ยุคสมัยนี้คนซึ่งจะเป็นที่ชื่นชอบมักมาจากต่างจังหวัด เพราะเป็นสังคมที่เขาต้องการฮีโร่ที่อยู่ข้างๆ อาจจะเป็นคนที่นั่งอยู่ข้างๆ เขา เข้าถึงได้ ไม่ใช่ลูกคนรวย"
โดยนอกจากเจมส์แล้ว ผู้ชาย 11 คนกับผู้หญิงอีก 12 คนที่เหลือ ก็มีอาทิ นักมวยที่แววด้านการแสดงฉายแสง, สาวลูกครึ่งไทย-เวียดนามที่หุ่นดี และร้องเพลงเพราะเหลือใจ รวมถึงผู้ชายอีกคนที่รับประกันได้ว่าหล่อกว่า เจมส์ จิรายุ
อย่างเจมส์ ผมเลือกเพราะเขาทำอะไรก็ได้ ร้องเพลงได้ เต้นได้ แอ๊กติ้งได้ แต่ยังไม่มีอะไรโดดเด่น อยากรู้ว่าเราจะพัฒนาให้กลายเป็นหงส์ได้ไหม" บอกอีกว่า "ผมไม่ได้เก่งหรอก แต่สิ่งที่ผมมีคือสัญชาตญาณ แล้วถ้าชอบคนสักคน ผมอยากพัฒนาเขา แล้วจะไม่เสียใจเลยไม่ว่าเขาจะดังหรือไม่ เพราะอย่างน้อยผมก็ได้ทำในสิ่งที่ต้องทำและควรทำ"
นี่คือวิธีการทำงานของ “ปิ๊ก “ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของช่อง 3 อย่างลงตัวเป๊ะๆ โดยเฉพาะการปั้นให้เด็กในสังกัดเป็น”พระเอกละคร หาใช่ดารางานอีเว้นท์” อย่างที่ปิ๊กว่า "แน่นอนสุดท้ายผมเป็นคนตัดสินใจเลือก แล้วมาพรีเซ้นต์ให้เจมส์ดูว่าจะเลือกอะไร เหมือนงาน ที่ถามความสมัครใจเขาเป็นสิ่งแรก แต่ไม่ใช่ทุกเรื่องบางเรื่องไม่สมเหตุสมผลก็จะบอกว่ามันมาอาศัยชื่อเสียง ใช้ความดังเรียกสื่อ ก็ไม่ใช่ ส่วนเรื่องงานอีเว้นท์จริงๆ มีเรื่องกรอบของเวลาด้วย เพราะเรียนหนังสือกับละครก็ 7 วัน แล้วเรายังรับหนังมาอีกเรื่อง"
จึงไม่แปลกใจเลยว่า ณ ตอนนี้ “เจมส์ จิรายุ” กลายเป็นพระเอกที่ผู้จัดต่างแย่งชิงตัวกันอุตลุต เพราะเชื่อได้เลยว่าละครที่มีชื่อเจมส์ จิรายุเป็นพระเอก ไม่ต้องกลัวเลยว่าเรตติ้งจะไม่พุ่ง และโฆษณาจะไม่เต็มเอี๊ยด ปีนี้แฟนๆของหนุ่มเจมส์จะได้ดูละครของเขาอีกหลายเรื่อง ทั้ง “รักสุดฤทธิ์” และ “ทองเนื้อเก้า” รวมถึงข่าวลืออีกหลายเรื่อง ทั้งประกบกับ “ญาญ่า”ใน”ปริศนา” หรือจะเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของเขา”ไทม์ไลน์ จดหมายความทรงจำ”
คนที่อยู่ยาก วางตัวลำบาก และหนาวๆร้อนๆที่สุดตอนนี้ จะเป็นใครไปได้ ถ้าไม่ใช่ “เอ ศุภชัย”
ถือเป็นอีกหนึ่งกรณีศึกษาของวงการบันเทิงไทยเลยทีเดียว
จาก
http://entertain.smmonline.net/news/88784-ปฏิบัติการณ์“เจมส์จิรายุ”แผนช่อง3ลงดาบ“เอศุภชัย”.html
ปฏิบัติการณ์ “เจมส์ จิรายุ”แผนช่อง3 ลงดาบ “เอ ศุภชัย”
ชูคอนเซ็ปต์ “งดอีเว้นท์ เล่นแต่ละคร “
เป็นอีกหนึ่งปรากฏการณ์ที่สะเทือนวงการบันเทิงไม่น้อยทีเดียว สำหรับความดังชั่วข้ามคืน ของ “เจมส์ จิรายุ” จากความสำเร็จของซีรี่ส์ “สุภาพบุรุษจุฑาเทพ” ตอน “คุณชายพุฒิภัทร” ที่ส่งผลให้สาวทั้งพระนครและภูธรเพ้อถึง “คุณชายหมอ” อยากเป็น”นางสาวศรีสยาม”กันเป็นทิวแถว
ส่งผลให้พระเอกร่วมช่องหนาวๆร้อนๆ กับคลื่นลูกใหม่คนนี้ซัดมาแรงแซงทุกคน ไม่เว้นแม้แต่ซุปตาร์ “ณเดชน์ คูกิมิยะ” และ “หมาก ปริญ” ที่ถูกจับเอามาเปรียบเทียบกันโดยปริยาย โดยเฉพาะรายหลังที่หน้าดันไปคล้ายกัน อย่างกับพี่น้องคลานตามกันมา ยิ่งหนุ่มเจมส์ไปเสียบแทนบท”วันเฉลิม”ในละคร”ทองเนื้อเก้า” ขาเม้าท์ก็เลยตั้งป้อม หาว่าพระเอกรุ่นพี่อิจฉาตาร้อนผ่าว แต่นักแสดงรุ่นพี่ก็บอกว่าไม่มีอะไรคนก็เม้าท์กันไปเรื่อย
ซึ่งว่ากันว่า “ ปรากฏการณ์ เจมส์ จิรายุ” นั้นเป็นการวางเกมของทางช่อง 3 ที่ต้องการส่งสาส์นถึง “เอ ศุภชัย” ว่าไม่ใช่แค่เด็กในสังกัดของเขาที่จะเป็นซุปตาร์ได้ แถมการชูคอนเซ็ปต์ให้เจมส์ “งดอีเว้นท์ เล่นแต่ละคร “ ไม่ต่างจากการตีแสกหน้าเอ ว่าต่อไปนี้หากเอ ยังให้ “ณเดชน์” ตะลุยรับแต่งานอีเว้นท์ อาจถูกลงดาบ ลดการป้อนงานละครลงเรื่อยๆ เพราะพูดกันหนาหูว่า การรับงานของ “เอ ศุภชัย”นั้น จะดูว่าใครให้ค่าตอบแทนสูงกว่าคนนั้นก็ได้ณเดชน์ไปร่วมงานด้วย
หนึ่งในกลยุทธ์ที่ผู้ใหญ่ของช่องวางหมากเอาไว้อย่างแยบยล คือการมอบหมายให้ “ปิ๊ก ฌาณฉลาด” ที่ดูไปดูมาภาพพจน์ดูมีภาษีกว่าเอ ตรงที่ไม่ค่อยจะดันตัวเองออกสื่อให้เป็นที่เอิกเกริก ทำตัวเสมือนหนึ่งผู้ปิดทองหลังพระ พูดง่ายๆไม่ออกตัวแรงให้คนหมั่นไส้ในความเว่อร์ ปิ๊กเป็นใครมาจากไหน บางคนอาจยังไม่ทราบว่า เมื่อ10กว่าปีที่แล้ว เขาอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของดารามากมาย เช่น ดอน ธีระธาดา , วิกกี้ สุนิสา ,ชาย ชาตโยดม , จ๊อบ นิธิ , วุ้นเส้น วิริฒิพา หรือแม้แต่ ขวัญ อุษามณี
มติชนออนไลน์ ลงเรื่องของปิ๊กไว้อย่างน่าสนใจว่า มีช่วงหนึ่งเขาหันไปสนใจเรื่องกีฬา และพาตัวไปทำงานกับ ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน เรื่องการศึกษากับจุฬาวิชาการ, เรื่องสิ่งแวดล้อม นำเครื่องบินไปทิ้งทะเลเพื่อเป็นปะการังเทียม กระทั่งไปสู่เรื่องการเมือง โดยเป็น 1 ทีมเชื่อมั่นประเทศไทย สมัยนายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จากนั้นชีวิตกลับสู่วงการบันเทิงอีกครั้ง โดยเปิด บริษัทมีตา ทาเลนต์ แมเนจเมนต์ เฟ้นหาคนมาเป็นนักร้อง นักแสดง เมื่อต้นปี 2555 แล้วก็นำพา เจมส์ จิรายุ ตั้งศรีสุข นักแสดงคนแรกในสังกัดเข้ามาอยู่ในหัวใจผู้คน "ถ้าถามว่าผมมีวิธีการยังไง ผมตอบไม่ได้" ยังไม่ทันถาม ฌาณฉลาดซึ่งดูดีและมีมาดเท่ก็ชิงออกตัว ก่อนเสริม "เพราะผมทำทุกอย่างตามสัญชาตญาณ"
เล่าด้วยว่า ก่อนหน้านี้เขากับทีมอีก 3-4 คน ออกตระเวนคัดคนจากทุกภาคของประเทศ ยกเว้นภาคใต้ ซึ่ง "ถูกจำกัดด้วยสำเนียง" โดยจากรูปถ่ายนับพันใบ เขาคัดไว้ 330 คนที่ดูโดดเด่น จากนั้นก็บุกไปหา จนสุดท้ายก็เลือกไว้ 24 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนต่างจังหวัด "ดูเทรนด์เลย ยุคสมัยนี้คนซึ่งจะเป็นที่ชื่นชอบมักมาจากต่างจังหวัด เพราะเป็นสังคมที่เขาต้องการฮีโร่ที่อยู่ข้างๆ อาจจะเป็นคนที่นั่งอยู่ข้างๆ เขา เข้าถึงได้ ไม่ใช่ลูกคนรวย"
โดยนอกจากเจมส์แล้ว ผู้ชาย 11 คนกับผู้หญิงอีก 12 คนที่เหลือ ก็มีอาทิ นักมวยที่แววด้านการแสดงฉายแสง, สาวลูกครึ่งไทย-เวียดนามที่หุ่นดี และร้องเพลงเพราะเหลือใจ รวมถึงผู้ชายอีกคนที่รับประกันได้ว่าหล่อกว่า เจมส์ จิรายุ
อย่างเจมส์ ผมเลือกเพราะเขาทำอะไรก็ได้ ร้องเพลงได้ เต้นได้ แอ๊กติ้งได้ แต่ยังไม่มีอะไรโดดเด่น อยากรู้ว่าเราจะพัฒนาให้กลายเป็นหงส์ได้ไหม" บอกอีกว่า "ผมไม่ได้เก่งหรอก แต่สิ่งที่ผมมีคือสัญชาตญาณ แล้วถ้าชอบคนสักคน ผมอยากพัฒนาเขา แล้วจะไม่เสียใจเลยไม่ว่าเขาจะดังหรือไม่ เพราะอย่างน้อยผมก็ได้ทำในสิ่งที่ต้องทำและควรทำ"
นี่คือวิธีการทำงานของ “ปิ๊ก “ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของช่อง 3 อย่างลงตัวเป๊ะๆ โดยเฉพาะการปั้นให้เด็กในสังกัดเป็น”พระเอกละคร หาใช่ดารางานอีเว้นท์” อย่างที่ปิ๊กว่า "แน่นอนสุดท้ายผมเป็นคนตัดสินใจเลือก แล้วมาพรีเซ้นต์ให้เจมส์ดูว่าจะเลือกอะไร เหมือนงาน ที่ถามความสมัครใจเขาเป็นสิ่งแรก แต่ไม่ใช่ทุกเรื่องบางเรื่องไม่สมเหตุสมผลก็จะบอกว่ามันมาอาศัยชื่อเสียง ใช้ความดังเรียกสื่อ ก็ไม่ใช่ ส่วนเรื่องงานอีเว้นท์จริงๆ มีเรื่องกรอบของเวลาด้วย เพราะเรียนหนังสือกับละครก็ 7 วัน แล้วเรายังรับหนังมาอีกเรื่อง"
จึงไม่แปลกใจเลยว่า ณ ตอนนี้ “เจมส์ จิรายุ” กลายเป็นพระเอกที่ผู้จัดต่างแย่งชิงตัวกันอุตลุต เพราะเชื่อได้เลยว่าละครที่มีชื่อเจมส์ จิรายุเป็นพระเอก ไม่ต้องกลัวเลยว่าเรตติ้งจะไม่พุ่ง และโฆษณาจะไม่เต็มเอี๊ยด ปีนี้แฟนๆของหนุ่มเจมส์จะได้ดูละครของเขาอีกหลายเรื่อง ทั้ง “รักสุดฤทธิ์” และ “ทองเนื้อเก้า” รวมถึงข่าวลืออีกหลายเรื่อง ทั้งประกบกับ “ญาญ่า”ใน”ปริศนา” หรือจะเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของเขา”ไทม์ไลน์ จดหมายความทรงจำ”
คนที่อยู่ยาก วางตัวลำบาก และหนาวๆร้อนๆที่สุดตอนนี้ จะเป็นใครไปได้ ถ้าไม่ใช่ “เอ ศุภชัย”
ถือเป็นอีกหนึ่งกรณีศึกษาของวงการบันเทิงไทยเลยทีเดียว
จาก http://entertain.smmonline.net/news/88784-ปฏิบัติการณ์“เจมส์จิรายุ”แผนช่อง3ลงดาบ“เอศุภชัย”.html