สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 20
หญิงจากประเทศด้อยพัฒนา และ ประเทศกำลังพัฒนาเดินทางไปคลอดลูกในประเทศพัฒนาแล้ว เป็นที่นิยมทำกันมากว่า 10 ปีมาแล้ว และที่คุณ มนชิจัง 15 ตั้งคำถามว่า ทำไมไม่เป็นประเทศอังกฤษ? คำตอบเป็นเพราะว่า อเมริกา และ คานาดา เป็นประเทศพัฒนาแล้วเพียง 2 ประเทศในโลกที่กฏหมายเปิดทางให้ถือสัญชาติตามสถานที่เกิด (lex soli) ไม่ใช่ตามสัญชาติของพ่อแม่เหมือนประเทศพัฒนาแล้วอื่นๆ เป็นส่วนใหญ่ นั่นหมายถึงว่า ไม่ว่าพ่อแม่จะมีสัญชาติใดก็ตามหากเด็กเกิดในอเมริกาก็จะได้สัญชาติอเมริกันโดยอัตโนมัติ
เริ่มจากหญิงตุรกีที่เริ่มต้นนิยมไปคลอดลูกในอเมริการาว 10 กว่าปีมาแล้ว ปัจจุบันนี้กำลังบูมในครอบครัวชาวจีน และอย่างที่ คห 13 คุณ Miss Ana Berry บอกไว้คือ การที่จะเดินทางไปคลอดบุตรในอเมริกา หรือ คานาดา ได้นั้น ต้องเป็นผู้ที่มีฐานะการเงินดีมาก คนเข้าข่ายยากจนที่จะเข้าไปคลอดโดยขอสวัสดิการได้นั้นต้องเป็นคนจนซึ่งคนกลุ่มนี้ได้แก่ ผู้อพยมข้ามแดนชาวเมกซิกัน (ถ้าสามารถลักลอบผ่านข้ามแดนเข้าไปได้)
การกระทำดังกล่าวถือว่าไม่ผิดกฏหมายของอเมริกาแต่ก่อให้เกิดการต่อต้านจากชาวอเมริกันในปัจจุบันโดยเฉพาะอย่างยิ่งในรัฐแคลิฟอร์เนีย เนื่องจากกลายเป็นธุรกิจหากินก่อตั้งกันเป็น Agency รับจัดการสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ตั้งแต่ขอวีซ่า หาที่พัก โรงพยาบาล ผู้ดูแลเด็ก และ แม้แต่ช่วยเหลือในการขอเอกสารสัญชาติอเมริกันของเด็กเกิดใหม่ ค่าใช้จ่ายเบ็ดเสร็จตกราว 25,000-27,000 US$ ต่อคน กลายเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจการท่องเที่ยวที่ทำเงินให้กับเศรษฐกิจของอเมริกาได้อย่างดีทีเดียว เนื่องจากคนเหล่านี้เป็นผู้มีฐานะดีจึงจับจ่ายใช้สอยในอเมริกาอย่างมือเติบอีกด้วย
พ่อแม่เด็กจะไม่ได้รับผลประโยชน์ได้รับสัญชาติอเมริกันตามลูก จนกว่าเด็กจะอายุครบ 21 ปีบริบูรณ์ (ไม่ใช่อายุ 18 อย่างที่เข้าใจผิดกัน) จึงจะมีสิทธิ์ขอใบเขียวและสัญชาติอเมริกันให้แก่พ่อแม่ได้
สิ่งที่คาดหวังจากพ่อแม่ชาวจีนคือ อนาคตทางการศึกษาในอนาคตของลูกมากกว่าจะนึกถืงเรื่องสัญชาติของตนเอง นอกจากนั้นแล้วยังเป็นหนทางหนึ่งในการมีลูกได้มากกว่า 1 คน เนื่องจากตามกฏหมายให้มีลูกคนเดียวของจีนนั้นจะไม่นับรวมลูกที่เกิดในต่างประเทศ
ตามที่ NBC เสนอข่าวล่าสุดเมื่อต้นปีนี้นั้น ใน ปี2000, the Centers for Disease Control and Prevention รายงานสถิติว่ามีเด็กต่างชาติที่มาเกิดในอเมริกาที่เรียกว่า anchor babies จำนวน 5,009 คน พอมาถึงปี 2008 ซึ่งเป็นสถิติที่มีอยู่ล่าสุดในขณะนี้มี anchor babies เพิ่มเป็น 7,462 คน
หาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากหัวข้อ Birth Tourism
เริ่มจากหญิงตุรกีที่เริ่มต้นนิยมไปคลอดลูกในอเมริการาว 10 กว่าปีมาแล้ว ปัจจุบันนี้กำลังบูมในครอบครัวชาวจีน และอย่างที่ คห 13 คุณ Miss Ana Berry บอกไว้คือ การที่จะเดินทางไปคลอดบุตรในอเมริกา หรือ คานาดา ได้นั้น ต้องเป็นผู้ที่มีฐานะการเงินดีมาก คนเข้าข่ายยากจนที่จะเข้าไปคลอดโดยขอสวัสดิการได้นั้นต้องเป็นคนจนซึ่งคนกลุ่มนี้ได้แก่ ผู้อพยมข้ามแดนชาวเมกซิกัน (ถ้าสามารถลักลอบผ่านข้ามแดนเข้าไปได้)
การกระทำดังกล่าวถือว่าไม่ผิดกฏหมายของอเมริกาแต่ก่อให้เกิดการต่อต้านจากชาวอเมริกันในปัจจุบันโดยเฉพาะอย่างยิ่งในรัฐแคลิฟอร์เนีย เนื่องจากกลายเป็นธุรกิจหากินก่อตั้งกันเป็น Agency รับจัดการสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ตั้งแต่ขอวีซ่า หาที่พัก โรงพยาบาล ผู้ดูแลเด็ก และ แม้แต่ช่วยเหลือในการขอเอกสารสัญชาติอเมริกันของเด็กเกิดใหม่ ค่าใช้จ่ายเบ็ดเสร็จตกราว 25,000-27,000 US$ ต่อคน กลายเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจการท่องเที่ยวที่ทำเงินให้กับเศรษฐกิจของอเมริกาได้อย่างดีทีเดียว เนื่องจากคนเหล่านี้เป็นผู้มีฐานะดีจึงจับจ่ายใช้สอยในอเมริกาอย่างมือเติบอีกด้วย
พ่อแม่เด็กจะไม่ได้รับผลประโยชน์ได้รับสัญชาติอเมริกันตามลูก จนกว่าเด็กจะอายุครบ 21 ปีบริบูรณ์ (ไม่ใช่อายุ 18 อย่างที่เข้าใจผิดกัน) จึงจะมีสิทธิ์ขอใบเขียวและสัญชาติอเมริกันให้แก่พ่อแม่ได้
สิ่งที่คาดหวังจากพ่อแม่ชาวจีนคือ อนาคตทางการศึกษาในอนาคตของลูกมากกว่าจะนึกถืงเรื่องสัญชาติของตนเอง นอกจากนั้นแล้วยังเป็นหนทางหนึ่งในการมีลูกได้มากกว่า 1 คน เนื่องจากตามกฏหมายให้มีลูกคนเดียวของจีนนั้นจะไม่นับรวมลูกที่เกิดในต่างประเทศ
ตามที่ NBC เสนอข่าวล่าสุดเมื่อต้นปีนี้นั้น ใน ปี2000, the Centers for Disease Control and Prevention รายงานสถิติว่ามีเด็กต่างชาติที่มาเกิดในอเมริกาที่เรียกว่า anchor babies จำนวน 5,009 คน พอมาถึงปี 2008 ซึ่งเป็นสถิติที่มีอยู่ล่าสุดในขณะนี้มี anchor babies เพิ่มเป็น 7,462 คน
หาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากหัวข้อ Birth Tourism
ความคิดเห็นที่ 13
ผลประโยชน์ที่เด็กจะได้รับ คือมีเท่ากันกับคนอเมริกันทุกคน ต่อให้พ่อแม่จะไม่มีสัญชาติอเมริกันเลยทั้ง 2 คน ก็ตาม
เพราะอเมริกายังไม่ได้เปลี่ยนกฏหมายตรงนี้ เคยมีพูดๆกันว่าจะเปลี่ยน แต่ก็ยัง เพราะฉนั้น ใครเกิด ก็ได้สัญชาติอัตโนมัติ
ประโยชน์ที่พ่อกับแม่จะได้รับ หลังจากการคลอดลูก... เท่าที่รู้ คือไม่มีค่ะ ชีวิตในอเมริกาขึ้นอยู่กับสถานะวีซ่าของคนเป็นพ่อแม่ล้วนๆ
เพราะฉนั้นพอถึงคราวกลับ ลูกก็ต้องกลับประเทศเดิมของพ่อแม่ไปด้วย พอวันนึงที่เขาโตพอที่จะเลือกทางเดินของตัวเองได้ เขาสามารถ
มาได้โดยไม่มีผู้ปกครองค่ะ ถ้ายังเด็กอยู่ ก็คงต้องทำเรื่องหาคนที่อเมริกาดูแลและสนับสนุนค่ะ ถึงจะปล่อยลูกที่ต่ำกว่า 18 ไปอยู่อเมริกากับคนอื่นได้
ผลประโยชน์ที่แม่และพ่อ จะไม่ได้รับให้ลูก .. เกริ่นก่อน พื้นฐานสำหรับคนไปคลอดที่นู้นและอยู่สักพักก็กลับประเทศ
คือบุคคลที่มีสตางค์พอที่ จะจ่ายค่าพยาบาล ซึ่งแน่นอน แค่จะไปขอของฟรีจากเขาแทบจะทำไม่ได้ จะไม่ได้รับการรักษาฟรี ฝากครรภ์ฟรี
คลอดฟรี นมผง นมสด หรือผักผลไม้ฟรี เพราะว่ามารดาและบิดามีเงินมากเกินไป ไม่สามารถที่จะทำเรื่อง ขอบัตร medical ได้
อย่างน้อยมารดาคงไม่มี บัตรเสียภาษี หรือเรียกว่า Social security แน่ๆ ตรงนี้ต้องใช้ในการสมัครค่ะ ใบเขียวไม่จำเป็นในการขอบางเรื่อง
เรื่องขอของฟรีให้เด็ก จำเป็นแต่บัตร social security เอาจริงๆ คือ คงจะไม่ผ่านตั้งแต่ไปสัมภาษณ์ขอสวัสดิการให้ลูกตั้งแต่แรกแล้วค่ะ
สรุปคือ ผลประโยชน์ที่เด็กจะได้รับคือ เรียนฟรีตั้งแต่ KG 1 ถึง ม.6 แต่สำหรับโรงเรียนรัฐบาลเท่านั้น, ค่าเรียนมหาลัยที่ถูกกว่าเด็กอินเตอร์ราวกับฟ้ากับเหว
ทำงานได้อย่างถูกกฏหมาย เสียภาษี รับภาษีคืน มีเบี้ยเลี้ยงตอนแก่ หากวันนึงเด็กมีฐานะยากจน หรือตกงานก็ขอรับผลประโยชน์จากรัฐบาลได้
จนกว่าเขาจะโตพอ ขอใบเขียวให้กับพ่อกับแม่ได้ หรือวันนั้นพ่อกับแม่อาจจะไม่อยากอยู่ในประเทศ ก็ออกมาอยู่อเมริกายาวๆได้สบาย
บางคนคิดถึงขนาด ว่า อีก 20 ปีข้างหน้า ไม่รู้ว่าประเทศไทยเราจะไปทิศทางไหน แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้น เขาก็มีทางเลือก
เพราะอเมริกายังไม่ได้เปลี่ยนกฏหมายตรงนี้ เคยมีพูดๆกันว่าจะเปลี่ยน แต่ก็ยัง เพราะฉนั้น ใครเกิด ก็ได้สัญชาติอัตโนมัติ
ประโยชน์ที่พ่อกับแม่จะได้รับ หลังจากการคลอดลูก... เท่าที่รู้ คือไม่มีค่ะ ชีวิตในอเมริกาขึ้นอยู่กับสถานะวีซ่าของคนเป็นพ่อแม่ล้วนๆ
เพราะฉนั้นพอถึงคราวกลับ ลูกก็ต้องกลับประเทศเดิมของพ่อแม่ไปด้วย พอวันนึงที่เขาโตพอที่จะเลือกทางเดินของตัวเองได้ เขาสามารถ
มาได้โดยไม่มีผู้ปกครองค่ะ ถ้ายังเด็กอยู่ ก็คงต้องทำเรื่องหาคนที่อเมริกาดูแลและสนับสนุนค่ะ ถึงจะปล่อยลูกที่ต่ำกว่า 18 ไปอยู่อเมริกากับคนอื่นได้
ผลประโยชน์ที่แม่และพ่อ จะไม่ได้รับให้ลูก .. เกริ่นก่อน พื้นฐานสำหรับคนไปคลอดที่นู้นและอยู่สักพักก็กลับประเทศ
คือบุคคลที่มีสตางค์พอที่ จะจ่ายค่าพยาบาล ซึ่งแน่นอน แค่จะไปขอของฟรีจากเขาแทบจะทำไม่ได้ จะไม่ได้รับการรักษาฟรี ฝากครรภ์ฟรี
คลอดฟรี นมผง นมสด หรือผักผลไม้ฟรี เพราะว่ามารดาและบิดามีเงินมากเกินไป ไม่สามารถที่จะทำเรื่อง ขอบัตร medical ได้
อย่างน้อยมารดาคงไม่มี บัตรเสียภาษี หรือเรียกว่า Social security แน่ๆ ตรงนี้ต้องใช้ในการสมัครค่ะ ใบเขียวไม่จำเป็นในการขอบางเรื่อง
เรื่องขอของฟรีให้เด็ก จำเป็นแต่บัตร social security เอาจริงๆ คือ คงจะไม่ผ่านตั้งแต่ไปสัมภาษณ์ขอสวัสดิการให้ลูกตั้งแต่แรกแล้วค่ะ
สรุปคือ ผลประโยชน์ที่เด็กจะได้รับคือ เรียนฟรีตั้งแต่ KG 1 ถึง ม.6 แต่สำหรับโรงเรียนรัฐบาลเท่านั้น, ค่าเรียนมหาลัยที่ถูกกว่าเด็กอินเตอร์ราวกับฟ้ากับเหว
ทำงานได้อย่างถูกกฏหมาย เสียภาษี รับภาษีคืน มีเบี้ยเลี้ยงตอนแก่ หากวันนึงเด็กมีฐานะยากจน หรือตกงานก็ขอรับผลประโยชน์จากรัฐบาลได้
จนกว่าเขาจะโตพอ ขอใบเขียวให้กับพ่อกับแม่ได้ หรือวันนั้นพ่อกับแม่อาจจะไม่อยากอยู่ในประเทศ ก็ออกมาอยู่อเมริกายาวๆได้สบาย
บางคนคิดถึงขนาด ว่า อีก 20 ปีข้างหน้า ไม่รู้ว่าประเทศไทยเราจะไปทิศทางไหน แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้น เขาก็มีทางเลือก
แสดงความคิดเห็น
ทำไมบางคนถึงตั้งใจที่จะต้องไป คลอดบุตร ที่ อเมริกา
แบบว่า เตรียมการทุกอย่าง ตั้งแต่ฝากครรภ์ ระยะเวลาเข้าพัก จนถึงเวลาคลอด
ได้ประโยชน์อะไร จากการคลอดในประเทศ อเมริกา
และ แสดงให้เห็นถึงอะไร ได้บ้าง ในเรื่องนี้อะครับ