คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 4
ผมเคยอยู่ในสภาวะคล้ายๆกันครับ เมื่อปีกว่าที่แล้ว ตอนนั้นผมอายุ 30 เหมือนกันครับ มีลูกอายุ 1 ขวบ ทำงานอยู่บริษัทเอกชนด้านการเงินขนาดปานกลาง (บริษัท A) พนักงานราว 800 คน เงินเดือนในตอนนั้น ก็ถือว่าดีพอสมควร ปรับเงินเดือนเฉลี่ยปีละ 3% โบนัสราวๆ 3 เดือน (+/-) สภาพแวดล้อมกดดันและเครียดนิดหน่อย ตามแบบบริษัทข้ามชาติ แต่ผมก็แฮปปี้ดี
ช่วงนั้น งานใหม่ๆมีเข้ามาให้ผมได้ไปสัมภาษณ์พอสมควร ซึ่งผมเคยตั้งเป้าว่าถ้าจะย้าย ต้องปรับเงินเดือนพื้นฐาน (ไม่รวมสวัสดิการ) อย่างน้อยๆ 20% ไม่งั้นไม่ไป
วันนึงผมก็ฮิตแจ็กพ็อตครับ...บริษัทต่างชาติที่มีสาขาบ้านเราแห่งหนึ่งตกลงรับผม (บริษัท B) โดยเพิ่มเงินเดือนให้ 30% กว่าๆจากที่เก่า ตำแน่งดี การันตีโบนัส 2 เดือน...เดินทางต่างประเทศ 40% ของเวลาทำงานทั้งปี เพราะเป็นงาน regional..แต่วัดผลงานจากยอดการขายโดยรวม..สวัสดิการอื่นๆสู้บริษัทการเงินไม่ได้....แต่ผมก็ไม่ได้สนใจ พร้อมจะไปลุยเต็มที่ เพราะเงินและโอกาสการเดินทาง
จนกระทั่ง ไม่เกินสองอาทิตย์หลังจากนั้น..ยังไม่ทันได้ออกจาก A และยังไม่ได้ไปเริ่มที่ B..ผมได้งานที่รัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่ง (บริษัท C)...บริษัท C ให้เงินเดือนเท่าที่เดิมที่ บริษัท A..เงินเดือนขึ้น = 0% T_T..
ตำแหน่งมาตรฐาน อาจจะเกรดสูงกว่าเด็กจบใหม่ทำงานไม่กี่ปี แต่ชื่อตำแหน่งเหมือนกัน..ยังไงก็ไม่หล่อเหมือน Regional ที่บริษัท B เสนอ..แต่สวัสดิการจัดเต็ม ทั้งการกู้ ค่าเล่าเรียนบุตร ประกันสุขภาพเราและครอบครัว..provident fund 15% ปรับเงินเดือนปีละ 5%++ โบนัสเฉลี่ย 6 เดือน++..ฯลฯ...(ที่เดียวกับ จขกท ป่าวไม่รู้)..
จุดนี้ ผมถามกลับ...ว่าถ้าเป็นคุณ จขกท คุณเลือก บริษัทไหน ครับ??
ถ้า A..คุณก็ loyalty สูงมากๆ...ไม่ต้องคิดมาก...อยู่ที่เดิม คุณเต็มที่กับเค้า เค้าก็จะเต็มที่กับคุณ...ปิดกระทู้ กลับไปทำงาน
ถ้า B..คุณก็ยังไม่พร้อมจะ settle down...คุณจะมีเงินเดือนสูงๆ สามารถใช้ชีวิตเต็มที่ในแต่ล่ะเดือน ซึ่งก็ไม่ผิดอะไร คนวัย 'เรา' เป็นอย่างนี้เยอะแยะ หรือถ้าคุณบริหารเงินเอง รับความเสี่ยงได้สูง..ยังมีพลังเหลือเยอะ...ผมว่าคุณรอซักนิด เดี๋ยวก็มีโอกาสอย่างนี้เข้ามา...ปิดกระทู้ + ทำงาน + ส่ง resume ต่อไป..
ถ้า C..ก็แปลว่าคุณอยากจะ settle down จริงๆ...แต่ต้องเป็นองค์กรที่มั่นคงนะครับ...สวัสดิการจะช่วยให้เราออมเงินอย่างเป็นระบบ ต้องมี Provident ให้....บางแห่งมีสหกรณ์ออมทรัพย์ มี stock option มีเงินช่วยเหลือต่างๆ...เงืนเดือนไม่ต้องสูงมาก เอาให้อยู่ได้ไม่ลำบาก....รอไปรับเงินก้อนจากโบนัส ค่อยเอาไปพักผ่อน เก็บบางส่วนไปลงทุน
สิ่งที่ได้กลับมา คือเวลาให้ครอบครัว ให้ตัวเอง...อาจจะไม่ได้มีเงินเหลือต่อเดือนให้ไปถลุง แต่ก็พอที่จะพาครอบครัวไปทานข้าวนอกบ้าน ไปดูหนังได้บ้าง
ก็ต้องเลือกเอาครับ....
ส่วนผม ผมต้องการเวลาให้ครอบครัว และมองในระยะยาวว่า end game แล้ว บริษัท C จะให้อะไรคุณมากกว่า B และ A ครับ
ทุกวันนี้ยังมีคิดอยู่ว่า ถ้ายังอยู่ A อาจได้โปรโมทไปแล้ว..หรือหากวันนั้นเลือกไป B วันนี้อาจจะเป็นนักธุรกิจเท่ห์ๆบินไปบินมา...(ซึ่งถ้าผมโสด อายุไม่เกิน 27-28 ผมคงไป B)
แต่ก็ไม่เคยเสียใจที่มา C ครับ....
ช่วงนั้น งานใหม่ๆมีเข้ามาให้ผมได้ไปสัมภาษณ์พอสมควร ซึ่งผมเคยตั้งเป้าว่าถ้าจะย้าย ต้องปรับเงินเดือนพื้นฐาน (ไม่รวมสวัสดิการ) อย่างน้อยๆ 20% ไม่งั้นไม่ไป
วันนึงผมก็ฮิตแจ็กพ็อตครับ...บริษัทต่างชาติที่มีสาขาบ้านเราแห่งหนึ่งตกลงรับผม (บริษัท B) โดยเพิ่มเงินเดือนให้ 30% กว่าๆจากที่เก่า ตำแน่งดี การันตีโบนัส 2 เดือน...เดินทางต่างประเทศ 40% ของเวลาทำงานทั้งปี เพราะเป็นงาน regional..แต่วัดผลงานจากยอดการขายโดยรวม..สวัสดิการอื่นๆสู้บริษัทการเงินไม่ได้....แต่ผมก็ไม่ได้สนใจ พร้อมจะไปลุยเต็มที่ เพราะเงินและโอกาสการเดินทาง
จนกระทั่ง ไม่เกินสองอาทิตย์หลังจากนั้น..ยังไม่ทันได้ออกจาก A และยังไม่ได้ไปเริ่มที่ B..ผมได้งานที่รัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่ง (บริษัท C)...บริษัท C ให้เงินเดือนเท่าที่เดิมที่ บริษัท A..เงินเดือนขึ้น = 0% T_T..
ตำแหน่งมาตรฐาน อาจจะเกรดสูงกว่าเด็กจบใหม่ทำงานไม่กี่ปี แต่ชื่อตำแหน่งเหมือนกัน..ยังไงก็ไม่หล่อเหมือน Regional ที่บริษัท B เสนอ..แต่สวัสดิการจัดเต็ม ทั้งการกู้ ค่าเล่าเรียนบุตร ประกันสุขภาพเราและครอบครัว..provident fund 15% ปรับเงินเดือนปีละ 5%++ โบนัสเฉลี่ย 6 เดือน++..ฯลฯ...(ที่เดียวกับ จขกท ป่าวไม่รู้)..
จุดนี้ ผมถามกลับ...ว่าถ้าเป็นคุณ จขกท คุณเลือก บริษัทไหน ครับ??
ถ้า A..คุณก็ loyalty สูงมากๆ...ไม่ต้องคิดมาก...อยู่ที่เดิม คุณเต็มที่กับเค้า เค้าก็จะเต็มที่กับคุณ...ปิดกระทู้ กลับไปทำงาน
ถ้า B..คุณก็ยังไม่พร้อมจะ settle down...คุณจะมีเงินเดือนสูงๆ สามารถใช้ชีวิตเต็มที่ในแต่ล่ะเดือน ซึ่งก็ไม่ผิดอะไร คนวัย 'เรา' เป็นอย่างนี้เยอะแยะ หรือถ้าคุณบริหารเงินเอง รับความเสี่ยงได้สูง..ยังมีพลังเหลือเยอะ...ผมว่าคุณรอซักนิด เดี๋ยวก็มีโอกาสอย่างนี้เข้ามา...ปิดกระทู้ + ทำงาน + ส่ง resume ต่อไป..
ถ้า C..ก็แปลว่าคุณอยากจะ settle down จริงๆ...แต่ต้องเป็นองค์กรที่มั่นคงนะครับ...สวัสดิการจะช่วยให้เราออมเงินอย่างเป็นระบบ ต้องมี Provident ให้....บางแห่งมีสหกรณ์ออมทรัพย์ มี stock option มีเงินช่วยเหลือต่างๆ...เงืนเดือนไม่ต้องสูงมาก เอาให้อยู่ได้ไม่ลำบาก....รอไปรับเงินก้อนจากโบนัส ค่อยเอาไปพักผ่อน เก็บบางส่วนไปลงทุน
สิ่งที่ได้กลับมา คือเวลาให้ครอบครัว ให้ตัวเอง...อาจจะไม่ได้มีเงินเหลือต่อเดือนให้ไปถลุง แต่ก็พอที่จะพาครอบครัวไปทานข้าวนอกบ้าน ไปดูหนังได้บ้าง
ก็ต้องเลือกเอาครับ....
ส่วนผม ผมต้องการเวลาให้ครอบครัว และมองในระยะยาวว่า end game แล้ว บริษัท C จะให้อะไรคุณมากกว่า B และ A ครับ
ทุกวันนี้ยังมีคิดอยู่ว่า ถ้ายังอยู่ A อาจได้โปรโมทไปแล้ว..หรือหากวันนั้นเลือกไป B วันนี้อาจจะเป็นนักธุรกิจเท่ห์ๆบินไปบินมา...(ซึ่งถ้าผมโสด อายุไม่เกิน 27-28 ผมคงไป B)
แต่ก็ไม่เคยเสียใจที่มา C ครับ....
แสดงความคิดเห็น
แบบนี้คิดว่าจะลงหลักปักฐานได้หรือยังครับ
มาถึงวันนี้ ตามประสาคนวัยเลข 3 ล่ะครับ คิดว่าเราน่าจะหาที่ settle down แบบอยู่ไปจนเกษียณอายุได้หรือยัง (ไม่นับว่าอนาคตจะเกิดอะไรที่คาดไม่ถึงนะครับ) คือแบบว่า ผมกำลังคิดที่จะย้ายไปทำงานกับองค์กรหนึ่ง เขาให้เงินประมาณ 40K (น้อยกว่าที่ปัจจุบันพอสมควร) ปรับเงินเดือนปีละ 5%++ โบนัสเฉลี่ย 6 เดือน++ สวัสดีการดีมาก เช่น อุดหนุนดอกเบี้ยกู้บ้าน สภาพแวดล้อมและงานไม่เครียดเท่าที่ปัจจุบัน ถ้าองค์ประกอบโดยรวมแบบนี้ เหมาะที่จะแบบอยู่ไปยาวๆๆๆๆๆ เลยมั้ยครับ
ขอบคุณทุกความเห็นมากครับ