สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 52
เคยเป็นมนุษย์เงินเดือน ตอนนี้เป็นเจ้าของกิจการ (สามีอยากทำกิจการ เราก็ต้องลาออกมาช่วย)
ขนาดเป็นเจ้าของกิจการแล้วประสบความสำเร็จ ค้าขายดี เงินทองไหลมาเทมา
แต่บอกได้เลยว่าเราก็ยังยืนยันว่าเป็นมนุษย์เงินเดือนดีกว่า
พวกที่บอกว่าเป็นมนุษย์เงินเดือนไม่มีวันรวย เจ้าของกิจการน่ะดี๊ดี ทำเท่าไหร่ได้เท่านั้น
เป็นเจ้าของกิจการดีกว่า เป็นลูกจ้างก็เท่ากับสร้างความฝันให้คนอื่น
ต้องถามก่อนว่ามนุษย์เงินเดือนลงทุนด้วยอะไร แล้วเวลาเจ๊งคุณรับความเสี่ยงในการขาดทุนเท่าไหร่
เจ้าของกิจการ ลงเงิน ลงสมอง ลงแรง ดังนั้น เวลารีเทิร์นก็จะได้เงินคืนกลับมาทวีจากที่ลงทุนไป
แต่ในทางกลับกัน ถ้าเจ๊ง ชีวิตติดลบนะคะ มิได้เหลือแค่ 0
มนุษย์เงินเดือนนี่ถ้ากิจการเจ๊ง คุณก็ย้ายงานใหม่ ไม่ต้องแบกรับความเสี่ยงอะไรนอกจากชีวิตตัวเอง
อย่างมากชีวิตก็เหลือ 0 เพราะคุณไม่ได้ลงทุนอะไรในกิจการนั้น
อยากรวยก็ลงเงินสิคะ เสี่ยงมากรวยมาก ลงทุนมากก็ได้มาก แต่เจ๊งก็หนักนะคะ
มนุษย์เงินเดือนจบวันเลิกงานกลับบ้านเดินออกจากตึกก็จบแล้ว มีชีวิตที่แยกขาดจากงาน
แล้วคำว่าอิสระอยากหยุดเมื่อไหร่ ลาเมื่อไหร่ก็ได้น่ะเลิกพูดเถอะ
พอมาเป็นเจ้าของจริงๆถามว่าคุณกล้าทิ้งร้าน ทิ้งเงิน ทิ้งสินค้ามูลค่าเป็นล้านบาท ทิ้งทุกอย่างที่คุณลงทุนให้ลูกจ้างเฝ้าและเก็บเงินเหรอ
คุณจะไม่มีโหมดวันนี้เมื่อยจัง ปวดหัวจัง ลาพักร้อนดีกว่า อย่าลืมว่าถึงรายได้ไม่เข้าแต่ค่าใช้จ่ายเดินทุกวันนะคะ อยากปิดร้านก็ตามสบาย
ความเสี่ยงทุกอย่างในกิจการเจ้าของรับเองหมดค่ะ
ค่าเงินขึ้น-ลง ดอกเบี้ยขึ้น-ลง รถชนอุบ้ติเหตุ ลูกค้าเคลมของ ซื้อของมาผิดเสปค
ลูกน้องทุจริต มิจฉาชีพต่างๆ ความผิดพลาดหน้างานที่เกิดขึ้น
บางคนบอกว่าลูกน้องขับรถไปชนก็ให้ลูกน้องจ่ายสิ ... ลูกน้องเดี๋ยวนี้เลี้ยงยากนะคะ ไม่เอาไว้บนหิ้งลาออกหมด
ขอย้ำอีกครั้งว่า ขนาดเราทำกิจการแล้วถือว่าประสบความสำเร็จ มีชีวิตที่ดี ไม่ได้ล้มลุกคลุกคลานมา
ยังยืนยันว่าเป็นมนุษย์เงินเดือนมืออาชีพดีกว่าแน่นอนค่ะ
ถ้าไม่ติดว่าต้องมาช่วยสามีทำกิจการ ดิฉันก็ยังเป็นมนุษย์เงินเดือนอยู่แน่นอน
ขนาดเป็นเจ้าของกิจการแล้วประสบความสำเร็จ ค้าขายดี เงินทองไหลมาเทมา
แต่บอกได้เลยว่าเราก็ยังยืนยันว่าเป็นมนุษย์เงินเดือนดีกว่า
พวกที่บอกว่าเป็นมนุษย์เงินเดือนไม่มีวันรวย เจ้าของกิจการน่ะดี๊ดี ทำเท่าไหร่ได้เท่านั้น
เป็นเจ้าของกิจการดีกว่า เป็นลูกจ้างก็เท่ากับสร้างความฝันให้คนอื่น
ต้องถามก่อนว่ามนุษย์เงินเดือนลงทุนด้วยอะไร แล้วเวลาเจ๊งคุณรับความเสี่ยงในการขาดทุนเท่าไหร่
เจ้าของกิจการ ลงเงิน ลงสมอง ลงแรง ดังนั้น เวลารีเทิร์นก็จะได้เงินคืนกลับมาทวีจากที่ลงทุนไป
แต่ในทางกลับกัน ถ้าเจ๊ง ชีวิตติดลบนะคะ มิได้เหลือแค่ 0
มนุษย์เงินเดือนนี่ถ้ากิจการเจ๊ง คุณก็ย้ายงานใหม่ ไม่ต้องแบกรับความเสี่ยงอะไรนอกจากชีวิตตัวเอง
อย่างมากชีวิตก็เหลือ 0 เพราะคุณไม่ได้ลงทุนอะไรในกิจการนั้น
อยากรวยก็ลงเงินสิคะ เสี่ยงมากรวยมาก ลงทุนมากก็ได้มาก แต่เจ๊งก็หนักนะคะ
มนุษย์เงินเดือนจบวันเลิกงานกลับบ้านเดินออกจากตึกก็จบแล้ว มีชีวิตที่แยกขาดจากงาน
แล้วคำว่าอิสระอยากหยุดเมื่อไหร่ ลาเมื่อไหร่ก็ได้น่ะเลิกพูดเถอะ
พอมาเป็นเจ้าของจริงๆถามว่าคุณกล้าทิ้งร้าน ทิ้งเงิน ทิ้งสินค้ามูลค่าเป็นล้านบาท ทิ้งทุกอย่างที่คุณลงทุนให้ลูกจ้างเฝ้าและเก็บเงินเหรอ
คุณจะไม่มีโหมดวันนี้เมื่อยจัง ปวดหัวจัง ลาพักร้อนดีกว่า อย่าลืมว่าถึงรายได้ไม่เข้าแต่ค่าใช้จ่ายเดินทุกวันนะคะ อยากปิดร้านก็ตามสบาย
ความเสี่ยงทุกอย่างในกิจการเจ้าของรับเองหมดค่ะ
ค่าเงินขึ้น-ลง ดอกเบี้ยขึ้น-ลง รถชนอุบ้ติเหตุ ลูกค้าเคลมของ ซื้อของมาผิดเสปค
ลูกน้องทุจริต มิจฉาชีพต่างๆ ความผิดพลาดหน้างานที่เกิดขึ้น
บางคนบอกว่าลูกน้องขับรถไปชนก็ให้ลูกน้องจ่ายสิ ... ลูกน้องเดี๋ยวนี้เลี้ยงยากนะคะ ไม่เอาไว้บนหิ้งลาออกหมด
ขอย้ำอีกครั้งว่า ขนาดเราทำกิจการแล้วถือว่าประสบความสำเร็จ มีชีวิตที่ดี ไม่ได้ล้มลุกคลุกคลานมา
ยังยืนยันว่าเป็นมนุษย์เงินเดือนมืออาชีพดีกว่าแน่นอนค่ะ
ถ้าไม่ติดว่าต้องมาช่วยสามีทำกิจการ ดิฉันก็ยังเป็นมนุษย์เงินเดือนอยู่แน่นอน
แสดงความคิดเห็น
มีใครรู้สึกว่ามนุษย์เงินเดือนดีกว่าเจ้าของธุรกิจบ้างครับ ขอเหตุผลหน่อย
เห็นมีแต่คนพูดว่า จะประสบความสำเร็จ ต้อง ออกมาทำธุรกิจของตนเอง
เก่งแค่ไหน ตำแหน่งสูงเท่าไร สุดท้ายก็เป็นได้แค่ลูกน้องเค้า
ซึ่งผมคิดว่า คงทำให้มนุษย์เงินเดือนหลายๆคนจิตตกได้เหมือนกัน
เลยอยากทราบเหตุผลและความคิดเห็นของทุกๆท่านหน่อยครับ