- ผมมองดูมือขาว ๆ สะอาด ๆ เรียว ๆ ประกบเข้าหากัน ยกขึ้นประนมแล้วก้มกราบลงต่อหน้าพระพุทธรูปองค์หนึ่งที่ศรีลังกา
มันเป็นภาพที่ประทับใจและสวยงามจริง ๆ ใบหน้าที่บ่งบอกถึงความอิ่มบุญพร้อม ๆ กับแววตาเปรี่ยมด้วยการให้อภัย
ดูแล้ว อบอุ่น เป็นมิตร เย็นตา เย็นใจ
อาจเพราะเป็นมือที่มองเห็นว่า ขาว สะอาด ไม่เปรอะเปื้อนสิ่งใด ๆ (โดยเฉพาะกลิ่นคาวเลือดหรือกลิ่นควันปืน)
- เมื่อเดินออกมาภายนอก ประชาชนในวัยต่าง ๆ ต่างยื้อแย่งกันเพื่อจะเข้ามาหาให้ใกล้ที่สุด ได้สัมผัสมือ ได้สบตา ได้ส่งรอยยิ้มและเสียหัวเราะ และต่างฝ่ายต่างมีแววตาที่มิตรต่อกัน
- มันเป็นภาพที่ประทับใจที่ดูกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ ผมดูภาพเหล่านั้นพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว
ใช่แล้วครับ เธอคือ "นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" นายกรัฐมนตรีของเรา
พอกลับถึงประเทศของตัวเอง.. อะไรกันครับ ไปไหว้พระมันก็ตามจิกตามด่า กระแนะกระแหน่ ไม่เคยให้เกียรติเลย
- ไปมัลดิฟที่เดียวกันแท้ ๆ ตอน อพิสิดไป มันบอกว่าไปปรึกษาหารือเรื่องน้ำท่วม
พอนายกปูไป มันบอกไปเที่ยว (เออ...ไปเที่ยวก็ไปเที่ยวว่ะ แล้วจะทำไป....)
- วัน ๆ คอยจ้องแต่จะล้มเธอ ล้มรัฐบาล คอยกวักมือเรียกทหารอยู่นั่นะ ยุแหย่ตลอด ด้วยข้อหาที่ไร้สาระสิ้นดี เวรแท้น้ออออ...
การได้มาซึ่งอำนาจรัฐมันมีอยู่ 2 ทาง
- ทางหนึ่ง ถ้ามีปืน มีพวก ก็ชักชวนพรรคพวกถือปืนไปปล้นเอาเลย
แต่ทางนี้จะไม่เป็นที่ยอมรับของนานาอารยะประเทศเขา
- อีกทางหนึ่ง ต้องเดินผ่านกำแพงประชาชน โดยการไปขอความเห็นชอบ ใครผ่านได้ ก็ได้อำนาจรัฐไป
แนวทางนี้มันเป็นเรื่องที่ทั่วโลกเขายอมรับ มันเป็นสากล เป็นเป็นอารยะ ใคร ๆ ก็ยอมรับ
นายกปูเขามาตามแนวทางที่ 2 ท่านเป็นคนมีความอดทน เสียสละ นิ่ง อ่อนน้อมถ่อมตน ไม่โต้ตอบ มีกริยามารยาทที่งดงาม
เป็นคนฟังประชาชน รักประชาชน เห็นแก่ประเทศชาติ และประชาชนก็รักท่าน ท่านไม่ได้กระ
กระสนที่อยากจะอยู่ในอำนาจ
ท่านไม่เคยข้องแวะกับการเมืองมาก่อน แต่ที่มานี่เพราะประชาชนเลือก คนในพรรคเห็นว่า ท่านมีความเหมาะสมทุก ๆ อย่าง
ก็นำเสนอตัวท่านต่อประชาชน เมื่อประชาชนส่วนใหญ่เลือกมาให้ทำหน้าที่ ก็ต้องทำหน้าที่ฯ ส่วนการวิจารณ์นั้นมันต้องเป็นเรื่อง
ของเนื้องาน ดีไม่ดี ถูกไม่ถูก เหมาะไม่เหมาะ ควรไม่ควร 1. 2. 3. ว่ากันไปซิ..
แต่นี่มันวิจารณ์กันแบบไม่มีสามัญสำนึกของความเป็นคนเลยสักนิด กะหรี่ ขายชาติ โง่ สวย แต่งตัวสวย ไปเที่ยว เอาอยู่
ไอ้เรื่องที่วิจารณ์นั่นไม่เคยเกินสะดือขึ้นมาเลย หรือว่าปัญญามันมีแค่นี้ ทั้งหัวหงอก-หัวดำ เป็นกันหมด ไม่รู้จักห้ามปรามกัน
ช่างไม่สงสารกันบ้างเลย ไม่คิดเลยหรือว่า ลูก และสามี ตื่นเช้าก็ต้องมาฟังแต่คำด่า หยาบ ๆ คาย ๆ ต่ำสะถุนแบบนี้ จะคิดอย่างไร
เรื่องการยึดอำนาจ ต่อให้ยึดอำนาจไปประชาชนเขาก็จะเอานายกปูกลับมาอยู่ดี พวกท่านไม่มีทางชนะนายกปู - นายกทักษิณได้
หรอก เชื่อเถอะ ทางที่ดีเราอยู่ด้วยกันดีกว่า อยู่กันตามกติกาที่เป็นกลางและเป็นธรรม ท่ามกลางรอยยิ้มและการให้อภัยจะดีกว่า
รัฐบาลจะดีหรือไม่ดี 4 ปีว่ากันใหม่ ไหนบอกว่าอยากให้ประเทศชาติเจริญ
การรัฐประหารยึดอำนาจ มันจะทำให้ประเทศชาติเจริญได้ยังงัย ที่พูดนั่นโกหกหรือเปล่า บอกว่าอยากให้ประชาชนอยู่ดีกินดี
นายกปู กับพรรคพวกก็กำลังจะทำ สร้างรถไฟความเร็วสูง ขยายสนามบิน ทำระบบขนส่งทางมอเตอร์เวย์ ระบบป้องกันน้ำ กระตุ้น
การลงทุน เพิ่มเงินเดือน เพิ่มการจ้างงาน เพิ่มค่าแรง ฯลฯ
ท้ายนี้อยากบอกว่า
"รัฐประหารไม่เคยทำให้ประเทศเจริญ และพวกคุณไม่มีทางชนะประชาชน"
ยังคิดรัฐประหารกันอยู่อีกเหรอ
มันเป็นภาพที่ประทับใจและสวยงามจริง ๆ ใบหน้าที่บ่งบอกถึงความอิ่มบุญพร้อม ๆ กับแววตาเปรี่ยมด้วยการให้อภัย
ดูแล้ว อบอุ่น เป็นมิตร เย็นตา เย็นใจ
อาจเพราะเป็นมือที่มองเห็นว่า ขาว สะอาด ไม่เปรอะเปื้อนสิ่งใด ๆ (โดยเฉพาะกลิ่นคาวเลือดหรือกลิ่นควันปืน)
- เมื่อเดินออกมาภายนอก ประชาชนในวัยต่าง ๆ ต่างยื้อแย่งกันเพื่อจะเข้ามาหาให้ใกล้ที่สุด ได้สัมผัสมือ ได้สบตา ได้ส่งรอยยิ้มและเสียหัวเราะ และต่างฝ่ายต่างมีแววตาที่มิตรต่อกัน
- มันเป็นภาพที่ประทับใจที่ดูกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ ผมดูภาพเหล่านั้นพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว
ใช่แล้วครับ เธอคือ "นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" นายกรัฐมนตรีของเรา
พอกลับถึงประเทศของตัวเอง.. อะไรกันครับ ไปไหว้พระมันก็ตามจิกตามด่า กระแนะกระแหน่ ไม่เคยให้เกียรติเลย
- ไปมัลดิฟที่เดียวกันแท้ ๆ ตอน อพิสิดไป มันบอกว่าไปปรึกษาหารือเรื่องน้ำท่วม
พอนายกปูไป มันบอกไปเที่ยว (เออ...ไปเที่ยวก็ไปเที่ยวว่ะ แล้วจะทำไป....)
- วัน ๆ คอยจ้องแต่จะล้มเธอ ล้มรัฐบาล คอยกวักมือเรียกทหารอยู่นั่นะ ยุแหย่ตลอด ด้วยข้อหาที่ไร้สาระสิ้นดี เวรแท้น้ออออ...
การได้มาซึ่งอำนาจรัฐมันมีอยู่ 2 ทาง
- ทางหนึ่ง ถ้ามีปืน มีพวก ก็ชักชวนพรรคพวกถือปืนไปปล้นเอาเลยแต่ทางนี้จะไม่เป็นที่ยอมรับของนานาอารยะประเทศเขา
- อีกทางหนึ่ง ต้องเดินผ่านกำแพงประชาชน โดยการไปขอความเห็นชอบ ใครผ่านได้ ก็ได้อำนาจรัฐไป
แนวทางนี้มันเป็นเรื่องที่ทั่วโลกเขายอมรับ มันเป็นสากล เป็นเป็นอารยะ ใคร ๆ ก็ยอมรับ
นายกปูเขามาตามแนวทางที่ 2 ท่านเป็นคนมีความอดทน เสียสละ นิ่ง อ่อนน้อมถ่อมตน ไม่โต้ตอบ มีกริยามารยาทที่งดงาม
เป็นคนฟังประชาชน รักประชาชน เห็นแก่ประเทศชาติ และประชาชนก็รักท่าน ท่านไม่ได้กระกระสนที่อยากจะอยู่ในอำนาจ
ท่านไม่เคยข้องแวะกับการเมืองมาก่อน แต่ที่มานี่เพราะประชาชนเลือก คนในพรรคเห็นว่า ท่านมีความเหมาะสมทุก ๆ อย่าง
ก็นำเสนอตัวท่านต่อประชาชน เมื่อประชาชนส่วนใหญ่เลือกมาให้ทำหน้าที่ ก็ต้องทำหน้าที่ฯ ส่วนการวิจารณ์นั้นมันต้องเป็นเรื่อง
ของเนื้องาน ดีไม่ดี ถูกไม่ถูก เหมาะไม่เหมาะ ควรไม่ควร 1. 2. 3. ว่ากันไปซิ..
แต่นี่มันวิจารณ์กันแบบไม่มีสามัญสำนึกของความเป็นคนเลยสักนิด กะหรี่ ขายชาติ โง่ สวย แต่งตัวสวย ไปเที่ยว เอาอยู่
ไอ้เรื่องที่วิจารณ์นั่นไม่เคยเกินสะดือขึ้นมาเลย หรือว่าปัญญามันมีแค่นี้ ทั้งหัวหงอก-หัวดำ เป็นกันหมด ไม่รู้จักห้ามปรามกัน
ช่างไม่สงสารกันบ้างเลย ไม่คิดเลยหรือว่า ลูก และสามี ตื่นเช้าก็ต้องมาฟังแต่คำด่า หยาบ ๆ คาย ๆ ต่ำสะถุนแบบนี้ จะคิดอย่างไร
เรื่องการยึดอำนาจ ต่อให้ยึดอำนาจไปประชาชนเขาก็จะเอานายกปูกลับมาอยู่ดี พวกท่านไม่มีทางชนะนายกปู - นายกทักษิณได้
หรอก เชื่อเถอะ ทางที่ดีเราอยู่ด้วยกันดีกว่า อยู่กันตามกติกาที่เป็นกลางและเป็นธรรม ท่ามกลางรอยยิ้มและการให้อภัยจะดีกว่า
รัฐบาลจะดีหรือไม่ดี 4 ปีว่ากันใหม่ ไหนบอกว่าอยากให้ประเทศชาติเจริญ
การรัฐประหารยึดอำนาจ มันจะทำให้ประเทศชาติเจริญได้ยังงัย ที่พูดนั่นโกหกหรือเปล่า บอกว่าอยากให้ประชาชนอยู่ดีกินดี
นายกปู กับพรรคพวกก็กำลังจะทำ สร้างรถไฟความเร็วสูง ขยายสนามบิน ทำระบบขนส่งทางมอเตอร์เวย์ ระบบป้องกันน้ำ กระตุ้น
การลงทุน เพิ่มเงินเดือน เพิ่มการจ้างงาน เพิ่มค่าแรง ฯลฯ
ท้ายนี้อยากบอกว่า "รัฐประหารไม่เคยทำให้ประเทศเจริญ และพวกคุณไม่มีทางชนะประชาชน"