สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 5
จบม. 6 ได้โควต้าไปเรียนต่อ ม.ขอนแก่น ไปเรียน 1 ปี ทนไม่ได้ เพราะไม่ไปเชียร์ ไม่ชอบพี่ว๊าก เค้าด่ารุ่นน้อง เหน็บแนม ด่าทอหยาบคาย ทนไม่ได้ ภูมิคุ้มกันความหยาบคายไม่ถึง -_- พอไม่ไปเข้าเชียร์เลยไม่มีเพื่อน ไม่มีกลุ่ม ทนเรียน 1 ปี ขอพ่อแม่ว่าจะออก พ่อแม่ไม่ยอม เราตัดสินใจไปดร็อป แล้วขนของออกจากหอของมหา'ลัยโดยที่ไม่บอกพ่อกับแม่ นั่งรถทัวร์เข้ากรุงเทพฯคนเดียว ไปหาเช่าอพาร์ทเมนท์ แล้วสมัครเรียนรามฯ หลอกที่บ้านว่ายังเรียนที่มข. อยู่
ปีแรกก็ปกติดี เค้าจะไปเยี่ยมที่ขอนแก่นทุกวันเสาร์ เราก็นั่งรถทัวร์นครชัยแอร์ไปคืนวันศุกร์ ไปขอยืมห้องในหอเพื่อนหลอกเค้า แต่พอมาปีที่ 2 เค้าจับได้ เค้าโกรธเลยเลิกส่งเราเรียน เราเลยออกจากบ้านมาเต็มตัว หางานทำ ลำบากมาก มีปัญหาอะไรต้องเก็บไว้คนเดียว พ่อแม่ไม่รับรู้ เพื่อนสนิทก็ไม่มี เอาทรานสคริปท์นักศึกษาปี 2 ไปสมัครทำงาน ดีที่พูดภาษาอังกฤษได้ตั้งแต่มัธยม ปี 2544 ทำงาน call center โหลดเพลง, รูป, ริงโทนลงโทรศัพท์แถวสุขุมวิท ได้เงินเดือน 15,000 ส่วน ส-อา. ไปรับจ๊อบเป็นพริตตี้ขายเครื่องสำอางค์ ขายสินค้าในห้าง ได้วันละ 500-2,000 ต่อมาโมเดลลิ่งหักเยอะ ก็เลยออกหางานเองเป็นพริตตี้ freelance การเงินเลยดีขึ้น ช่วงนั้นทำงานทุกอย่างที่ได้เงิน สนใจแต่ทำงาน หาเงินเรียน จนจบ ไม่เคยมีแฟน ไม่สนใจผู้ชาย เรียน 2ปีครึ่งจบ
พอจบมาแล้วถึงได้กลับบ้าน ดิ้นรนหาทางไปทำงาน + เรียนต่อตปท. ในปีต่อมาเลยไม่ได้เข้าพิธีรับพระราชทานปริญญาบัตร ไปเรียนต่อ 3 ปีจบโทกลับมาไทย ที่บ้านก็ยังพูดถึงเรื่องเราออกจากมข. อยู่ ยังพูดเรื่องลูกคนอื่นได้รับปริญญาฯจากพระเทพฯอยู่ เค้าบอกว่าเราทำให้เค้าน้อยหน้า ลูกคนอื่นมีรูปติดข้างฝา
ปัจจุบันไม่ค่อยได้คุยกับทางบ้าน นานๆจะเจอกันที แต่ส่งเงินให้ไม่เคยขาด พาเค้าไปต่างประเทศบ้างแต่แค่ช่วงสั้นๆ อยู่ด้วยกันนานๆไม่ได้ เค้าจะรำลึกความหลังมาพูดบ่อยๆ
ก็ค่อนข้างภูมิใจในตัวเองอยู่เหมือนกัน ถึงแม้ไม่เคยได้รับกำลังใจจากพ่อกับแม่เลย รักและเคารพเค้าเหมือนที่เคยเป็นมา แต่เรื่องบางเรื่อง มันก็ต่อไม่ติด
via Pantip Talk
ปีแรกก็ปกติดี เค้าจะไปเยี่ยมที่ขอนแก่นทุกวันเสาร์ เราก็นั่งรถทัวร์นครชัยแอร์ไปคืนวันศุกร์ ไปขอยืมห้องในหอเพื่อนหลอกเค้า แต่พอมาปีที่ 2 เค้าจับได้ เค้าโกรธเลยเลิกส่งเราเรียน เราเลยออกจากบ้านมาเต็มตัว หางานทำ ลำบากมาก มีปัญหาอะไรต้องเก็บไว้คนเดียว พ่อแม่ไม่รับรู้ เพื่อนสนิทก็ไม่มี เอาทรานสคริปท์นักศึกษาปี 2 ไปสมัครทำงาน ดีที่พูดภาษาอังกฤษได้ตั้งแต่มัธยม ปี 2544 ทำงาน call center โหลดเพลง, รูป, ริงโทนลงโทรศัพท์แถวสุขุมวิท ได้เงินเดือน 15,000 ส่วน ส-อา. ไปรับจ๊อบเป็นพริตตี้ขายเครื่องสำอางค์ ขายสินค้าในห้าง ได้วันละ 500-2,000 ต่อมาโมเดลลิ่งหักเยอะ ก็เลยออกหางานเองเป็นพริตตี้ freelance การเงินเลยดีขึ้น ช่วงนั้นทำงานทุกอย่างที่ได้เงิน สนใจแต่ทำงาน หาเงินเรียน จนจบ ไม่เคยมีแฟน ไม่สนใจผู้ชาย เรียน 2ปีครึ่งจบ
พอจบมาแล้วถึงได้กลับบ้าน ดิ้นรนหาทางไปทำงาน + เรียนต่อตปท. ในปีต่อมาเลยไม่ได้เข้าพิธีรับพระราชทานปริญญาบัตร ไปเรียนต่อ 3 ปีจบโทกลับมาไทย ที่บ้านก็ยังพูดถึงเรื่องเราออกจากมข. อยู่ ยังพูดเรื่องลูกคนอื่นได้รับปริญญาฯจากพระเทพฯอยู่ เค้าบอกว่าเราทำให้เค้าน้อยหน้า ลูกคนอื่นมีรูปติดข้างฝา
ปัจจุบันไม่ค่อยได้คุยกับทางบ้าน นานๆจะเจอกันที แต่ส่งเงินให้ไม่เคยขาด พาเค้าไปต่างประเทศบ้างแต่แค่ช่วงสั้นๆ อยู่ด้วยกันนานๆไม่ได้ เค้าจะรำลึกความหลังมาพูดบ่อยๆ
ก็ค่อนข้างภูมิใจในตัวเองอยู่เหมือนกัน ถึงแม้ไม่เคยได้รับกำลังใจจากพ่อกับแม่เลย รักและเคารพเค้าเหมือนที่เคยเป็นมา แต่เรื่องบางเรื่อง มันก็ต่อไม่ติด
via Pantip Talk
แสดงความคิดเห็น
มีใครที่ไม่ค่อยมีความสุขมากนักกับชีวิตสมัยมหาวิทยาลัยไหมคะ?
แต่ก็มีบางคนเหมือนกันที่อาจจะไม่ค่อยสุขมากด้วยเหตุผลต่างๆกัน ;__;
เราเองก็มีบางเหตุเหมือนกันที่ทำให้ไม่ค่อยแฮปปี้มากเท่าที่ควร
เลยอยากฟังเรื่องของเพื่อนๆที่อาจจะมีชีวิตมหาลัยที่ไม่ค่อยมีความสุขมากนักหรือมีปัญหาต่างๆ
อาจจะการเรียน,เพื่อน,คณะ,สังคม,อาจารย์ ฯลฯ
มาเป็นกำลังใจให้ตัวเองฮึดสู้ต่อไปค่ะ
จะมีมั้ยเนี่ย? ๕๕ ^^