ฟ้าหลังฝนมันช่างสดใสแบบนี่นี้เอง สำหรับชีวิตความรักของนางเอกสาว พิ้งกี้ สาวิกา ที่ผ่านมรสุมข่าวฉาว รุมเร้ามามากมาย แต่เวลานี้ใครๆ ก็ต้องอิจฉานางเอกคนนี้ เพราะโลกของเธอกำลังเป็นสีชมพู หลังจากได้หนุ่มหน้าหล่อ ลูกครึ่งอเมริกัน-ญี่ปุ่น อย่างหนุ่ม พอล มิชิโอะ แม็คคาร์ธี (Paul Michio Mccathy) ที่อาสาเข้ามาช่วยดูแลหัวใจ หลังจากที่เธอต้องถอยห่างจากหนุ่มฮ่องกงนามว่า เจสัน เพียงในเวลาไม่กี่วันเท่านั้น ซึ่งงานนี้หนุ่มพอลเลยถือโอกาสบินตรงมาจากนิวยอร์ก เพื่อมาหาสาวพิ้งกี้ถึงเมืองไทย หลังจากที่ต้องทนรอพิ้งค์กี้รับรักมานาน 3-4 ปีเต็ม จนตอนนี้ทั้งคู่เปลี่ยนสถานะจากเพื่อนกลายมาเป็นคนรัก และดูเหมือนว่าทางคุณแม่ของพิ้งค์กี้ก็ปลาบปลื้มหนุ่มพอลแบบสุดๆ งานนี้ว่าที่ลูกเขยคงจะหนีไม่พ้นซะแล้วละมั้ง ซึ่งเรื่องนี้สาวพิ้งค์กี้เผยว่า
"จริงๆ เรา 2 คน รู้จักกันมา 3-4 ปี แล้วค่ะ เจอกันญี่ปุ่น ตอนนั้นกี้ไปเที่ยวส่วนตัวกับทางครอบครัว แล้วก็มีโอกาสได้เจอกับพอล เจอกันครั้งแรกเขาเหมือนคนญี่ปุ่นมากๆ แต่พอดูอีกทีก็คล้ายๆ ฝรั่ง กี้เลยถามเขาว่ายูเป็นลูกครึ่งหรือเปล่า เขาก็บอกว่าเป็นลูกครึ่ง อเมริกา-ญี่ปุ่น คุณพ่อเขาเป็นคนอเมริกาส่วนคุณแม่เขาเป็นคนญี่ปุ่น หลังจากนั้นเราก็คุยกันมาเรื่อยๆ แต่ในสถานะของความเป็นเพื่อนกันมากกว่า แต่กี้ก็พอรู้ล่ะว่าเขาก็จีบๆ เรานะ (หัวเราะ) แต่ตอนนั้นเรางานยุ่งมากๆ แล้วเรื่องของเวลา และระยะทาง ทำให้กี้คิดว่าเขาน่าจะเป็นเพื่อนกับเราคงจะดีที่สุด"
"หลังจากนั้น เรา 2 คนก็คุยกันแบบเพื่อนมาโดยตลอด 3-4 ปี ทางอีเมล์บ้าง ทางเฟซบุ๊กบ้าง บางปีก็ขาดการติดต่อกันไปเลยก็มี แล้วเมื่อช่วงต้นๆ ปีเขาอยากมาเที่ยวเมืองไทยอยู่แล้ว กี้ก็เลยชวนเขามาเที่ยว เพราะเมืองไทยช่วงนี้กำลังสวยเลย อยากให้เขามาเห็นทะเล ภูเขา ธรรมชาติ แต่อากาศปีนี้ร้อนไปหน่อย เลยยังไม่ได้ไปเที่ยวไหนกันเลย เขาก็บ่นๆ ว่าร้อน เดินๆ อยู่เหงื่อก็ท่วมตัวเลย จริงๆ ตัวเขาก็เคยมาเมืองไทยเมื่อปี 2010 นะคะ มาสอนภาษาอังกฤษให้กับเด็กนักเรียนทางภาคใต้ เขามาใช้ชีวิตกับชาวบ้านทางภาคใต้นานพอสมควร ได้เรียนรู้วัฒนธรรมไทยมาบ้าง คุยกันแรกๆ เขาจะเป็นคนเงียบๆ คุยไม่ทันกี้ ตอนนี้เริ่มพูดเยอะแล้ว แล้วเขาก็เข้าใจการทำงานของกี้ด้วย อย่างบางงานเขาก็มีโอกาสได้ไปดูกี้ทำงาน อย่างเวลากี้ไปถ่ายหนังอินเดีย เขาก็จะแฮปปี้มากเวลาไปกองถ่าย เพราะนักแสดงหลายคนพูดภาษาอังกฤษเก่ง ก็ชวนเขาคุยได้ทั้งวันเลย แล้วเขาก็จะชอบคุยกับพ่อกี้มาก คุยอะไรกันก็ไม่รู้ค่ะ แต่ดูเฮฮาหัวเราะกันลั่นเลย ส่วนแม่จะนิ่งๆ เอาแต่ยิ้มอย่างเดียวค่ะ" พิ้งกี้กล่าว
Sanook
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ตามที่เราคิด ทามส์ไลน์คู่นี้ดูงงๆนะ เพราะพิ้งกี้เพิ่งเลิกคุยกับเจสันได้ไม่กี่วัน ก็เปิดตัวพอลเลย เอาเวลาไหนไปพัฒนาความสัมพัยธ์กันน่ะ ก็เห็นพิ้งกี้บอกว่า คุยกับเจสันทุกวัน แถมทำหน้าระรื่นด้วย บอกว่าเจสันจะมาหาที่ไทย เหมือนพอลเป็นตัวละครลับเนาะ โผล่มาตอนท้ายๆ
เรื่องนี้เราคิดสองแง่น่ะ
แง่ที่1 - เจสันไม่มีตัวตน เธอกุเรื่องแน่ๆ(เรื่องนี้น้องพินต้า ก็มาร่วมอภิปราย)
แง่ที่2 - เธอคบซ้อน เหยียบเรือสองแคม
แต่นับถือพอลนะ ที่ยอมรอพิ้งกี้ หน้าตาดีขนาดนี้ น่าจะมีผู้หญิงมารายล้อมเยอะ แต่มั่นคงดีที่ทนรอพิ้งกี้ แต่เป็นแฟนกันไวไปไหมค่ะ เพราะหยุดคุยกับเจสันได้ไม่แค่กี่วันเองนะ ก็เป็นแฟนพอลไปซะแล้ว ถ้าพัฒนาความสัมพันธ์จากเพื่อนมาเป็นแฟนกันก่อนหน้านี้จริงๆ เราต้องชื่นชมพอลว่าเป็นผู้ชายใจกว้างเนาะ ที่ปล่อยให้พิ้งกี้มีข้าวกับผู้ชายคนอื่น ที่ไม่ใช่แฟน
เอ๊ะ! เราคิดมากเกินไปหรือเปล่า!?
กว่าจะได้เป็นแฟนกัน พอล ทนรอ พิ้งกี้ รับรัก 3 ปี
"จริงๆ เรา 2 คน รู้จักกันมา 3-4 ปี แล้วค่ะ เจอกันญี่ปุ่น ตอนนั้นกี้ไปเที่ยวส่วนตัวกับทางครอบครัว แล้วก็มีโอกาสได้เจอกับพอล เจอกันครั้งแรกเขาเหมือนคนญี่ปุ่นมากๆ แต่พอดูอีกทีก็คล้ายๆ ฝรั่ง กี้เลยถามเขาว่ายูเป็นลูกครึ่งหรือเปล่า เขาก็บอกว่าเป็นลูกครึ่ง อเมริกา-ญี่ปุ่น คุณพ่อเขาเป็นคนอเมริกาส่วนคุณแม่เขาเป็นคนญี่ปุ่น หลังจากนั้นเราก็คุยกันมาเรื่อยๆ แต่ในสถานะของความเป็นเพื่อนกันมากกว่า แต่กี้ก็พอรู้ล่ะว่าเขาก็จีบๆ เรานะ (หัวเราะ) แต่ตอนนั้นเรางานยุ่งมากๆ แล้วเรื่องของเวลา และระยะทาง ทำให้กี้คิดว่าเขาน่าจะเป็นเพื่อนกับเราคงจะดีที่สุด"
"หลังจากนั้น เรา 2 คนก็คุยกันแบบเพื่อนมาโดยตลอด 3-4 ปี ทางอีเมล์บ้าง ทางเฟซบุ๊กบ้าง บางปีก็ขาดการติดต่อกันไปเลยก็มี แล้วเมื่อช่วงต้นๆ ปีเขาอยากมาเที่ยวเมืองไทยอยู่แล้ว กี้ก็เลยชวนเขามาเที่ยว เพราะเมืองไทยช่วงนี้กำลังสวยเลย อยากให้เขามาเห็นทะเล ภูเขา ธรรมชาติ แต่อากาศปีนี้ร้อนไปหน่อย เลยยังไม่ได้ไปเที่ยวไหนกันเลย เขาก็บ่นๆ ว่าร้อน เดินๆ อยู่เหงื่อก็ท่วมตัวเลย จริงๆ ตัวเขาก็เคยมาเมืองไทยเมื่อปี 2010 นะคะ มาสอนภาษาอังกฤษให้กับเด็กนักเรียนทางภาคใต้ เขามาใช้ชีวิตกับชาวบ้านทางภาคใต้นานพอสมควร ได้เรียนรู้วัฒนธรรมไทยมาบ้าง คุยกันแรกๆ เขาจะเป็นคนเงียบๆ คุยไม่ทันกี้ ตอนนี้เริ่มพูดเยอะแล้ว แล้วเขาก็เข้าใจการทำงานของกี้ด้วย อย่างบางงานเขาก็มีโอกาสได้ไปดูกี้ทำงาน อย่างเวลากี้ไปถ่ายหนังอินเดีย เขาก็จะแฮปปี้มากเวลาไปกองถ่าย เพราะนักแสดงหลายคนพูดภาษาอังกฤษเก่ง ก็ชวนเขาคุยได้ทั้งวันเลย แล้วเขาก็จะชอบคุยกับพ่อกี้มาก คุยอะไรกันก็ไม่รู้ค่ะ แต่ดูเฮฮาหัวเราะกันลั่นเลย ส่วนแม่จะนิ่งๆ เอาแต่ยิ้มอย่างเดียวค่ะ" พิ้งกี้กล่าว
Sanook
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ตามที่เราคิด ทามส์ไลน์คู่นี้ดูงงๆนะ เพราะพิ้งกี้เพิ่งเลิกคุยกับเจสันได้ไม่กี่วัน ก็เปิดตัวพอลเลย เอาเวลาไหนไปพัฒนาความสัมพัยธ์กันน่ะ ก็เห็นพิ้งกี้บอกว่า คุยกับเจสันทุกวัน แถมทำหน้าระรื่นด้วย บอกว่าเจสันจะมาหาที่ไทย เหมือนพอลเป็นตัวละครลับเนาะ โผล่มาตอนท้ายๆ
เรื่องนี้เราคิดสองแง่น่ะ
แง่ที่1 - เจสันไม่มีตัวตน เธอกุเรื่องแน่ๆ(เรื่องนี้น้องพินต้า ก็มาร่วมอภิปราย)
แง่ที่2 - เธอคบซ้อน เหยียบเรือสองแคม
แต่นับถือพอลนะ ที่ยอมรอพิ้งกี้ หน้าตาดีขนาดนี้ น่าจะมีผู้หญิงมารายล้อมเยอะ แต่มั่นคงดีที่ทนรอพิ้งกี้ แต่เป็นแฟนกันไวไปไหมค่ะ เพราะหยุดคุยกับเจสันได้ไม่แค่กี่วันเองนะ ก็เป็นแฟนพอลไปซะแล้ว ถ้าพัฒนาความสัมพันธ์จากเพื่อนมาเป็นแฟนกันก่อนหน้านี้จริงๆ เราต้องชื่นชมพอลว่าเป็นผู้ชายใจกว้างเนาะ ที่ปล่อยให้พิ้งกี้มีข้าวกับผู้ชายคนอื่น ที่ไม่ใช่แฟน
เอ๊ะ! เราคิดมากเกินไปหรือเปล่า!?