ขึ้นชื่อว่าผู้จัดการทีมฟุตบอลแน่นอนว่าภารกิจหรือเป้าหมายหลักนั่นก็คือการที่ต้องพาทีมประสบความสำเร็จให้ได้มากที่สุดหากหวังที่จะอยู่ในตำแหน่งอย่างคงกระพัน
ยิ่งไปกว่านั้นหากว่าสโมสรนั้นๆ เป็นทีมยักษ์ใหญ่ที่พร้อมที่จะประสบความสำเร็จ แน่นอนความคาดหวังจากแฟนบอลรวมถึงบอร์ดบริหารย่อมสูงขึ้นเป็นเงาตามตัวและหากคุณไม่สามารถบันดาลความเร็จให้กับพวกเขาได้หรืออย่างน้อยๆ ไม่สามารถยกระดับการเล่นให้เป็นที่น่าพอใจได้คุณก็อาจมีสิทธิ์ตกจากเก้าอี้ได้แบบง่ายๆ
อย่างไรก็ตามในโลกลูกหนังยุคปัจจุบันนี้มีผู้จัดการทีมจำนวนไม่น้อยที่แม้จะพาทีมประสบความสำเร็จคว้าถ้วยแชมป์มาประดับตู้โชว์ของสโมสรแต่กลับต้องโดนปลดออกจากตำแหน่งเนื่องจากไม่สามารถเอาชนะใจแฟนบอลรวมถึงบอร์ดบริหารได้
ในที่นี้เราจัดการรวบรวมลิสต์รายชื่อ 10 ผู้จัดการทีมชื่อดังที่นำทีมพุ่งชนความสำเร็จชนะมาร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ แต่สิ่งเดียวที่เขาไม่สามารถเอาชนะได้นั่นก็คือใจของแฟนบอลซึ่งจะมีใครกันบ้างนั้นเราไปดูกัน
10.ราฟาเอล เบนิเตซ
กุนซือชาวสแปนิชที่แฟนบอล ''หงส์แดง'' เคารพเทิดทูนและยกให้เป็นตำนานของทีมหลังจากพา ลิเวอร์พูล ผงาดคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่อิสตันบูล ในปี 2005 และพา อินเตอร์ มิลาน ซิวแชมป์ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ ปี 2010
แน่นอนว่าด้วยเกียรติประวัติระดับไฮโปรไฟล์ของอดีตกุนซือแห่งวังค้างคาวนี้ชื่อเสียงในยุทธภพเขาไม่เป็นรองใครแต่กลับไม่เป็นที่ต้องการและยอมรับจากแฟนบอลเชลซีซักเท่าไรหนักถึงขนาดถูกสาวก ''สิงห์บลูส์'' โห่ขับไล่อย่างหนักนับตั้งแต่วันที่ก้าวเข้ามารับตำแหน่งในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ ตลอดจนป้ายผ้าขับไล่ทุกเกมที่ยอดทีมจากเมืองหลวงของอังกฤษลงแข่งขัน
เหตุการณ์การต่อต้านอย่างรุนแรงเกิดจากการที่ ราฟาเอล เบนิเตซ ที่ขณะนั้นคุมทัพลิเวอร์พูลเคยลั่นวาจาเอาไว้ว่าต่อให้อับจนหมดหนทางชาตินี้ก็ไม่มีทางที่จะเป็นผู้จัดการทีม เชลซี ซึ่งวาจาอันห้าวหาญครั้งนั้นฝังลึกในจิตใจและก้านสมองของแฟนบอล ''สิงห์บลูส์'' ชนิดที่ไม่มีวันลืมได้ลง
แม้ว่าล่าสุดเบนิเตซจะนำ เชลซี ผงาดคว้าแชมป์ยูโรปา ลีก ได้เป็นสมัยแรกในประวัติศาสตร์แบบสดๆ ร้อนๆ แต่นั่นก็แทบไม่ได้ทำให้กระแสการต่อต้านลดลงไปแม้แต่น้อย ทว่าช่วงซัมเมอร์นี้แฟนบอลเชลซีอุ่นใจได้เมื่อ เบนิเตซ ในฐานะผู้จัดการทีมชั่วคราวเตรียมอำลาตำแหน่งเพื่อเปิดทางให้กุนซือคนใหม่เข้ามารับช่วงต่อซึ่งคาดว่าจะเป็น โชเซ่ มูรินโญ่ นั่นเอง
9.โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ
แฟนบอลบางจำนวนหนึ่งอาจจะชื่นชอบ โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ กุนซือชั่วคราวที่ก้าวเข้ามารับเผือกร้อนแทนที่ อันเดร วิลลาช-โบอาช แต่กลับสร้างผลงานได้ดีเกินคาดด้วยการนำเชลซีผงาดคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่งเป็นถ้วยรางวัลที่ โรมัน อบราโมวิช ต่างถวิลหาและอยากได้มาครอบครองเหลือเกินชนิดที่ยอดกุนซือชาวโปรตุกีสอย่าง โชเซ่ มูรินโญ่ ก็ไม่สามารถทำได้
ด้วยเหตุนี้ โรมัน อบราโมวิช จึงตกรางวัลอย่างงามด้วยการยื่นสัญญาเป็นการถาวรให้กับ ดิ มัตเตโอ แบบเต็มตัวพร้อมกับนำเอาระบบการเล่นที่เน้นเกมรุกน่าตื่นตาตื่นใจมาสู่สโมสรเรียกได้ว่าสามารถตอบโจทย์ให้กับบิ๊กบอสได้ทุกประการเสียอย่างเดียวคือเขาไม่ใช่โค้ชบิ๊กเนมที่มีชื่อเสียงและตรงตามสเปกที่ ''เสี่ยหมี'' ต้องการ
การทำงานในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ ของ ดิ มัตเตโอ จึงไม่ต่างอะไรกับการที่ชีวิตต้องถูกแขวนอยู่บนเส้นด้ายและเมื่อทีมทำผลงานไม่ดีวันเวลาอันเลวร้ายก็มาถึงหลังจากที่กุนซือหัวเหม่งชาวอิตาเลียนถูกเด้งออกจากตำแหน่งแบบไม่ปรานีหลังจากนำทัพ ''สิงห์บลูส์'' โชว์ฟอร์มย่ำแย่ในถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และตกรอบแบ่งกลุ่ม
8.เรย์มงด์ โดเมเน็ค
เลื่อนชั้นจากการคุมทัพฝรั่งเศส ยู-21 ขึ้นมาคุมทีมชุดใหญ่ต่อจาก ฌักส์ ซ็องตินี่ ท่ามกลางการโอบอุ้มผลักดันอย่างดีจากสหพันธ์ฟุตบอลฝรั่งเศส (แอฟแอฟแอฟ) ที่ให้การหนุนหลังอย่างเต็มที่
หลังจากพาทีม ''ตราไก่'' ทะลุเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก 2006 แต่กลับต้องพ่ายต่ออิตาลีด้วยการดวลลูกจุดโทษ หลังจากนั้นฝรั่งเศสอยู่ในช่วงขาลงอย่างชัดเจนเมื่อกระเด็นตกรอบแบ่งกลุ่มในศึกยูโร 2008 รอบสุดท้ายในฐานะบ๊วยของกลุ่มต่อด้วยการกระ
กระสนอย่างหนักในการผ่านเข้าไปเล่นเวิลด์ คัพ 2010 รอบสุดท้ายหลังจากต้องดวลถึงเพลย์ออฟและเอาชนะ ไอร์แลนด์ ด้วยเล่ห์เหลี่ยมจากการทำแฮนด์บอลของ เธียร์รี่ อองรี แต่ผลงานรอบสุดท้ายก็มีอันต้องจอดป้ายในรอบแรกเท่านั้น
มิหนำซ้ำสถานการณ์ในแคมป์ตราไก่เริ่มทวีความตึงเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อนักเตะเริ่มแตกคอกันเองและไม่สามารถประคับประคองสถานการณ์ได้ ก่อนที่ โดเมเน็ค จะถูกตะเพิดออกจากตำแหน่งในที่สุดเมื่อปี 2010
7.แฮร์รี่ เร้ดแน็ปป์
ฝากฝังผลงานระดับมาสเตอร์พีซด้วยการพา พอร์ทสมัธ เลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นในพรีเมียร์ลีกเมื่อปี 2003 ต่อด้วยการซิวแชมป์เอฟเอ คัพ ในปี 2008 ในการหวนมาคุมทีม ''ปอมปีย์'' เป็นคำรบสอง
ดูจากผลงานชิ้นโบแดงที่กล่าวมาข้างต้นเราจึงอดนึกสงสัยไม่ได้ว่าเพราะเหตุใดแฟนบอล พอร์ทสมัธ ถึงจงเกลียดจงชังชายแก่ที่เคยพาทีมประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ขนาดนั้น
อย่างไรก็ตามเมื่อเช็กประวัติก็ถึงบางอ้อเมื่อ เร้ดแน็ปป์ ตัดสินใจทิ้งทีมมุ่งสู่ถนนสาย M27 ย้ายไปแสวงหาความท้าทายใหม่กับคู่ปรับอย่าง เซาธ์แฮมป์ตัน ต่อด้วยการย้ายไปซบอก สเปอร์ส และตกอับกับ ควีนส์ปาร์ค ในปัจจุบัน
6.แกรม ซูเนสส์
อดีตนักเตะผู้ยิ่งใหญ่ระดับตำนานของ ลิเวอร์พูล ที่พาทีมกวาดแชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษถึง 5 สมัย, ยูโรเปี้ยน คัพ 3 สมัย บวกกับลีก คัพ 4 สมัยในยุคทศวรรษที่ 80
สมัยเป็นนักเตะ ซูเนสส์ เป็นที่ขยาดสำหรับนักเตะฝั่งตรงข้ามด้วยสไตล์การเล่นที่หนักหน่วงดุดันไม่กลัวใครและสู้ไม่ถอยและเป็นกำลังสำคัญพาทีม ''หงส์แดง'' ครองความยิ่งใหญ่ในเกาะอังกฤษ
ทว่าแม้ผลงานสมัยเป็นนักเตะจะยอดเยี่ยมแต่นั่นไม่ได้เป็นสิ่งที่จะการันตีได้ว่าผลงานในการคุมทีมจะยิ่งใหญ่ตามไปด้วย เมื่อซูเนสส์พาทีม ''หงส์แดง'' คว้าแชมป์ได้เพียงรายการเดียวนั่นคือ เอฟเอ คัพ ในปี 1991-92 แถมยังเป็นคนทำให้ระบบบูธรูทอันเลื่องชื่อเสื่อมมนต์ขลังและยังถูกตราหน้าว่าเป็นตัวการที่ทำให้ทีมตกต่ำจนถึงทุกวันนี้
5.สตีฟ คีน
ก้าวเข้ามาสานงานต่อจาก แซม อัลลาร์ไดซ์ ในฤดูกาล 2010-11 ก่อนจะพาแบล็คเบิร์นรอดพ้นการตกชั้นได้สำเร็จทว่าซีซั่นต่อมาก็ไม่อาจฝืนชะตาลิขิตได้เมื่อทีม ''กุหลาบไฟ'' มีอันต้องร่วงไปเล่นในเดอะ แชมเปี้ยนชิพ อังกฤษ
อย่างไรก็ตามแม้ว่ากุนซือชาวสกอตต์จะทำผลงานได้ดีในเดอะ แชมเปี้ยนชิพ อังกฤษ ด้วยการพาทีมรั้งอยู่ในอันดับ 3 ด้วยการเก็บได้ 14 แต้ม จากการลงเล่น 7 นัดแต่กลับไม่เป็นไปตามเป้าหมายของ เวนกี้ส์ บริษัทกลุ่มนายทุนชาวอินเดียซึ่งเป็นเจ้าของสโมสรที่ตั้งเป้าให้ทีมเก็บแต้มได้ถึง 16 คะแนน จากการลงเล่น 7 นัดแรก จนทำให้กุนซือวัย 44 ปี ต้องเจอแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะประกาศลาออกจากตำแหน่งสมใจแฟนบอล ''กุหลาบไฟ'' ในที่สุด
4.เปาโล ดิ คานิโอ
ก้าวเข้ามาคุมทัพซันเดอร์แลนด์ด้วยภาระอันหนักอึ้งในการที่จะต้องพาทีม ''แมวดำ'' อยู่รอดปลอดภัยในลีกสูงสุดต่อไปให้ได้ท่ามกลางกระแสการต่อต้านอย่างหนักจากกลุ่มแฟนบอลจำนวนมากที่ไม่เห็นด้วยในการแต่งตั้งอดีตนักเตะอารมณ์ศิลปินรายนี้เข้ามาเป็นผู้จัดการทีม
อย่างไรก็ตามผลงานของ ดิ คานิโอ กลับทำได้ตามจุดมุ่งหมายเมื่อสามารถนำทีมรอดพ้นจากการตกชั้นได้สำเร็จแต่ถึงอย่างไรก็ตามด้วยสัญญา 2 ปีครึ่งที่เซ็นเอาไว้กับทีมหากไม่ได้รับการหนุนหลังจากแฟนบอลเท่าที่ควรแล้วเห็นทีอดีตกองหน้าพฤติกรรมถ่อยรายนี้คงอยู่ไม่ครบสัญญาเป็นแน่
3.หลุยส์ อราโกเนส
แม้จะได้ชื่อว่าเป็นกุนซือที่พาทีมชาติสเปนพาทีมคว้าแชมป์ระดับเมเจอร์ได้เป็นครั้งแรกในรอบ 44 ปีหลังจากผงาดคว้าแชมป์ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ ยูโร 2008 แต่ขรัวเฒ่าในวัย 74 ปีกลับทำในสิ่งที่ไม่น่าเชื่อว่าคนที่มีประสบการณ์สูงแบบนี้จะทำได้ลง
ครั้งหนึ่ง อราโกเนส เคยพูดจากระตุ้น โฆเซ่ อันโตนิโอ เรเยส ในระหว่างฝึกซ้อมแคมป์ทีมชาติสเปนเมื่อปี 2004 แต่เนื้อหาใจความเป็นไปในเชิงส่อเสียดและเหยียดผิว เธียร์รี่ อองรี ดาวยิงอาร์เซน่อล
แม้ว่าท้ายที่สุดแล้วอราโกเนสจะรอดตัวหลังศาลตัดสินให้ชนะอุทธรณ์คดีดังกล่าวแต่เจ้าตัวก็เสียผู้เสียคนไปไม่น้อยและตกเป็นจำเลยสังคมไปโดยปริยาย
2.โรแบร์โต้ มันชินี่
แม้จะพา แมนฯ ซิตี้ ครองแชมป์พรีเมียร์ลีกได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์แต่คะแนนความนิยมจากแฟนบอลที่มีต่อตัวของ โรแบร์โต้ มันชินี่ ก็เริ่มลดลงเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นการพาทีมตกรอบแบ่งกลุ่มยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2 ฤดูกาลติดต่อกัน
ขณะเดียวกันมักจะมีปัญหากับลูกทีมบ่อยครั้งทั้งกับ คาร์ลอส เตเวซ และ มาริโอ บาโลเตลลี่ ซึ่งในรายหลังนั้นเราเห็นข่าวไม่ลงรอยของทั้งคู่บ่อยครั้งจนกลายเป็นความเคยชิน
อย่างไรก็ตามฟางเส้นสุดท้ายได้ถูกตัดขาดลงเมื่อ มันชินี่ พาทีมพ่ายต่อ วีแกน แอธเลติก แบบพลิกล็อก 0-1 ในเกมเอฟเอ คัพ นัดชิงชนะเลิศทำให้ทีมต้องจบฤดูกาลแบบมือเปล่าก่อนจะถูกปลดออกจากตำแหน่งในอีก 2 วันต่อมาทั้งที่ยังเหลือสัญญากับทีมอีก 3 ปีเลยทีเดียว
1.จอร์จ เกรแฮม
อาจจะได้ชื่อว่าเป็นกุนซืออาร์เซน่อลที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงที่สุดคนหนึ่งหลังจากมีถ้วยแชมป์ดิวิชั่น 1 อังกฤษ 2 สมัย, เอฟเอ คัพ 1 สมัย, คัพ วินเนอร์ส คัพ 1 สมัย และลีก คัพ 2 สมัยเป็นเครื่องการันตีผลงานอันยอดเยี่ยม
ทว่าด้วยสไตล์การทำทีมเน้นผลการแข่งขันจนนำไปสู่ยุค ''บอริ่ง อาร์เซน่อล'' ทำให้แฟนบอลหลายคนออกอาการไม่ปลื้มและยิ่งไปกว่านั้นการย้ายไปคุมทีมคู่อริร่วมกรุงลอนดอนตอนเหนืออย่าง สเปอร์ส ยิ่งสร้างความไม่พออกพอใจให้กับสาวก ''เดอะ กันเนอร์ส'' เป็นการใหญ่
ในฤดูกาล 1998-99 เกรแฮม นำสเปอร์สคว้าแชมป์เวิร์ทธิงตัน ลีก คัพ ได้สำเร็จหลังจากเอาชนะ เลสเตอร์ ซิตี้ 1-0 จากประตูชัยของ อลัน นีลเซ่น แต่ ''บิ๊กจอร์จ'' กลับถูกกระแสต่อต้านอย่างหนักจากแฟนบอล ''ไก่เดือยทอง'' หลังจากปฏิบัติตัวกับ ดาวิด ชิโนล่า ฮีโร่ของพวกเขาไม่ดีเท่าที่ควรจึงรวมกลุ่มร้องเพลงเชียร์ที่ไม่มีชื่อของ เกรแฮม รวมอยู่ด้วย
credit : www.siamsport.co.th คอลัมน์ : สปอร์ตเวิลด์ โดย.. ลิ้ม ทรนง
[บทความสโมสรยุโรป 2013-06-02] 10 กุนซือดังที่ประสบความสำเร็จแต่ไม่ชนะใจแฟนบอล
ยิ่งไปกว่านั้นหากว่าสโมสรนั้นๆ เป็นทีมยักษ์ใหญ่ที่พร้อมที่จะประสบความสำเร็จ แน่นอนความคาดหวังจากแฟนบอลรวมถึงบอร์ดบริหารย่อมสูงขึ้นเป็นเงาตามตัวและหากคุณไม่สามารถบันดาลความเร็จให้กับพวกเขาได้หรืออย่างน้อยๆ ไม่สามารถยกระดับการเล่นให้เป็นที่น่าพอใจได้คุณก็อาจมีสิทธิ์ตกจากเก้าอี้ได้แบบง่ายๆ
อย่างไรก็ตามในโลกลูกหนังยุคปัจจุบันนี้มีผู้จัดการทีมจำนวนไม่น้อยที่แม้จะพาทีมประสบความสำเร็จคว้าถ้วยแชมป์มาประดับตู้โชว์ของสโมสรแต่กลับต้องโดนปลดออกจากตำแหน่งเนื่องจากไม่สามารถเอาชนะใจแฟนบอลรวมถึงบอร์ดบริหารได้
ในที่นี้เราจัดการรวบรวมลิสต์รายชื่อ 10 ผู้จัดการทีมชื่อดังที่นำทีมพุ่งชนความสำเร็จชนะมาร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ แต่สิ่งเดียวที่เขาไม่สามารถเอาชนะได้นั่นก็คือใจของแฟนบอลซึ่งจะมีใครกันบ้างนั้นเราไปดูกัน
10.ราฟาเอล เบนิเตซ
กุนซือชาวสแปนิชที่แฟนบอล ''หงส์แดง'' เคารพเทิดทูนและยกให้เป็นตำนานของทีมหลังจากพา ลิเวอร์พูล ผงาดคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่อิสตันบูล ในปี 2005 และพา อินเตอร์ มิลาน ซิวแชมป์ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ ปี 2010
แน่นอนว่าด้วยเกียรติประวัติระดับไฮโปรไฟล์ของอดีตกุนซือแห่งวังค้างคาวนี้ชื่อเสียงในยุทธภพเขาไม่เป็นรองใครแต่กลับไม่เป็นที่ต้องการและยอมรับจากแฟนบอลเชลซีซักเท่าไรหนักถึงขนาดถูกสาวก ''สิงห์บลูส์'' โห่ขับไล่อย่างหนักนับตั้งแต่วันที่ก้าวเข้ามารับตำแหน่งในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ ตลอดจนป้ายผ้าขับไล่ทุกเกมที่ยอดทีมจากเมืองหลวงของอังกฤษลงแข่งขัน
เหตุการณ์การต่อต้านอย่างรุนแรงเกิดจากการที่ ราฟาเอล เบนิเตซ ที่ขณะนั้นคุมทัพลิเวอร์พูลเคยลั่นวาจาเอาไว้ว่าต่อให้อับจนหมดหนทางชาตินี้ก็ไม่มีทางที่จะเป็นผู้จัดการทีม เชลซี ซึ่งวาจาอันห้าวหาญครั้งนั้นฝังลึกในจิตใจและก้านสมองของแฟนบอล ''สิงห์บลูส์'' ชนิดที่ไม่มีวันลืมได้ลง
แม้ว่าล่าสุดเบนิเตซจะนำ เชลซี ผงาดคว้าแชมป์ยูโรปา ลีก ได้เป็นสมัยแรกในประวัติศาสตร์แบบสดๆ ร้อนๆ แต่นั่นก็แทบไม่ได้ทำให้กระแสการต่อต้านลดลงไปแม้แต่น้อย ทว่าช่วงซัมเมอร์นี้แฟนบอลเชลซีอุ่นใจได้เมื่อ เบนิเตซ ในฐานะผู้จัดการทีมชั่วคราวเตรียมอำลาตำแหน่งเพื่อเปิดทางให้กุนซือคนใหม่เข้ามารับช่วงต่อซึ่งคาดว่าจะเป็น โชเซ่ มูรินโญ่ นั่นเอง
9.โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ
แฟนบอลบางจำนวนหนึ่งอาจจะชื่นชอบ โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ กุนซือชั่วคราวที่ก้าวเข้ามารับเผือกร้อนแทนที่ อันเดร วิลลาช-โบอาช แต่กลับสร้างผลงานได้ดีเกินคาดด้วยการนำเชลซีผงาดคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่งเป็นถ้วยรางวัลที่ โรมัน อบราโมวิช ต่างถวิลหาและอยากได้มาครอบครองเหลือเกินชนิดที่ยอดกุนซือชาวโปรตุกีสอย่าง โชเซ่ มูรินโญ่ ก็ไม่สามารถทำได้
ด้วยเหตุนี้ โรมัน อบราโมวิช จึงตกรางวัลอย่างงามด้วยการยื่นสัญญาเป็นการถาวรให้กับ ดิ มัตเตโอ แบบเต็มตัวพร้อมกับนำเอาระบบการเล่นที่เน้นเกมรุกน่าตื่นตาตื่นใจมาสู่สโมสรเรียกได้ว่าสามารถตอบโจทย์ให้กับบิ๊กบอสได้ทุกประการเสียอย่างเดียวคือเขาไม่ใช่โค้ชบิ๊กเนมที่มีชื่อเสียงและตรงตามสเปกที่ ''เสี่ยหมี'' ต้องการ
การทำงานในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ ของ ดิ มัตเตโอ จึงไม่ต่างอะไรกับการที่ชีวิตต้องถูกแขวนอยู่บนเส้นด้ายและเมื่อทีมทำผลงานไม่ดีวันเวลาอันเลวร้ายก็มาถึงหลังจากที่กุนซือหัวเหม่งชาวอิตาเลียนถูกเด้งออกจากตำแหน่งแบบไม่ปรานีหลังจากนำทัพ ''สิงห์บลูส์'' โชว์ฟอร์มย่ำแย่ในถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และตกรอบแบ่งกลุ่ม
8.เรย์มงด์ โดเมเน็ค
เลื่อนชั้นจากการคุมทัพฝรั่งเศส ยู-21 ขึ้นมาคุมทีมชุดใหญ่ต่อจาก ฌักส์ ซ็องตินี่ ท่ามกลางการโอบอุ้มผลักดันอย่างดีจากสหพันธ์ฟุตบอลฝรั่งเศส (แอฟแอฟแอฟ) ที่ให้การหนุนหลังอย่างเต็มที่
หลังจากพาทีม ''ตราไก่'' ทะลุเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก 2006 แต่กลับต้องพ่ายต่ออิตาลีด้วยการดวลลูกจุดโทษ หลังจากนั้นฝรั่งเศสอยู่ในช่วงขาลงอย่างชัดเจนเมื่อกระเด็นตกรอบแบ่งกลุ่มในศึกยูโร 2008 รอบสุดท้ายในฐานะบ๊วยของกลุ่มต่อด้วยการกระกระสนอย่างหนักในการผ่านเข้าไปเล่นเวิลด์ คัพ 2010 รอบสุดท้ายหลังจากต้องดวลถึงเพลย์ออฟและเอาชนะ ไอร์แลนด์ ด้วยเล่ห์เหลี่ยมจากการทำแฮนด์บอลของ เธียร์รี่ อองรี แต่ผลงานรอบสุดท้ายก็มีอันต้องจอดป้ายในรอบแรกเท่านั้น
มิหนำซ้ำสถานการณ์ในแคมป์ตราไก่เริ่มทวีความตึงเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อนักเตะเริ่มแตกคอกันเองและไม่สามารถประคับประคองสถานการณ์ได้ ก่อนที่ โดเมเน็ค จะถูกตะเพิดออกจากตำแหน่งในที่สุดเมื่อปี 2010
7.แฮร์รี่ เร้ดแน็ปป์
ฝากฝังผลงานระดับมาสเตอร์พีซด้วยการพา พอร์ทสมัธ เลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นในพรีเมียร์ลีกเมื่อปี 2003 ต่อด้วยการซิวแชมป์เอฟเอ คัพ ในปี 2008 ในการหวนมาคุมทีม ''ปอมปีย์'' เป็นคำรบสอง
ดูจากผลงานชิ้นโบแดงที่กล่าวมาข้างต้นเราจึงอดนึกสงสัยไม่ได้ว่าเพราะเหตุใดแฟนบอล พอร์ทสมัธ ถึงจงเกลียดจงชังชายแก่ที่เคยพาทีมประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ขนาดนั้น
อย่างไรก็ตามเมื่อเช็กประวัติก็ถึงบางอ้อเมื่อ เร้ดแน็ปป์ ตัดสินใจทิ้งทีมมุ่งสู่ถนนสาย M27 ย้ายไปแสวงหาความท้าทายใหม่กับคู่ปรับอย่าง เซาธ์แฮมป์ตัน ต่อด้วยการย้ายไปซบอก สเปอร์ส และตกอับกับ ควีนส์ปาร์ค ในปัจจุบัน
6.แกรม ซูเนสส์
อดีตนักเตะผู้ยิ่งใหญ่ระดับตำนานของ ลิเวอร์พูล ที่พาทีมกวาดแชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษถึง 5 สมัย, ยูโรเปี้ยน คัพ 3 สมัย บวกกับลีก คัพ 4 สมัยในยุคทศวรรษที่ 80
สมัยเป็นนักเตะ ซูเนสส์ เป็นที่ขยาดสำหรับนักเตะฝั่งตรงข้ามด้วยสไตล์การเล่นที่หนักหน่วงดุดันไม่กลัวใครและสู้ไม่ถอยและเป็นกำลังสำคัญพาทีม ''หงส์แดง'' ครองความยิ่งใหญ่ในเกาะอังกฤษ
ทว่าแม้ผลงานสมัยเป็นนักเตะจะยอดเยี่ยมแต่นั่นไม่ได้เป็นสิ่งที่จะการันตีได้ว่าผลงานในการคุมทีมจะยิ่งใหญ่ตามไปด้วย เมื่อซูเนสส์พาทีม ''หงส์แดง'' คว้าแชมป์ได้เพียงรายการเดียวนั่นคือ เอฟเอ คัพ ในปี 1991-92 แถมยังเป็นคนทำให้ระบบบูธรูทอันเลื่องชื่อเสื่อมมนต์ขลังและยังถูกตราหน้าว่าเป็นตัวการที่ทำให้ทีมตกต่ำจนถึงทุกวันนี้
5.สตีฟ คีน
ก้าวเข้ามาสานงานต่อจาก แซม อัลลาร์ไดซ์ ในฤดูกาล 2010-11 ก่อนจะพาแบล็คเบิร์นรอดพ้นการตกชั้นได้สำเร็จทว่าซีซั่นต่อมาก็ไม่อาจฝืนชะตาลิขิตได้เมื่อทีม ''กุหลาบไฟ'' มีอันต้องร่วงไปเล่นในเดอะ แชมเปี้ยนชิพ อังกฤษ
อย่างไรก็ตามแม้ว่ากุนซือชาวสกอตต์จะทำผลงานได้ดีในเดอะ แชมเปี้ยนชิพ อังกฤษ ด้วยการพาทีมรั้งอยู่ในอันดับ 3 ด้วยการเก็บได้ 14 แต้ม จากการลงเล่น 7 นัดแต่กลับไม่เป็นไปตามเป้าหมายของ เวนกี้ส์ บริษัทกลุ่มนายทุนชาวอินเดียซึ่งเป็นเจ้าของสโมสรที่ตั้งเป้าให้ทีมเก็บแต้มได้ถึง 16 คะแนน จากการลงเล่น 7 นัดแรก จนทำให้กุนซือวัย 44 ปี ต้องเจอแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะประกาศลาออกจากตำแหน่งสมใจแฟนบอล ''กุหลาบไฟ'' ในที่สุด
4.เปาโล ดิ คานิโอ
ก้าวเข้ามาคุมทัพซันเดอร์แลนด์ด้วยภาระอันหนักอึ้งในการที่จะต้องพาทีม ''แมวดำ'' อยู่รอดปลอดภัยในลีกสูงสุดต่อไปให้ได้ท่ามกลางกระแสการต่อต้านอย่างหนักจากกลุ่มแฟนบอลจำนวนมากที่ไม่เห็นด้วยในการแต่งตั้งอดีตนักเตะอารมณ์ศิลปินรายนี้เข้ามาเป็นผู้จัดการทีม
อย่างไรก็ตามผลงานของ ดิ คานิโอ กลับทำได้ตามจุดมุ่งหมายเมื่อสามารถนำทีมรอดพ้นจากการตกชั้นได้สำเร็จแต่ถึงอย่างไรก็ตามด้วยสัญญา 2 ปีครึ่งที่เซ็นเอาไว้กับทีมหากไม่ได้รับการหนุนหลังจากแฟนบอลเท่าที่ควรแล้วเห็นทีอดีตกองหน้าพฤติกรรมถ่อยรายนี้คงอยู่ไม่ครบสัญญาเป็นแน่
3.หลุยส์ อราโกเนส
แม้จะได้ชื่อว่าเป็นกุนซือที่พาทีมชาติสเปนพาทีมคว้าแชมป์ระดับเมเจอร์ได้เป็นครั้งแรกในรอบ 44 ปีหลังจากผงาดคว้าแชมป์ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ ยูโร 2008 แต่ขรัวเฒ่าในวัย 74 ปีกลับทำในสิ่งที่ไม่น่าเชื่อว่าคนที่มีประสบการณ์สูงแบบนี้จะทำได้ลง
ครั้งหนึ่ง อราโกเนส เคยพูดจากระตุ้น โฆเซ่ อันโตนิโอ เรเยส ในระหว่างฝึกซ้อมแคมป์ทีมชาติสเปนเมื่อปี 2004 แต่เนื้อหาใจความเป็นไปในเชิงส่อเสียดและเหยียดผิว เธียร์รี่ อองรี ดาวยิงอาร์เซน่อล
แม้ว่าท้ายที่สุดแล้วอราโกเนสจะรอดตัวหลังศาลตัดสินให้ชนะอุทธรณ์คดีดังกล่าวแต่เจ้าตัวก็เสียผู้เสียคนไปไม่น้อยและตกเป็นจำเลยสังคมไปโดยปริยาย
2.โรแบร์โต้ มันชินี่
แม้จะพา แมนฯ ซิตี้ ครองแชมป์พรีเมียร์ลีกได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์แต่คะแนนความนิยมจากแฟนบอลที่มีต่อตัวของ โรแบร์โต้ มันชินี่ ก็เริ่มลดลงเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นการพาทีมตกรอบแบ่งกลุ่มยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2 ฤดูกาลติดต่อกัน
ขณะเดียวกันมักจะมีปัญหากับลูกทีมบ่อยครั้งทั้งกับ คาร์ลอส เตเวซ และ มาริโอ บาโลเตลลี่ ซึ่งในรายหลังนั้นเราเห็นข่าวไม่ลงรอยของทั้งคู่บ่อยครั้งจนกลายเป็นความเคยชิน
อย่างไรก็ตามฟางเส้นสุดท้ายได้ถูกตัดขาดลงเมื่อ มันชินี่ พาทีมพ่ายต่อ วีแกน แอธเลติก แบบพลิกล็อก 0-1 ในเกมเอฟเอ คัพ นัดชิงชนะเลิศทำให้ทีมต้องจบฤดูกาลแบบมือเปล่าก่อนจะถูกปลดออกจากตำแหน่งในอีก 2 วันต่อมาทั้งที่ยังเหลือสัญญากับทีมอีก 3 ปีเลยทีเดียว
1.จอร์จ เกรแฮม
อาจจะได้ชื่อว่าเป็นกุนซืออาร์เซน่อลที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงที่สุดคนหนึ่งหลังจากมีถ้วยแชมป์ดิวิชั่น 1 อังกฤษ 2 สมัย, เอฟเอ คัพ 1 สมัย, คัพ วินเนอร์ส คัพ 1 สมัย และลีก คัพ 2 สมัยเป็นเครื่องการันตีผลงานอันยอดเยี่ยม
ทว่าด้วยสไตล์การทำทีมเน้นผลการแข่งขันจนนำไปสู่ยุค ''บอริ่ง อาร์เซน่อล'' ทำให้แฟนบอลหลายคนออกอาการไม่ปลื้มและยิ่งไปกว่านั้นการย้ายไปคุมทีมคู่อริร่วมกรุงลอนดอนตอนเหนืออย่าง สเปอร์ส ยิ่งสร้างความไม่พออกพอใจให้กับสาวก ''เดอะ กันเนอร์ส'' เป็นการใหญ่
ในฤดูกาล 1998-99 เกรแฮม นำสเปอร์สคว้าแชมป์เวิร์ทธิงตัน ลีก คัพ ได้สำเร็จหลังจากเอาชนะ เลสเตอร์ ซิตี้ 1-0 จากประตูชัยของ อลัน นีลเซ่น แต่ ''บิ๊กจอร์จ'' กลับถูกกระแสต่อต้านอย่างหนักจากแฟนบอล ''ไก่เดือยทอง'' หลังจากปฏิบัติตัวกับ ดาวิด ชิโนล่า ฮีโร่ของพวกเขาไม่ดีเท่าที่ควรจึงรวมกลุ่มร้องเพลงเชียร์ที่ไม่มีชื่อของ เกรแฮม รวมอยู่ด้วย
credit : www.siamsport.co.th คอลัมน์ : สปอร์ตเวิลด์ โดย.. ลิ้ม ทรนง