เมื่อวันอาทิตย์ (26 พฤษภาคม 2556) เวลาประมาณ บ่าย 2 ครึ่ง ผมกลับมาจากพัทยาแล้วกำลังขึ้นแท๊กซี่หน้าเดอะมอล บางกะปิ เพื่อจะกลับเข้าห้องแถวห้วยขวาง ซึ่งก่อนที่จะขึ้นแทกซี่จะต้องรับบัตรคิวก่อน ผมได้บัตรคิวใบสีน้ำตาลแล้วก็ไปขึ้นรถแทกซี่สีน้ำเงิน บอกคนขับไปประชาสงเคราะห์ xx คนขับบอกว่าไปไม่ได้ ต้องไปอีกคิวเพราะเค้าวิ่งเส้นรามคำแหง รามอินทรา ในขณะนั้น ผมไม่รู้ว่าไอโฟนหล่นออกมาจากกระเป๋ากางเกงขวา ผมกับพี่ลงจากรถแล้วรีบไปเอาบัตรคิวใหม่ เจ้าหน้าที่คิวก็ให้บัตรคิวสีน้ำเงิน (วิ่งรถเส้นรัชดา) มา แล้วก็รอคิวประมาณ 1 นาที ก็ได้ขึ้นแท๊กซี่คันใหม่
ช่วงที่รถกำลังออกจากเดอะมอลล์บางกะปิ ผมล้วงกระเป๋าหาไอโฟนแต่ไม่เจอ เปิดดูในเป้ก็ไม่เจอ แล้วก็รู้เลยว่าหล่นอยู่ในรถแท๊กซี่คันแรก ตอนนั้นรถแทกซี่คันแรกก็ออกจากคิวไปแล้ว เราก็จำป้ายทะเบียนรถไมได้เพราะอยู่บนรถไม่ถึง 1 นาที จำได้อย่างดียวคือรถสีฟ้าทั้งคัน ผมขอยืมมือถือพี่ที่นั่งแท๊กซี่มาด้วยกันโทรเข้าเบอร์ผม แต่ก็ไม่มีคนรับ โทรอยู่ 10 กว่าสายไม่มีคนรับ แบตโทรศัพท์พี่เค้าก็เหลือแค่ 1% ผมเลยตัดสินใจโทรหาเพื่อนสนิทให้เชคพิกัด iPhone ใช้ App Find My iPhone แทรค เพื่อนบอกสถานะเครื่องผมขึ้นเป็น Offline คิดเลยว่าคงไม่ได้คืน 80% แน่ๆตอนนั้น แล้วแบตโทรศัพท์พี่ก็หมด
นั่งรถไปประมาณ 10 นาทีก็เริ่มถอดใจ จิตตก แล้วก็นึกขึ้นได้ว่ามีที่ชาร์ตแบบพกพา เลยชาร์ตเข้าโทรศัพท์ แล้วก็ติดต่อเพื่อน เชคได้ว่าตำแหน่งไอโฟนอยู่แถวถนนสุขาภิบาล เพื่อนเลยใช้ Lost Mode ให้โชว์ข้อความไปที่หน้าจอโทรศัพท์
ตอนนั้นผมเลยคิดว่าคงมีโอกาสตามได้ แต่ ณ ตอนนั้นผมต้องรีบกลับไปเอาตั๋วคอนเสิร์ตพาราดอกส์ ที่ห้วยขวาง (ห้องผม) แล้วเอาไปให้เพื่อนที่รออยู่ที่อิมแพคเมืองทองธานี เพราะคอนจะเปิดประตูตอน 5 โมงเย็น ผมถึงห้องประมาณบ่าย 3 ครึ่ง ผมขอยืมไอโฟนของน้อง เพื่อจะแทรคพิกัดไอโฟนผม เห็นเส้นทางแท๊กซี่ไปมาแถวรามอินทรา มีนบุรี รามคำแหง คิดว่ามือถือน่าจะยังอยู่บนที่แทกซี่ไม่ใช่ผู้โดยสารเก็บได้แน่นอน
ผมตัดสินใจโทรหา AIS Call Center เผื่อจะช่วยได้ ผมแจ้ง Call Center เรื่องมือ iPhone หาย บลา บลา บลา จากนั้นเข้าก็โอนสายให้ผู้ชี่ยวชาญด้าน iPhone ผมก็ขอคำปรึกษาว่าควรจะทำอย่างไร เค้าเสนอวิธีให้ 2 วิธีคือ 1. ให้รีบตามไอโฟนจากพิกัดที่เราแทรคได้จาก Find My iPhone ให้เร็วที่สุดจะได้ไม่คลาดเคลื่อนกันนาน ถ้าหากจะไม่ตามไอโฟน ใช้วิธีที่ 2 คือ แจ้งตำรวจเพื่อให้ลงบันทึกประจำวันแล้วออกเอกสารแจ้งระงับการใช้จากเลข EMEI แต่หากระงับแล้วเครื่องนี้จะไม่สามารถใช้กับเบอร์ไหนได้อีกเลย และอาจจะจะได้เครื่องคืนกลับยากกว่าวิธีแรก
วางหูเสร็จผมรีบโทรบอกเพื่อนที่รออยู่ที่อิมแพคว่า “โทรศัพท์กุหาย เด๋วจะรีบเอาบัตรไปให้” แล้วก็รีบออกจากห้องไปอิมแพค กว่าผมจะไปถึงอิมแพคก็ 5 โมงเย็นเพราะรถติดมาก ถึงก็รีบตรงดิ่งไปแลกบัตรคอนมาให้เพื่อน พอเจอเพื่อนก็เล่าให้ฟังว่าโทรศัพท์หายจะทำไงดี ใจผมอยากจะตามเพราะโอกาสได้คืนยังมีอยู่ เพื่อนผู้ญ. กับแฟนของเพื่อนผู้ช. ใช้ iPhone แต่สัญญาณ 3G ที่อิมแพคหายไปเลยทุกเครือข่าย แต่ใจผมก็ไม่อยากดูคอนเสิร์ตแล้ว ตอนนั้นประตูเปิดให้คนเริ่มเข้าแล้วด้วย ใจอยากจะไปตาม iPhone คืน ซักพักเพื่อนก็บอกดูคอนไปก็ไม่สนุกแล้ว ไปช่วยกันตาม iPhone คืนดีกว่า
ทุกคนเลยรีบวิ่งไปที่รถ เพื่อนผมติด GPS Navigator ไว้ที่รถ เลยระบุพิกัดถนนที่แทกซี่กำลังวิ่งอยู่คือรามอินทรา ห่างกันประมาณ 20 กม. เรารีบออกจากที่จอดรถ Park 3 แต่ไปติดตรงทางออกนานประมาณครึ่งชั่วโมง เพราะวันอาทิตย์มีงานที่อิมแพคหลายงาน จนเราหลุดออกมาจากอิมแพคแล้วก็มุ่งหน้าไปรามอินทรา ระหว่างนั้นเพื่อนที่อยู่บนรถก็โหลด Find My iPhone เพื่อจะช่วยแทรคพิกัดดูสัญญาณให้ไม่คลาดเคลื่อนกัน ระหว่างขับรถไปตามทาง ทุกคนพยายามสลับกันโทรเข้า iPhone ผม กด Play sound เพื่อให้เครื่องผมส่งเสียงเตือน
เวลาประมาณ 1 ทุ่ม แบต iPhone ผมเหลือต่ำกว่าครึ่ง พิกัดอยู่ที่ถนนหทัยราษฎร์ 6 เขตคลองสามวาแล้วก็นิ่งอยู่นาน ขณะนั้นเรากำลังตรงขับรถเข้าใกล้เส้นหทัยราษฎร์ แต่พิกัดก็เคลื่อนที่จากตำแหน่งเดิมไปยังตำแหน่งที่ 2 ซึ่งไม่ใช่ถนน เป็นพื้นที่โล่งซึ่งรถไม่สามารถเข้าไปได้ เราลองพยายามเข้าไปดูในตามหมายเลข 1 (ดูจากรูปข้างล่าง) ที่แทกซี่ไปก่อนซึ่งเจอแทกซี่สีฟ้า 2 คัน จอดอยู่ในซอย
จากนั้นตำแหน่งเปลี่ยนไปยังหมายเลข 3 ซึ่งเป็นหมู่บ้าน เราเลยตัดสินใจเข้าซอยหทัยราษฎร์ 4 เพื่อจะเข้าหมู่บ้านไปหารถแทกซี่คันสีฟ้า พอเข้าไปเจอยามหมู่บ้านเราเลยบอกจะมาหาเพื่อนในหมู่บ้าน ยามถามว่าหลังไหน เราเลยบอกไปว่าเพื่อนให้มาตามแผนที่ตรงโรงเรียนหลังหมู่บ้าน ยามบอกสามารถออกทางหลังของหมู่บ้านได้แต่ไม่ให้ผ่าน ต้องไปอ้อมเข้าถนนสามวาอีก ประมาณ 8 กม.
เราเลยตัดสินใจไป แต่พอไปถึงหน้าโรงเรียนก็ปิดประตูปิดไฟ ซึ่งแท๊กซี่ไม่น่าจะมาจอดในโรงเรียน ระหว่างไปตามทางเพื่อจะลองไปเข้าซอยสามวา 11 เผื่อจะเจอแทกซี่ แต่ก็เป็นซอยตัน ยามหมู่บ้านตรงนั้นบอกมีแต่รถมอเตอร์ไซต์ที่จะทะลุไป ตำแหน่งที่ 1 ได้ ตอนนั้นพิกัดเปลี่ยนไป เปลี่ยนมา วนจาก 1-2-3 เราเลยตัดสินใจขับรถวนกลับไปที่ หทัยราษฎร์ 6 แล้วเข้าซอยไปจอดอยู่ใกล้ๆ ตำแหน่งที่ 1ซึ่งมีรถแทกซี่สีฟ้าจอดอยู่
ณ ตอนนั้น เวลาประมาณ 3 ทุ่ม เราพยายามครั้งสุดท้ายโดยการโทรไป แต่ก็ไม่มีคนรับ เลยส่งเป็นข้อความสั้นๆ ต่อๆ กัน และเปลี่ยนข้อความที่หน้า Lost mode ตามรูปนี้ แฟนของเพื่อนก็ช่วยโทรปรึกษากับพี่รหัสให้ เค้าก็ช่วยแทรคพิกัดอีกแรงหนึ่ง
จนสัญญาณแบต iPhone เครื่องผม (ที่หายไป) โชว์ระดับเหลือ 0% ผมกับเพื่อนเลยตัดสินใจลงจากรถไปเคาะประตูบ้านที่มีรถแทกซี่คันที่เราสัยว่าจะใช่แต่เราจำหน้ากับป้ายทะเบียนรถไม่ได้เลย พอเราเห็นเบาะรถหนังสีฟ้าๆ ก็คิดว่าน่าจะใช่ เราเรียกอยู่นานก็ไม่มีใครตอบ เห็นประตูมุ้งลวดเปิดอยู่แต่ปิดไฟในบ้าน เรียกอยู่นานจนมีผู้หญิงเดินออกมา เราเลยถามตรงๆ ว่า
“พอดีผมขึ้นแทกซี่คันนี้หน้าเดอะมอลบางกะปิ แต่ลืมโทรศัพท์ไว้บนรถคันนี้” ผู้หญิงในบ้านก็บอกว่า
“เป็นเจ้าของโทรศัพท์ ใช่มั้ย” ผมตอบ
“ใช่คับ” ซักพักเค้าก็เดินเอา iPhone ยื่นออกมาให้ที่หน้าบ้าน ผมถามเค้าว่า
“โทรไปหลายครั้ง ทำไมไม่รับโทรศัพท์ เบอร์ก็โชว์ชัดเจน ทำไมถึงไม่โทรกลับ” อารมณ์ตอนนั้นผมบอกไม่ถูก มันมีทั้งดีใจที่ตามหาจนได้คืน แต่ก็เจ็บใจที่แทกซี่ไม่ยอมรับโทรศัพท์ตั้งแต่แรกๆ และไม่ติดต่อกลับ คือมีเจตนาลักขโมย และเวลาตอนนั้นคอนเสิร์ตพาราดอกส์ก็คงเล่นจบไปแล้ว ผู้หญิงคนนั้นตอบว่ามันค้างเลยทำอะไรไม่ได้ เค้าบอกว่าตอนเช้าจะเอาไปให้กับแฟน บลา บลา บลา... ตอนรับโทรศัพท์มาแล้ว เราก็เห็นข้อความ Lost mode ล่าสุดยังโชว์อยู่ที่หน้าจอจะบอกว่าค้างได้ยังไง แล้วถ้าหากค้างจริงทำไมไม่ใช้เบอร์โทรที่อยู่หน้าจอ โทรกลับมา
ออกมาจากบ้านหลังนั้น เราก็จำป้ายทะเบียนรถคันนี้ได้แม่นยำ คือ
ทศ 5469
รูปต่อไปนี้คือพิกัดของ iPhone ทั้งหมดตั้งแต่การ Track ครั้งแรกจนกระทั่งได้รับเครื่องคืน
แนะนำ
* ตั้ง Passcode หรือรหัสล็อค โทรศัพท์ของคุณไว้ กันการเข้าสู่เครื่องศัพท์
* โทรศัพท์ใครที่มีโหมด Find My iPhone หรือติดตามเครื่องได้ ขอให้คุณ Log in ไว้ เพราะเราไม่รู้ว่าโทรศัพท์จะหายเมื่อไหร่
* เมื่อรู้ว่าโทรศัพท์หาย ให้รีบ Track พิกัดเครื่อง ยิ่งตามเร็วเท่าไหร่ ยิ่งได้คืนเร็ว (กรณีของผมช้าเกินไป ถ้าหากแทกซี่คันนี้เอาไปคืนที่อู่ก็จบ)
* อย่าลืมว่า iPhone จะถูกปิดเครื่องได้แม้จะอยู่ในสถานะ Lost mode ก็ตาม ถ้าหากเครื่องถูกปิดเราก็ไม่สามารถตามพิกัดได้เลยจนกว่าเครื่องจะถูกเปิดอีกครั้ง
****ท้ายนี้ ผมขอบคุณเพื่อนๆ ทุกคนอย่างใจจริงที่ช่วยเหลือจนได้โทรศัพท์กลับคืนมา และขอโทษที่ทำให้ทุกคนไม่ได้ดูคอนเสิร์ต
iPhone 4S หาย – ตามจนได้คืน (หล่นในแทกซี่)
ช่วงที่รถกำลังออกจากเดอะมอลล์บางกะปิ ผมล้วงกระเป๋าหาไอโฟนแต่ไม่เจอ เปิดดูในเป้ก็ไม่เจอ แล้วก็รู้เลยว่าหล่นอยู่ในรถแท๊กซี่คันแรก ตอนนั้นรถแทกซี่คันแรกก็ออกจากคิวไปแล้ว เราก็จำป้ายทะเบียนรถไมได้เพราะอยู่บนรถไม่ถึง 1 นาที จำได้อย่างดียวคือรถสีฟ้าทั้งคัน ผมขอยืมมือถือพี่ที่นั่งแท๊กซี่มาด้วยกันโทรเข้าเบอร์ผม แต่ก็ไม่มีคนรับ โทรอยู่ 10 กว่าสายไม่มีคนรับ แบตโทรศัพท์พี่เค้าก็เหลือแค่ 1% ผมเลยตัดสินใจโทรหาเพื่อนสนิทให้เชคพิกัด iPhone ใช้ App Find My iPhone แทรค เพื่อนบอกสถานะเครื่องผมขึ้นเป็น Offline คิดเลยว่าคงไม่ได้คืน 80% แน่ๆตอนนั้น แล้วแบตโทรศัพท์พี่ก็หมด
นั่งรถไปประมาณ 10 นาทีก็เริ่มถอดใจ จิตตก แล้วก็นึกขึ้นได้ว่ามีที่ชาร์ตแบบพกพา เลยชาร์ตเข้าโทรศัพท์ แล้วก็ติดต่อเพื่อน เชคได้ว่าตำแหน่งไอโฟนอยู่แถวถนนสุขาภิบาล เพื่อนเลยใช้ Lost Mode ให้โชว์ข้อความไปที่หน้าจอโทรศัพท์
ตอนนั้นผมเลยคิดว่าคงมีโอกาสตามได้ แต่ ณ ตอนนั้นผมต้องรีบกลับไปเอาตั๋วคอนเสิร์ตพาราดอกส์ ที่ห้วยขวาง (ห้องผม) แล้วเอาไปให้เพื่อนที่รออยู่ที่อิมแพคเมืองทองธานี เพราะคอนจะเปิดประตูตอน 5 โมงเย็น ผมถึงห้องประมาณบ่าย 3 ครึ่ง ผมขอยืมไอโฟนของน้อง เพื่อจะแทรคพิกัดไอโฟนผม เห็นเส้นทางแท๊กซี่ไปมาแถวรามอินทรา มีนบุรี รามคำแหง คิดว่ามือถือน่าจะยังอยู่บนที่แทกซี่ไม่ใช่ผู้โดยสารเก็บได้แน่นอน
ผมตัดสินใจโทรหา AIS Call Center เผื่อจะช่วยได้ ผมแจ้ง Call Center เรื่องมือ iPhone หาย บลา บลา บลา จากนั้นเข้าก็โอนสายให้ผู้ชี่ยวชาญด้าน iPhone ผมก็ขอคำปรึกษาว่าควรจะทำอย่างไร เค้าเสนอวิธีให้ 2 วิธีคือ 1. ให้รีบตามไอโฟนจากพิกัดที่เราแทรคได้จาก Find My iPhone ให้เร็วที่สุดจะได้ไม่คลาดเคลื่อนกันนาน ถ้าหากจะไม่ตามไอโฟน ใช้วิธีที่ 2 คือ แจ้งตำรวจเพื่อให้ลงบันทึกประจำวันแล้วออกเอกสารแจ้งระงับการใช้จากเลข EMEI แต่หากระงับแล้วเครื่องนี้จะไม่สามารถใช้กับเบอร์ไหนได้อีกเลย และอาจจะจะได้เครื่องคืนกลับยากกว่าวิธีแรก
วางหูเสร็จผมรีบโทรบอกเพื่อนที่รออยู่ที่อิมแพคว่า “โทรศัพท์กุหาย เด๋วจะรีบเอาบัตรไปให้” แล้วก็รีบออกจากห้องไปอิมแพค กว่าผมจะไปถึงอิมแพคก็ 5 โมงเย็นเพราะรถติดมาก ถึงก็รีบตรงดิ่งไปแลกบัตรคอนมาให้เพื่อน พอเจอเพื่อนก็เล่าให้ฟังว่าโทรศัพท์หายจะทำไงดี ใจผมอยากจะตามเพราะโอกาสได้คืนยังมีอยู่ เพื่อนผู้ญ. กับแฟนของเพื่อนผู้ช. ใช้ iPhone แต่สัญญาณ 3G ที่อิมแพคหายไปเลยทุกเครือข่าย แต่ใจผมก็ไม่อยากดูคอนเสิร์ตแล้ว ตอนนั้นประตูเปิดให้คนเริ่มเข้าแล้วด้วย ใจอยากจะไปตาม iPhone คืน ซักพักเพื่อนก็บอกดูคอนไปก็ไม่สนุกแล้ว ไปช่วยกันตาม iPhone คืนดีกว่า
ทุกคนเลยรีบวิ่งไปที่รถ เพื่อนผมติด GPS Navigator ไว้ที่รถ เลยระบุพิกัดถนนที่แทกซี่กำลังวิ่งอยู่คือรามอินทรา ห่างกันประมาณ 20 กม. เรารีบออกจากที่จอดรถ Park 3 แต่ไปติดตรงทางออกนานประมาณครึ่งชั่วโมง เพราะวันอาทิตย์มีงานที่อิมแพคหลายงาน จนเราหลุดออกมาจากอิมแพคแล้วก็มุ่งหน้าไปรามอินทรา ระหว่างนั้นเพื่อนที่อยู่บนรถก็โหลด Find My iPhone เพื่อจะช่วยแทรคพิกัดดูสัญญาณให้ไม่คลาดเคลื่อนกัน ระหว่างขับรถไปตามทาง ทุกคนพยายามสลับกันโทรเข้า iPhone ผม กด Play sound เพื่อให้เครื่องผมส่งเสียงเตือน
เวลาประมาณ 1 ทุ่ม แบต iPhone ผมเหลือต่ำกว่าครึ่ง พิกัดอยู่ที่ถนนหทัยราษฎร์ 6 เขตคลองสามวาแล้วก็นิ่งอยู่นาน ขณะนั้นเรากำลังตรงขับรถเข้าใกล้เส้นหทัยราษฎร์ แต่พิกัดก็เคลื่อนที่จากตำแหน่งเดิมไปยังตำแหน่งที่ 2 ซึ่งไม่ใช่ถนน เป็นพื้นที่โล่งซึ่งรถไม่สามารถเข้าไปได้ เราลองพยายามเข้าไปดูในตามหมายเลข 1 (ดูจากรูปข้างล่าง) ที่แทกซี่ไปก่อนซึ่งเจอแทกซี่สีฟ้า 2 คัน จอดอยู่ในซอย
จากนั้นตำแหน่งเปลี่ยนไปยังหมายเลข 3 ซึ่งเป็นหมู่บ้าน เราเลยตัดสินใจเข้าซอยหทัยราษฎร์ 4 เพื่อจะเข้าหมู่บ้านไปหารถแทกซี่คันสีฟ้า พอเข้าไปเจอยามหมู่บ้านเราเลยบอกจะมาหาเพื่อนในหมู่บ้าน ยามถามว่าหลังไหน เราเลยบอกไปว่าเพื่อนให้มาตามแผนที่ตรงโรงเรียนหลังหมู่บ้าน ยามบอกสามารถออกทางหลังของหมู่บ้านได้แต่ไม่ให้ผ่าน ต้องไปอ้อมเข้าถนนสามวาอีก ประมาณ 8 กม.
เราเลยตัดสินใจไป แต่พอไปถึงหน้าโรงเรียนก็ปิดประตูปิดไฟ ซึ่งแท๊กซี่ไม่น่าจะมาจอดในโรงเรียน ระหว่างไปตามทางเพื่อจะลองไปเข้าซอยสามวา 11 เผื่อจะเจอแทกซี่ แต่ก็เป็นซอยตัน ยามหมู่บ้านตรงนั้นบอกมีแต่รถมอเตอร์ไซต์ที่จะทะลุไป ตำแหน่งที่ 1 ได้ ตอนนั้นพิกัดเปลี่ยนไป เปลี่ยนมา วนจาก 1-2-3 เราเลยตัดสินใจขับรถวนกลับไปที่ หทัยราษฎร์ 6 แล้วเข้าซอยไปจอดอยู่ใกล้ๆ ตำแหน่งที่ 1ซึ่งมีรถแทกซี่สีฟ้าจอดอยู่
ณ ตอนนั้น เวลาประมาณ 3 ทุ่ม เราพยายามครั้งสุดท้ายโดยการโทรไป แต่ก็ไม่มีคนรับ เลยส่งเป็นข้อความสั้นๆ ต่อๆ กัน และเปลี่ยนข้อความที่หน้า Lost mode ตามรูปนี้ แฟนของเพื่อนก็ช่วยโทรปรึกษากับพี่รหัสให้ เค้าก็ช่วยแทรคพิกัดอีกแรงหนึ่ง
จนสัญญาณแบต iPhone เครื่องผม (ที่หายไป) โชว์ระดับเหลือ 0% ผมกับเพื่อนเลยตัดสินใจลงจากรถไปเคาะประตูบ้านที่มีรถแทกซี่คันที่เราสัยว่าจะใช่แต่เราจำหน้ากับป้ายทะเบียนรถไม่ได้เลย พอเราเห็นเบาะรถหนังสีฟ้าๆ ก็คิดว่าน่าจะใช่ เราเรียกอยู่นานก็ไม่มีใครตอบ เห็นประตูมุ้งลวดเปิดอยู่แต่ปิดไฟในบ้าน เรียกอยู่นานจนมีผู้หญิงเดินออกมา เราเลยถามตรงๆ ว่า “พอดีผมขึ้นแทกซี่คันนี้หน้าเดอะมอลบางกะปิ แต่ลืมโทรศัพท์ไว้บนรถคันนี้” ผู้หญิงในบ้านก็บอกว่า “เป็นเจ้าของโทรศัพท์ ใช่มั้ย” ผมตอบ “ใช่คับ” ซักพักเค้าก็เดินเอา iPhone ยื่นออกมาให้ที่หน้าบ้าน ผมถามเค้าว่า “โทรไปหลายครั้ง ทำไมไม่รับโทรศัพท์ เบอร์ก็โชว์ชัดเจน ทำไมถึงไม่โทรกลับ” อารมณ์ตอนนั้นผมบอกไม่ถูก มันมีทั้งดีใจที่ตามหาจนได้คืน แต่ก็เจ็บใจที่แทกซี่ไม่ยอมรับโทรศัพท์ตั้งแต่แรกๆ และไม่ติดต่อกลับ คือมีเจตนาลักขโมย และเวลาตอนนั้นคอนเสิร์ตพาราดอกส์ก็คงเล่นจบไปแล้ว ผู้หญิงคนนั้นตอบว่ามันค้างเลยทำอะไรไม่ได้ เค้าบอกว่าตอนเช้าจะเอาไปให้กับแฟน บลา บลา บลา... ตอนรับโทรศัพท์มาแล้ว เราก็เห็นข้อความ Lost mode ล่าสุดยังโชว์อยู่ที่หน้าจอจะบอกว่าค้างได้ยังไง แล้วถ้าหากค้างจริงทำไมไม่ใช้เบอร์โทรที่อยู่หน้าจอ โทรกลับมา
ออกมาจากบ้านหลังนั้น เราก็จำป้ายทะเบียนรถคันนี้ได้แม่นยำ คือ ทศ 5469
รูปต่อไปนี้คือพิกัดของ iPhone ทั้งหมดตั้งแต่การ Track ครั้งแรกจนกระทั่งได้รับเครื่องคืน
แนะนำ
* ตั้ง Passcode หรือรหัสล็อค โทรศัพท์ของคุณไว้ กันการเข้าสู่เครื่องศัพท์
* โทรศัพท์ใครที่มีโหมด Find My iPhone หรือติดตามเครื่องได้ ขอให้คุณ Log in ไว้ เพราะเราไม่รู้ว่าโทรศัพท์จะหายเมื่อไหร่
* เมื่อรู้ว่าโทรศัพท์หาย ให้รีบ Track พิกัดเครื่อง ยิ่งตามเร็วเท่าไหร่ ยิ่งได้คืนเร็ว (กรณีของผมช้าเกินไป ถ้าหากแทกซี่คันนี้เอาไปคืนที่อู่ก็จบ)
* อย่าลืมว่า iPhone จะถูกปิดเครื่องได้แม้จะอยู่ในสถานะ Lost mode ก็ตาม ถ้าหากเครื่องถูกปิดเราก็ไม่สามารถตามพิกัดได้เลยจนกว่าเครื่องจะถูกเปิดอีกครั้ง
****ท้ายนี้ ผมขอบคุณเพื่อนๆ ทุกคนอย่างใจจริงที่ช่วยเหลือจนได้โทรศัพท์กลับคืนมา และขอโทษที่ทำให้ทุกคนไม่ได้ดูคอนเสิร์ต