สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 24
ข่าวดี (เมื่อวาน) ต่างชาติเริ่มกลับมาซื้อ
ข่าวร้าย ไม่ได้เข้ามาซื้อบ้านเรา ดันไปซื้อที่เกาหลีใต้ กับไต้หวัน
ดูตามกลุ่มอุตสาหกรรม
กลุ่มหลัก แบงค์นำหน้า -2.04% พลังงาน -1.39% สื่อสาร -1.37%
20 อันดับแรก ptg เข้าตลาดหุ้นวันแรก ลากกันมันส์มาก
เงินบาทอ่อนค่าต่อ ตราสารระยะยาวขึ้นอีกแล้ว เป็นวันที่สอง (หรือเงินไหลไปเข้าตราสารระยะยาวนะ)
ตราสารระยะสั้น ขายสุทธิ 13779 ล้านบาท
ต่างชาติ ยังทิ้งหุ้น ต่อวันที่ 5 รวม 5 วันขายไปแล้ว 17779 ล้านบาท
กอง+เม่า เข้าไปรับ (สำหรับกองคิดว่า กำลังเลือกของถูกอยู่)
set ขึ้นสูงสุดวันที่ 21/5/13 ที่ 1643.43 จุด ขึ้นมา 17.04% (นับแบบวันต่อวันนะครับ)
วันนี้ 30/5/13 set อยู่ที่ 1581.32 จุด ลงไปแล้ว 62.11 จุด หรือ 3.81%
ศุกร์แสนล้าน ลงไป 7.67% ถ้าเราประมาณว่า ลงเท่าศุกร์แสนล้าน
ที่ 7%-8% น่าจะอยู่ที่ 1528-1510 ตรงนั้นน่าจะเข้าได้ไม้แรก
ผมว่าสภาพคล่องของรายย่อยมีเยอะ รอแค่ข่าวดี ก็พร้อมจะกลับเข้ามาซื้อ
มันจะลงไปถึง 10% ได้ไหม จากสถิติที่ผ่านมา ก็ประมาณนี้ 10% เวลาปรับฐาน
ถ้าลงแบบม้วนเดียวจบ แบบเดือนมีนาคม จะเด้งแรง
แต่ถ้าลงแบบ ลงบ้างขึ้นบ้าง ค่อยๆ ซึมลง อันนี้ลงนานหน่อย
ข่าวดี (เมื่อวาน) ต่างชาติเริ่มกลับมาซื้อ
ข่าวร้าย ไม่ได้เข้ามาซื้อบ้านเรา ดันไปซื้อที่เกาหลีใต้ กับไต้หวัน
ดูตามกลุ่มอุตสาหกรรม
กลุ่มหลัก แบงค์นำหน้า -2.04% พลังงาน -1.39% สื่อสาร -1.37%
20 อันดับแรก ptg เข้าตลาดหุ้นวันแรก ลากกันมันส์มาก
เงินบาทอ่อนค่าต่อ ตราสารระยะยาวขึ้นอีกแล้ว เป็นวันที่สอง (หรือเงินไหลไปเข้าตราสารระยะยาวนะ)
ตราสารระยะสั้น ขายสุทธิ 13779 ล้านบาท
ต่างชาติ ยังทิ้งหุ้น ต่อวันที่ 5 รวม 5 วันขายไปแล้ว 17779 ล้านบาท
กอง+เม่า เข้าไปรับ (สำหรับกองคิดว่า กำลังเลือกของถูกอยู่)
set ขึ้นสูงสุดวันที่ 21/5/13 ที่ 1643.43 จุด ขึ้นมา 17.04% (นับแบบวันต่อวันนะครับ)
วันนี้ 30/5/13 set อยู่ที่ 1581.32 จุด ลงไปแล้ว 62.11 จุด หรือ 3.81%
ศุกร์แสนล้าน ลงไป 7.67% ถ้าเราประมาณว่า ลงเท่าศุกร์แสนล้าน
ที่ 7%-8% น่าจะอยู่ที่ 1528-1510 ตรงนั้นน่าจะเข้าได้ไม้แรก
ผมว่าสภาพคล่องของรายย่อยมีเยอะ รอแค่ข่าวดี ก็พร้อมจะกลับเข้ามาซื้อ
มันจะลงไปถึง 10% ได้ไหม จากสถิติที่ผ่านมา ก็ประมาณนี้ 10% เวลาปรับฐาน
ถ้าลงแบบม้วนเดียวจบ แบบเดือนมีนาคม จะเด้งแรง
แต่ถ้าลงแบบ ลงบ้างขึ้นบ้าง ค่อยๆ ซึมลง อันนี้ลงนานหน่อย
ความคิดเห็นที่ 26
ถ้าใครที่ไม่คิดจะซื้อถัวเฉลี่ยทุกเดือน .. สถานการณ์เช่นนี้ ถ้าคิดจะ "ลงทุนระยะยาว" ผมแนะนำให้เก็บเงินสดไว้ก่อน
แต่ถ้าอยากจะ "เก็งกำไร" ไม่ว่าจะเป็น หุ้น หรือ กองทุนรวมหุ้น .. ก็เข้าไปซื้อได้เลยครับ
*** สาระไม่สำคัญ *** (ต่อจากตอนที่แล้ว)
ปัจจุบัน อุตสาหกรรม “กองทุนรวมหุ้น” .. ถูกแบ่งออกเป็นประเภทใหญ่ ๆ ได้ 2 ประเภท คือ
1. กองทุนรวมหุ้น แบบ "Active" (คือ กองทุนหุ้นทั่ว ๆ ไปที่เรา ๆ ชอบซื้อ-ขาย กันปกตินี่แหละ .. กว่า 90% ของกองทุนรวมหุ้นทั้งระบบ จะเป็นกองทุนรวมหุ้น ที่มีการบริหารจัดการโดย ผจก.กองทุน ถือเป็นกองทุนแบบ Active)
2. กองทุนรวมหุ้น แบบ "Passive" (คือ กองทุนหุ้น ที่ไม่จำเป็นต้องใช้ ผจก.กองทุน ในการบริหารจัดการ ส่วนใหญ่มักจะเป็นกองทุนดัชนี หรือ Index Fund)
แต่วันนี้ ผมจะมาพูดถึงแต่กองทุนดัชนีเท่านั้น (เพราะ กองทุนหุ้นแบบ Active ทั่ว ๆ ไป หลาย ๆ คนก็คุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว)
ถ้าถามผมว่า ทำไมต้องกองทุนดัชนี .. มันน่าสนใจตรงไหน ถึงต้องเอามาเป็นประเด็นในการตั้งกระทู้
ผมก็จะบอกว่า .. มันน่าสนใจ ก็เพราะ .. มันเป็น “กองทุนที่ถูกลืม” นี่แหละครับ .. เพราะไม่มีคนสนใจ , ไม่ค่อยมีคนซื้อ , ไม่ค่อยมีคนพูดถึง .. ผมถึงอยากเอากองทุนดัชนีมาเป็นประเด็นทำให้นักลงทุนหน้าใหม่ได้ทำความรู้จักกัน
เอาสั้น ๆ ง่าย ๆ เลยนะ .. กองทุนดัชนี หรือ Index Fund .. คือ กองทุนรวมหุ้น ที่มีวัตถุประสงค์ในการลงทุนสร้างผลตอบแทนให้ “ใกล้เคียงกับดัชนีให้มากที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้” .. (หรือ ไม่พยามเอาชนะดัชนี)
เช่น วันนี้ SET + 5% กองทุนดัชนีก็ต้อง +5% หรือ +4.9% หรือ +5.1% โดยประมาณ (ขอให้ได้ใกล้เคียงที่สุด) ..
ถ้าวันนี้ SET -3% กองทุนดัชนีก็ต้อง -3% หรือ -2.9% หรือ -3.1% โดยประมาณ (ขอให้ได้ใกล้เคียงที่สุด)
กองทุนดัชนี ยังแบ่งออกได้อีกหลายประเภท เช่น
- กองทุนดัชนี ที่แบ่งตามหมวดอุตสาหกรรม หรือ แบ่งตามธุรกิจ เช่น พลังงาน , ธนาคาร , อาหาร , สื่อสาร , เป็นต้น
- กองทุนดัชนี ที่แบ่งตามดัชนี หรือ Benchmark ที่กองทุนนั้น ๆ ลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียง เช่น SET , SET100 , SET50 , SETHD เป็นต้น (อ่านต่อตอนหน้า)
ขอบคุณ ทุก ๆ ความเห็นมากครับ ^^
แต่ถ้าอยากจะ "เก็งกำไร" ไม่ว่าจะเป็น หุ้น หรือ กองทุนรวมหุ้น .. ก็เข้าไปซื้อได้เลยครับ
*** สาระไม่สำคัญ *** (ต่อจากตอนที่แล้ว)
ปัจจุบัน อุตสาหกรรม “กองทุนรวมหุ้น” .. ถูกแบ่งออกเป็นประเภทใหญ่ ๆ ได้ 2 ประเภท คือ
1. กองทุนรวมหุ้น แบบ "Active" (คือ กองทุนหุ้นทั่ว ๆ ไปที่เรา ๆ ชอบซื้อ-ขาย กันปกตินี่แหละ .. กว่า 90% ของกองทุนรวมหุ้นทั้งระบบ จะเป็นกองทุนรวมหุ้น ที่มีการบริหารจัดการโดย ผจก.กองทุน ถือเป็นกองทุนแบบ Active)
2. กองทุนรวมหุ้น แบบ "Passive" (คือ กองทุนหุ้น ที่ไม่จำเป็นต้องใช้ ผจก.กองทุน ในการบริหารจัดการ ส่วนใหญ่มักจะเป็นกองทุนดัชนี หรือ Index Fund)
แต่วันนี้ ผมจะมาพูดถึงแต่กองทุนดัชนีเท่านั้น (เพราะ กองทุนหุ้นแบบ Active ทั่ว ๆ ไป หลาย ๆ คนก็คุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว)
ถ้าถามผมว่า ทำไมต้องกองทุนดัชนี .. มันน่าสนใจตรงไหน ถึงต้องเอามาเป็นประเด็นในการตั้งกระทู้
ผมก็จะบอกว่า .. มันน่าสนใจ ก็เพราะ .. มันเป็น “กองทุนที่ถูกลืม” นี่แหละครับ .. เพราะไม่มีคนสนใจ , ไม่ค่อยมีคนซื้อ , ไม่ค่อยมีคนพูดถึง .. ผมถึงอยากเอากองทุนดัชนีมาเป็นประเด็นทำให้นักลงทุนหน้าใหม่ได้ทำความรู้จักกัน
เอาสั้น ๆ ง่าย ๆ เลยนะ .. กองทุนดัชนี หรือ Index Fund .. คือ กองทุนรวมหุ้น ที่มีวัตถุประสงค์ในการลงทุนสร้างผลตอบแทนให้ “ใกล้เคียงกับดัชนีให้มากที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้” .. (หรือ ไม่พยามเอาชนะดัชนี)
เช่น วันนี้ SET + 5% กองทุนดัชนีก็ต้อง +5% หรือ +4.9% หรือ +5.1% โดยประมาณ (ขอให้ได้ใกล้เคียงที่สุด) ..
ถ้าวันนี้ SET -3% กองทุนดัชนีก็ต้อง -3% หรือ -2.9% หรือ -3.1% โดยประมาณ (ขอให้ได้ใกล้เคียงที่สุด)
กองทุนดัชนี ยังแบ่งออกได้อีกหลายประเภท เช่น
- กองทุนดัชนี ที่แบ่งตามหมวดอุตสาหกรรม หรือ แบ่งตามธุรกิจ เช่น พลังงาน , ธนาคาร , อาหาร , สื่อสาร , เป็นต้น
- กองทุนดัชนี ที่แบ่งตามดัชนี หรือ Benchmark ที่กองทุนนั้น ๆ ลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียง เช่น SET , SET100 , SET50 , SETHD เป็นต้น (อ่านต่อตอนหน้า)
ขอบคุณ ทุก ๆ ความเห็นมากครับ ^^
แสดงความคิดเห็น
{กระทู้มุงกองทุน} รายงานราคา NAV และพูดคุยกันเรื่องกองทุนหุ้น กองตราสารหนี้ 29-30 พ.ค. 56 แดงต่อเนื่อง
ต่างชาติเทขายกระหน่ำต่อเนื่องหลายวันเลย ทั้งกองหุ้น ทั้งกองตราสารหนี้ก็แย่ไปด้วย
เพิ่ม KBANK ให้แล้วนะคะ
ทริกเกอร์ฟันด์ กรุงไทย สัปดาห์ก่อนขึ้นไปได้ 5% ตอนนี้กลับมา 1% อีกละ 555+ จะได้ทริกกับเขามั้ยเนี่ย
กองตราสารหนี้ค่ะ ลำดับเริ่มเปลี่ยนเล็กน้อย
กองตลาดเงิน ผลงานค่อนข้างชัดเจน คงที่