สวัสดีค่ะพ่อๆแม่ห้องชานเรือน วันนี้เราอยากจะเล่าเรื่องที่อาจจะต้องสูญเสียเจ้าตัวเำล็กในท้องไป เราและสามีเครียดและกลุ้มใจกันมาก สงสารลูกเหลือเกิินกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับลูก เราขอพิมพ์ทีเดียวจบเลยนะคะ ผู้อ่านอาจตาลายกันบ้าง ต้องขออภัยด้วยนะคะ เริ่มเรื่องเลยนะคะ
เราอายุ 30 ปี ส่วนสามีอายุ 38 ปี เมื่อมาถึงวันนี้เราและสามีก็พร้อมที่จะมีเจ้าตัวเล็กกันแล้ว แล้วสิ่งที่เรารอคอยก็มาแล้ว เจ้าตัวเล็กเค้ามาอยู่ในท้องเราแล้ว เราซื้อที่ตรวจการตั้งครรภ์มาตรวจหลายอันมาก จนได้ผลที่แน่ใจแล้วว่าท้องแน่ๆ เราก็รีบไปฝากท้องทันที ตอนนั้นเราท้องได้ 7 วีค คุณหมอก็ซักประวัติแล้วก็จ่ายยาบำรุงคือเจ้าโฟลิกมาให้กิน แล้วก็นัดอีกครั้งเมื่อครบ 1 เดือน แล้วพอครบกำหนดเราก็ไปหาหมออีกรอบ แต่เป็นหมอที่คลินิกใหม่นะคะ แม่สามีแนะนำให้ไปลองดู เพราะเห็นว่าหมอท่านละเอียดดี เราก็ไปตามที่ท่านบอก พอถึงคิวเราหมอก็ซักประวัติเหมือนหมอคนแรก ชั่งน้ำหนัก วัดความดัน(ซึ่งหมอคนแรกที่เราไปหาไม่ตรวจหรือวัดอะไรเลย) แล้วผู้ช่วยของหมอก็วัดความดันเราแล้วก็บอกว่า โอ้โหความดันสูงนะเนี่ยตั้ง 134 แหน่ะ แต่หมอว่าไม่เป็นอะไร เพราะยังไม่สูงมากเท่าไร แล้วก็ถามเราทำงานที่ไหน ให้ช่วงกลางวันพักผ่อนเยอะๆ อย่าทำงานมาก แล้วหมอก็บอกให้เราไปนอนที่เตียงแล้วก็อัลตร้าซาวด์ให้ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เราจะได้เห็นเจ้าตัวเล็กที่อยู่ในท้อง เราก็มองไปที่จออัลตร้าซาวด์ เราถามหมอว่า หมอจะรับฝากพิเศษได้เมื่อไรคะ หมอบอกว่าถ้าอัลตร้าซาวด์แล้วเห็นเจ้าตัวเล็ก ก็จะรับฝากให้เลย แล้วหมอก็ใช้เครื่องอัลตร้าซาวด์ดู หมอบอกว่าเห็นเจ้าตัวเล็กแล้ว เราตื่นเต้นมากเห็นจริงๆด้วย แต่เค้าตัวเล็กมาก ก็อายุครรภ์ที่มาตอนนี้ก็แค่ 10 วีคเอง หมอเลยบอกว่างั้นหมอรับฝากพิเศษให้แล้วนะ เสร็จแล้วหมอก็จัดยาแก้แพ้เพราะเรามีอาการในระดับนึง แพ้ไม่มากแต่ก็ไม่น้อย แล้วก็มีโฟลิกเหมือนเคยค่ะ พอกลับมาเราก็เล่าให้สามีฟังว่าเห็นเจ้าตัวเล็กด้วย สามีก็ดีใจเหมือนกันค่ะ เรากับสามีมีความสุขใจกันมากเมื่อรู้ว่าเค้ามาอยู่กับเราแล้ว แล้วหมอก็บอกว่าอีก 1 เดือนมาหาหมออีกนะ
แต่ครั้งนี้เราไปหาหมอก่อนถึงกำหนดนัดประมาณ 10 วัน เพราะเรามีอาการคันผื่นขึ้น แล้วก็เกาจนแทบไม่ได้นอนเลย เช้ามาเลยตัดสินใจไปหาหมอก่อนวันนัดจริง เราก็เล่าอาการให้หมอฟัง หมอบอกว่าผื่นลมพิษไม่เป็นอันตรายกับเจ้าตัวเล็ก เดี๋ยวหมอจะให้ยาแก้คันไปกินแล้วกันนะ ยานี้ก็ไม่อันตรายกับเด็กคุณแม่ไม่ต้องห่วงกินได้เลย เราเลยถามหมอว่า ถ้าจะอัลตร้าซาวด์อีกได้มั้ยไหนๆก็มาแล้ว อยากเห็นเจ้าตัวเล็กอีกว่าเป็นยังงัยบ้าง ถ้าอัลตร้าซาวด์บ่อยจะเป็นไรมั้ยคะหมอ หมอตอบว่าไม่เป็นไร อัลตร้าซาวด์เพื่อความสบายใจของคุณแม่อัลตร้าซาวด์ทุกครั้งที่มาก็ได้ เราได้ยินแบบนี้ก็สบายใจค่ะ ตอนนี้ครรภ์เราได้ 13 วีค หมอก็อัลตร้าซาวด์ละเอียดอยู่พักนึง เราถามหมอว่าเจ้าตัวเล็กมีแขนขามั้ย หมอบอกว่ามีแล้ว เราก็ถามอีกว่านั่นเค้ากำลังดิ้นแล้วก็ยกแขนใช่มั้ยค่ะ หมอบอกว่าเค้ายังตัวเล็กอยู่คุณแม่ยังไม่รู้สึกหรอกว่าเค้าดิ้นอยู่ข้างในแต่ในจออัลตร้าซาวด์เห็นได้ เค้าดิ้นไปมาค่ะ เราดีใจแล้วก็ตื่นเต้นเป็นที่สุด เราถามหมอว่าเรากินนมไม่ได้เลยในตอนนี้ ลูกจะแข็งแรงมั้ยคะ หมอบอกถ้ายังแพ้ท้องอยู่กินนมไม่ได้ก็ไม่ต้องฝืนกินหรอก กว่านมจะจำเป็นจริงๆก็ตอนท้องได้ 4-5 เดือน ตอนนี้แค่คุณแม่กินอาหารที่มีประโยชน์ก็พอแล้ว ตั้งแต่เราท้องเราก็พยามกินนมแต่กินไม่ได้จริงๆแค่เห็นกล่องนมก็พะอืดพะอมแล้วจริงๆค่ะ แต่ถึงเราจะกินอาหารแล้วอ้วกแต่เราก็พยามกินเข้าไปใหม่เรื่อยๆค่ะ เพราะกลัวลูกได้สารอาหารไม่ครบ เดี๋ยวพูดถึงตอนที่หมออัลตร้าซาวด์ต่อนะคะ พอซักพักหมอก็บอกว่า เดี๋ยวอีก 2 อาทิตย์หมอขออัลตร้าซาวด์อีกครั้งนะ ว่ากะโหลกศรีษะเด็กปิดหรือยัง เพราะว่าตอนนี้หมอยังไม่เห็นกะโหลกศรีษะเค้าปิดเลย เราก็ตกใจ เลยถามหมอว่าแล้วแบบนี้ปกติมั้ยคะ แล้วปกติกะโหลกศรีษะเค้าจะปิดตอนไหน หมอบอกว่าปกติครับ บางคนก็ปิดช้า หมอถึงนัดคุณแม่มาอัลตร้าซาวด์ดูส่วนหัวใหม่อีก 2 อาทิตย์เผื่อจะปิดตอนช่วงนั้น เราก็ใจชื้นขึ้นมานิดหน่อยแต่ก็แอบกังวลแล้วก็เครียดๆบ้าง
เราก็เล่าให้สามีฟังเหมือนเคยว่าเห็นเจ้าตัวเล็กกำลังดิ้นไปมาในท้อง ยกมือด้วยนะ สามีก็หัวเราะชอบใจ พูดว่าถ้าจะดื้อนะเนี่ยไอ้ลิงน้อย แต่เราไม่ได้บอกสามีเรื่องเจ้าตัวเล็กกะโหลกศรีษะยังไม่ปิด เพราะเราคิดว่าครั้งหน้าไปคงปิดเป็นปกติแล้วแน่ๆ หมอก็บอกว่าอาจปิดช้า พอครบเวลานัด 2 อาทิตย์ คือวันอังคารที่ 28 พฤษภาคมเมื่อกี้นี้เอง เราก็ไปด้วยความหวัง พอเข้าห้องตรวจหมอก็อัลตร้าซาวด์ซักพัก เราก็มองที่จออัลตร้าซาวด์ แล้วก็มองที่หน้าหมอ หมอหน้านิ่งมากไม่เหมือนทุกครั้งที่มา เรารู้สึกไม่ดีแล้ว สถานะการณ์ในห้องเงียบมากแล้วเหมือนจะตึงเครียดด้วย เราก็คิดในใจว่าขอให้เจ้าตัวเล็กของแม่ปกติด้วยเถิด อย่าเป็นอะไรเลยนะลูกรัก เรารอไม่ไหวแล้วเพราะหมอเอาแต่เงียบไม่พูดอะไรซักที เราเลยถามหมอเองว่า เป็นงัยบ้างคะ เด็กแข็งแรงมั้ย หมอก็ยังเงียบแล้วก็ดูที่จออัลตร้าซาวด์อยู่พักนึง ถึงตอบเราว่า หมอไม่เห็นกะโหลกศรีษะเด็ก เราถึงกับอึ้งไปพักนึงบวกกับอาการงงๆ เราถามหมออีกครั้งว่าหมายความว่างัยคะหมอ หมอบอกอีกครั้งว่าเด็กกะโหลกศรีษะไม่ปิด ถือว่าเป็นความพิการแต่กำเนิดขั้นรุนแรง ปกติตอนนี้น่าจะปิดได้แล้วนะ เรานี่มากกว่าอึ้งค่ะที่นี่ ถึงกับช็อคเลย หมอบอกอีกว่าอาจต้องยุติการตั้งครรภ์นะ เราน้ำตาตกในเลยคะกลั้นเอาไว้ ทำใจแข็งถามหมอต่อว่าสาเหตุเกิดจากอะไรเหรอคะ หมอบอกว่าหมอก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ เดี๋ยวหมอจะส่งคุณแม่ไปตรวจแล้วก็ปรึกษากับอาจารย์หมอของหมอ ที่จังหวัดใกล้ๆกับจังหวัดที่เราอยู่ แต่ต้องโทรนัดท่านก่อนไปนะ ถ้าจะให้ดีก็ไปวันเสาร์นะ แล้วถ้าอาจารย์หมอบอกว่าไม่เป็นไรค่อยกลับมาฝากท้องกับหมอใหม่นะ เราก็ค่ะๆๆ แล้วก็เดินตัวลอย มึนๆงงๆ เหมือนมันมืดไปหมด มองไม่เห็นใครเลยทั้งที่มีคนอยู่เต็มคลินิก พอเราเดินมาขึ้นรถที่สามีจอดรออยู่แค่นั้นแหล่ะ เราปล่อยโฮออกมาทันทีแบบหยุดไม่อยู่ สามีก็ตกใจถามว่าเราเป็นอะไร แล้วหมอว่างัยบ้าง เราไม่ตอบทันทีเราร้องไห้อย่างเดียว แล้วบอกสามีว่าวันนี้เราไม่อยากกลับไปทำงานแล้ว เราอยากกลับบ้านเลย ไม่มีกระจิตกระใจทำอะไรเลย อยากอยู่คนเดี๋ยว อยากร้องไห้ซะให้พอ เรากลับบ้านตอนบ่ายหลังจากไปหาหมอมา เราร้องไห้ตั้งแต่บ่ายจนถึง 6 โมงเย็น แล้วเล่าให้สามีฟัง
หมอบอกว่าเจ้าตัวเล็กของเรากะโหลกศรีษะไม่ปิด ปกติน่าจะปิดแล้ว แล้วหมอก็ให้ไปหาอาจารย์หมออีกท่านนึง สามีเราเสียใจมากเช่นกันค่ะ เพราะเค้าอยากมีลูกมาก สามีเราชอบเล่นกับเด็กมาก จนหลานๆติดสามีเราถามถึงแต่อากู๋เค้าตลอดเลย ทำไมหลายคนเค้าท้องแล้วก็คลอดออกมาตามปกติกันซะส่วนมาก แต่เราทำไมถึงไม่เป็นอย่างนั้นบ้าง นี่เรากับเจ้าตัวเล็กต้องจากกันจริงๆเหรอ เราและสามีไม่อยากเสียเค้าไปเลย แต่ก็ไม่รู้จะทำยังงัย ก็ได้แต่รอวันที่จะไปหาอาจารย์หมอซึ่งเป็นความหวังครั้งสุดท้ายของครอบครัวเรา เรากับสามีหวังกันเล็กๆว่าอาจจะมีปาฏิหารย์เกิดขึ้นก็ได้ ไปตรวจครั้งนี้กะโหลกศรีษะลูกอาจจะกำลังปิดก็ได้ หรืออาจารย์อาจมีทางช่วยเราได้ก็เป็นได้ มันอาจจะเป็นความหวังลมๆแล้งๆสำหรับคนที่จะสิ้นหวัง เราจะทำทุกอย่างที่อาจารย์แนะนำ ถ้าทำแล้วจะรั้งให้เจ้าตัวเล็กอยู่ในท้องเราต่อจนถึงเวลาออกมาลืมตาดูโลกภายนอกเหมือนเด็กปกติทั่วไป เรายอมทุกอย่างจริงๆไม่อยากสูญเสียเค้าไปเลย ไหนๆเค้าก็ตั้งใจมาเกิดเป็นลูกเราแล้ว แต่ถ้าที่สุดแล้วเรากับสามีต้องทำใจยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด เสียใจมากคะ หัวใจแทบสลายเลย ป๊ากับแม่รักหนูนะลูกเราสามคนจะได้อยู่ด้วยกันมั้ย แม่จะรอวันที่เราสามคนได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง ถ้าบุญกุศลที่แม่กับป๊ายังมีอยู่ แม่กับป๊าก็ขออุทิศให้ลูกเพื่อลูกจะได้อยู่กับแม่และป๊าต่อไป
ขอขอบคุณทุกท่านนะคะที่ได้เข้ามาอ่าน เราอยากระบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นออกมา เผื่อจะทำให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง แต่ดันอยากร้องไห้แล้วก็หดหู่ขึ้นมาอีกแล้ว เดี่ยววันเสาร์นี้ก็ทราบแล้วคะ ว่าเราจะต้องสูญเสียเจ้าตัวเล็กไปหรือเปล่า เราและสามีอยากให้เค้ามาเติมเต็มคำว่าครอบครัว พ่อ แม่ ลูก เสียงหัวเราะและรอยยิ้มของคนในครอบครัว
เมื่อเจ้าตัวเล็กในท้องของแม่ไม่ปกติ>>>แล้วแม่กับป๊ากำลังจะเสียหนูไปหรือนี่
เราอายุ 30 ปี ส่วนสามีอายุ 38 ปี เมื่อมาถึงวันนี้เราและสามีก็พร้อมที่จะมีเจ้าตัวเล็กกันแล้ว แล้วสิ่งที่เรารอคอยก็มาแล้ว เจ้าตัวเล็กเค้ามาอยู่ในท้องเราแล้ว เราซื้อที่ตรวจการตั้งครรภ์มาตรวจหลายอันมาก จนได้ผลที่แน่ใจแล้วว่าท้องแน่ๆ เราก็รีบไปฝากท้องทันที ตอนนั้นเราท้องได้ 7 วีค คุณหมอก็ซักประวัติแล้วก็จ่ายยาบำรุงคือเจ้าโฟลิกมาให้กิน แล้วก็นัดอีกครั้งเมื่อครบ 1 เดือน แล้วพอครบกำหนดเราก็ไปหาหมออีกรอบ แต่เป็นหมอที่คลินิกใหม่นะคะ แม่สามีแนะนำให้ไปลองดู เพราะเห็นว่าหมอท่านละเอียดดี เราก็ไปตามที่ท่านบอก พอถึงคิวเราหมอก็ซักประวัติเหมือนหมอคนแรก ชั่งน้ำหนัก วัดความดัน(ซึ่งหมอคนแรกที่เราไปหาไม่ตรวจหรือวัดอะไรเลย) แล้วผู้ช่วยของหมอก็วัดความดันเราแล้วก็บอกว่า โอ้โหความดันสูงนะเนี่ยตั้ง 134 แหน่ะ แต่หมอว่าไม่เป็นอะไร เพราะยังไม่สูงมากเท่าไร แล้วก็ถามเราทำงานที่ไหน ให้ช่วงกลางวันพักผ่อนเยอะๆ อย่าทำงานมาก แล้วหมอก็บอกให้เราไปนอนที่เตียงแล้วก็อัลตร้าซาวด์ให้ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เราจะได้เห็นเจ้าตัวเล็กที่อยู่ในท้อง เราก็มองไปที่จออัลตร้าซาวด์ เราถามหมอว่า หมอจะรับฝากพิเศษได้เมื่อไรคะ หมอบอกว่าถ้าอัลตร้าซาวด์แล้วเห็นเจ้าตัวเล็ก ก็จะรับฝากให้เลย แล้วหมอก็ใช้เครื่องอัลตร้าซาวด์ดู หมอบอกว่าเห็นเจ้าตัวเล็กแล้ว เราตื่นเต้นมากเห็นจริงๆด้วย แต่เค้าตัวเล็กมาก ก็อายุครรภ์ที่มาตอนนี้ก็แค่ 10 วีคเอง หมอเลยบอกว่างั้นหมอรับฝากพิเศษให้แล้วนะ เสร็จแล้วหมอก็จัดยาแก้แพ้เพราะเรามีอาการในระดับนึง แพ้ไม่มากแต่ก็ไม่น้อย แล้วก็มีโฟลิกเหมือนเคยค่ะ พอกลับมาเราก็เล่าให้สามีฟังว่าเห็นเจ้าตัวเล็กด้วย สามีก็ดีใจเหมือนกันค่ะ เรากับสามีมีความสุขใจกันมากเมื่อรู้ว่าเค้ามาอยู่กับเราแล้ว แล้วหมอก็บอกว่าอีก 1 เดือนมาหาหมออีกนะ
แต่ครั้งนี้เราไปหาหมอก่อนถึงกำหนดนัดประมาณ 10 วัน เพราะเรามีอาการคันผื่นขึ้น แล้วก็เกาจนแทบไม่ได้นอนเลย เช้ามาเลยตัดสินใจไปหาหมอก่อนวันนัดจริง เราก็เล่าอาการให้หมอฟัง หมอบอกว่าผื่นลมพิษไม่เป็นอันตรายกับเจ้าตัวเล็ก เดี๋ยวหมอจะให้ยาแก้คันไปกินแล้วกันนะ ยานี้ก็ไม่อันตรายกับเด็กคุณแม่ไม่ต้องห่วงกินได้เลย เราเลยถามหมอว่า ถ้าจะอัลตร้าซาวด์อีกได้มั้ยไหนๆก็มาแล้ว อยากเห็นเจ้าตัวเล็กอีกว่าเป็นยังงัยบ้าง ถ้าอัลตร้าซาวด์บ่อยจะเป็นไรมั้ยคะหมอ หมอตอบว่าไม่เป็นไร อัลตร้าซาวด์เพื่อความสบายใจของคุณแม่อัลตร้าซาวด์ทุกครั้งที่มาก็ได้ เราได้ยินแบบนี้ก็สบายใจค่ะ ตอนนี้ครรภ์เราได้ 13 วีค หมอก็อัลตร้าซาวด์ละเอียดอยู่พักนึง เราถามหมอว่าเจ้าตัวเล็กมีแขนขามั้ย หมอบอกว่ามีแล้ว เราก็ถามอีกว่านั่นเค้ากำลังดิ้นแล้วก็ยกแขนใช่มั้ยค่ะ หมอบอกว่าเค้ายังตัวเล็กอยู่คุณแม่ยังไม่รู้สึกหรอกว่าเค้าดิ้นอยู่ข้างในแต่ในจออัลตร้าซาวด์เห็นได้ เค้าดิ้นไปมาค่ะ เราดีใจแล้วก็ตื่นเต้นเป็นที่สุด เราถามหมอว่าเรากินนมไม่ได้เลยในตอนนี้ ลูกจะแข็งแรงมั้ยคะ หมอบอกถ้ายังแพ้ท้องอยู่กินนมไม่ได้ก็ไม่ต้องฝืนกินหรอก กว่านมจะจำเป็นจริงๆก็ตอนท้องได้ 4-5 เดือน ตอนนี้แค่คุณแม่กินอาหารที่มีประโยชน์ก็พอแล้ว ตั้งแต่เราท้องเราก็พยามกินนมแต่กินไม่ได้จริงๆแค่เห็นกล่องนมก็พะอืดพะอมแล้วจริงๆค่ะ แต่ถึงเราจะกินอาหารแล้วอ้วกแต่เราก็พยามกินเข้าไปใหม่เรื่อยๆค่ะ เพราะกลัวลูกได้สารอาหารไม่ครบ เดี๋ยวพูดถึงตอนที่หมออัลตร้าซาวด์ต่อนะคะ พอซักพักหมอก็บอกว่า เดี๋ยวอีก 2 อาทิตย์หมอขออัลตร้าซาวด์อีกครั้งนะ ว่ากะโหลกศรีษะเด็กปิดหรือยัง เพราะว่าตอนนี้หมอยังไม่เห็นกะโหลกศรีษะเค้าปิดเลย เราก็ตกใจ เลยถามหมอว่าแล้วแบบนี้ปกติมั้ยคะ แล้วปกติกะโหลกศรีษะเค้าจะปิดตอนไหน หมอบอกว่าปกติครับ บางคนก็ปิดช้า หมอถึงนัดคุณแม่มาอัลตร้าซาวด์ดูส่วนหัวใหม่อีก 2 อาทิตย์เผื่อจะปิดตอนช่วงนั้น เราก็ใจชื้นขึ้นมานิดหน่อยแต่ก็แอบกังวลแล้วก็เครียดๆบ้าง
เราก็เล่าให้สามีฟังเหมือนเคยว่าเห็นเจ้าตัวเล็กกำลังดิ้นไปมาในท้อง ยกมือด้วยนะ สามีก็หัวเราะชอบใจ พูดว่าถ้าจะดื้อนะเนี่ยไอ้ลิงน้อย แต่เราไม่ได้บอกสามีเรื่องเจ้าตัวเล็กกะโหลกศรีษะยังไม่ปิด เพราะเราคิดว่าครั้งหน้าไปคงปิดเป็นปกติแล้วแน่ๆ หมอก็บอกว่าอาจปิดช้า พอครบเวลานัด 2 อาทิตย์ คือวันอังคารที่ 28 พฤษภาคมเมื่อกี้นี้เอง เราก็ไปด้วยความหวัง พอเข้าห้องตรวจหมอก็อัลตร้าซาวด์ซักพัก เราก็มองที่จออัลตร้าซาวด์ แล้วก็มองที่หน้าหมอ หมอหน้านิ่งมากไม่เหมือนทุกครั้งที่มา เรารู้สึกไม่ดีแล้ว สถานะการณ์ในห้องเงียบมากแล้วเหมือนจะตึงเครียดด้วย เราก็คิดในใจว่าขอให้เจ้าตัวเล็กของแม่ปกติด้วยเถิด อย่าเป็นอะไรเลยนะลูกรัก เรารอไม่ไหวแล้วเพราะหมอเอาแต่เงียบไม่พูดอะไรซักที เราเลยถามหมอเองว่า เป็นงัยบ้างคะ เด็กแข็งแรงมั้ย หมอก็ยังเงียบแล้วก็ดูที่จออัลตร้าซาวด์อยู่พักนึง ถึงตอบเราว่า หมอไม่เห็นกะโหลกศรีษะเด็ก เราถึงกับอึ้งไปพักนึงบวกกับอาการงงๆ เราถามหมออีกครั้งว่าหมายความว่างัยคะหมอ หมอบอกอีกครั้งว่าเด็กกะโหลกศรีษะไม่ปิด ถือว่าเป็นความพิการแต่กำเนิดขั้นรุนแรง ปกติตอนนี้น่าจะปิดได้แล้วนะ เรานี่มากกว่าอึ้งค่ะที่นี่ ถึงกับช็อคเลย หมอบอกอีกว่าอาจต้องยุติการตั้งครรภ์นะ เราน้ำตาตกในเลยคะกลั้นเอาไว้ ทำใจแข็งถามหมอต่อว่าสาเหตุเกิดจากอะไรเหรอคะ หมอบอกว่าหมอก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ เดี๋ยวหมอจะส่งคุณแม่ไปตรวจแล้วก็ปรึกษากับอาจารย์หมอของหมอ ที่จังหวัดใกล้ๆกับจังหวัดที่เราอยู่ แต่ต้องโทรนัดท่านก่อนไปนะ ถ้าจะให้ดีก็ไปวันเสาร์นะ แล้วถ้าอาจารย์หมอบอกว่าไม่เป็นไรค่อยกลับมาฝากท้องกับหมอใหม่นะ เราก็ค่ะๆๆ แล้วก็เดินตัวลอย มึนๆงงๆ เหมือนมันมืดไปหมด มองไม่เห็นใครเลยทั้งที่มีคนอยู่เต็มคลินิก พอเราเดินมาขึ้นรถที่สามีจอดรออยู่แค่นั้นแหล่ะ เราปล่อยโฮออกมาทันทีแบบหยุดไม่อยู่ สามีก็ตกใจถามว่าเราเป็นอะไร แล้วหมอว่างัยบ้าง เราไม่ตอบทันทีเราร้องไห้อย่างเดียว แล้วบอกสามีว่าวันนี้เราไม่อยากกลับไปทำงานแล้ว เราอยากกลับบ้านเลย ไม่มีกระจิตกระใจทำอะไรเลย อยากอยู่คนเดี๋ยว อยากร้องไห้ซะให้พอ เรากลับบ้านตอนบ่ายหลังจากไปหาหมอมา เราร้องไห้ตั้งแต่บ่ายจนถึง 6 โมงเย็น แล้วเล่าให้สามีฟัง
หมอบอกว่าเจ้าตัวเล็กของเรากะโหลกศรีษะไม่ปิด ปกติน่าจะปิดแล้ว แล้วหมอก็ให้ไปหาอาจารย์หมออีกท่านนึง สามีเราเสียใจมากเช่นกันค่ะ เพราะเค้าอยากมีลูกมาก สามีเราชอบเล่นกับเด็กมาก จนหลานๆติดสามีเราถามถึงแต่อากู๋เค้าตลอดเลย ทำไมหลายคนเค้าท้องแล้วก็คลอดออกมาตามปกติกันซะส่วนมาก แต่เราทำไมถึงไม่เป็นอย่างนั้นบ้าง นี่เรากับเจ้าตัวเล็กต้องจากกันจริงๆเหรอ เราและสามีไม่อยากเสียเค้าไปเลย แต่ก็ไม่รู้จะทำยังงัย ก็ได้แต่รอวันที่จะไปหาอาจารย์หมอซึ่งเป็นความหวังครั้งสุดท้ายของครอบครัวเรา เรากับสามีหวังกันเล็กๆว่าอาจจะมีปาฏิหารย์เกิดขึ้นก็ได้ ไปตรวจครั้งนี้กะโหลกศรีษะลูกอาจจะกำลังปิดก็ได้ หรืออาจารย์อาจมีทางช่วยเราได้ก็เป็นได้ มันอาจจะเป็นความหวังลมๆแล้งๆสำหรับคนที่จะสิ้นหวัง เราจะทำทุกอย่างที่อาจารย์แนะนำ ถ้าทำแล้วจะรั้งให้เจ้าตัวเล็กอยู่ในท้องเราต่อจนถึงเวลาออกมาลืมตาดูโลกภายนอกเหมือนเด็กปกติทั่วไป เรายอมทุกอย่างจริงๆไม่อยากสูญเสียเค้าไปเลย ไหนๆเค้าก็ตั้งใจมาเกิดเป็นลูกเราแล้ว แต่ถ้าที่สุดแล้วเรากับสามีต้องทำใจยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด เสียใจมากคะ หัวใจแทบสลายเลย ป๊ากับแม่รักหนูนะลูกเราสามคนจะได้อยู่ด้วยกันมั้ย แม่จะรอวันที่เราสามคนได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง ถ้าบุญกุศลที่แม่กับป๊ายังมีอยู่ แม่กับป๊าก็ขออุทิศให้ลูกเพื่อลูกจะได้อยู่กับแม่และป๊าต่อไป
ขอขอบคุณทุกท่านนะคะที่ได้เข้ามาอ่าน เราอยากระบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นออกมา เผื่อจะทำให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง แต่ดันอยากร้องไห้แล้วก็หดหู่ขึ้นมาอีกแล้ว เดี่ยววันเสาร์นี้ก็ทราบแล้วคะ ว่าเราจะต้องสูญเสียเจ้าตัวเล็กไปหรือเปล่า เราและสามีอยากให้เค้ามาเติมเต็มคำว่าครอบครัว พ่อ แม่ ลูก เสียงหัวเราะและรอยยิ้มของคนในครอบครัว