สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 11
ขอแสดงความเห็นเฉพาะคำถามนี้แล้วกันนะครับ
"เด็กเอเชียเก่งเลข ไปเรียนมหาวิทยาลัยในอเมริกาฝรั่งแพ้หมด เรื่องจริงหรือเป็นแค่ Myth"
ถ้าคำว่า "แพ้หมด" หมายถึง "สอบแพ้ฝรั่งทุกคนที่เรียนคลาสเดียวกัน" มันก็เป็นแค่ Myth ครับ
ในแต่ละปี หลายๆคนสอบชนะเด็กฝรั่งได้ครับ ถึงไม่ top แต่ก็ไม่บ๊วย
ถ้าคำว่า "แพ้หมด" หมายถึง "ในทุกๆปี เด็กเอเชียจะสอบแพ้ฝรั่งบางคนที่เก่งจริงๆเสมอ ไม่เคยขึ้น top ได้เลย" อันนี้ก็ยังน่าจะ Myth ครับ
(ถึงแม้ว่าสิ่งที่ผมรู้จะไม่ตรงนักก็ตาม)
ลองค้นคำว่า "ไพศาล นาคมหาชลาสินธุ์ curriculum vitae" ดูครับ จะพบว่าตอนที่อ.ไพศาลไปเรียนฟิสิกส์ที่ UCLA (U ระดับต้นๆของโลก)
อ.ก็สอบ qualifying exam ได้คะแนนสูงสุดของภาคฟิสิกส์ที่นั่น
ถึงจะไม่ใช่สาขาคณิตศาสตร์ก็จริง แต่มันก็พอจะอนุมานได้ว่าในสาขา math ผลลัพธ์ก็ไม่น่าจะต่างกันมาก
เด็กที่อยู่ในระดับเก่งที่สุดของไทย ถ้าวัดแค่การสอบล่ะก็ พอฟัดพอเหวี่ยงกับฝรั่งทั่วไปจนถึงระดับสูงครับ
(แต่บางทีฝรั่งมี genius ที่ born to be เกิดมา อันนี้ก็อาจจะเป็นกรณีพิเศษบางปีครับ)
และถึงแม้ผมจะไม่รู้ข้อมูลของเด็กจีน แต่พวกนี้เวลาสอบโอลิมปิกก็ได้เหรียญทองกันทั้งทีม
พอไปเรียน เด็กจีนหลายๆคนก็เลือกที่จะไปเรียนต่อที่อเมริกา ไปวัดกับฝรั่งที่นั่น
เพราะฉะนั้น มันก็พอจะมีหลักฐานให้เราเชื่อได้ว่า มันต้องมีบางปีบ้างแหละน่าที่เด็กเอเชียจะสอบได้คะแนนสูงสุดน่ะ...
.
ส่วนถ้าบอกว่า "แพ้หมด" หมายถึงการทำวิจัย
อันนี้จะตอบยากมาก เพราะงานวิจัยไม่เหมือนการสอบแข่งขัน ไม่มีคะแนนมาระบุว่าใครเหนือกว่าใครอย่างชัดเจน
แต่จะให้ข้อสังเกตว่า ผมเคยถามอ.ที่ปรึกษาตัวเองว่า เด็กฝรั่งเค้ามีความคิดสร้างสรรค์สูงกว่าเด็กไทยเหรอ
เค้าบอกว่า "ไม่น่าจะใช่น๊า ผมว่ามันขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมด้วยนะ"
เด็กทางเอเชียจะเรียนแบบเน้นการสอบแข่งขัน เพราะมหาวิทยาลัยดีๆมีน้อย ลักษณะการสอบแข่งขันเลยต้องรุนแรงหน่อย
จะมาสอบแบบวัดความคิดสร้างสรรค์และไม่ยากมากแบบ SAT หรือ IB, A-Level คงไม่ได้
พอเริ่มใช้ชีวิตในวิถีการสอบแข่งขันไปนานๆ ความคิดสร้างสรรค์มันจะเริ่มตาย
เวลาให้คิดโจทย์ พอคิดเสร็จก็จะจบกันแค่นั้น คิดเสร็จก็ move ไปทำข้ออื่นต่อ
กลายเป็นว่าโจทย์ข้อนึงถูก "ใช้แล้วทิ้ง"
แต่ของฝรั่ง ตอนนี้ผมก็สอนพิเศษหลักสูตรอินเตอร์อยู่ ทำให้ผมต้องเอาข้อสอบ SAT, IB, A-Level, IGCSE มาดูอยู่เรื่อย
และผมก็เลยได้รู้ว่า ข้อสอบพวกนี้มันสอนให้เรา "คิดต่อยอด" จริงๆ ถ้ามาลองทำดูจะสัมผัสได้เลย
คือมันไม่ใช่ยากอย่างเดียวจบ มันยากระดับปานกลาง แต่มันค่อยๆ develop ไอเดียอะไรบางอย่างให้เราโดยแบ่งโจทย์เป็นข้อย่อยๆ
แล้วใช้ข้อย่อยต่อยอดไปเรื่อยๆ ตั้งแต่ข้อย่อยแรกจนถึงข้อย่อยสุดท้าย
พยายามจะกระตุ้นให้เราคิดต่อยอดจนแก้โจทย์ข้อใหญ่ได้ทั้งหมด
ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญต่อความคิดสร้างสรรค์มากๆ
ดังนั้นพอไปถึงระดับการทำวิจัย นิสัยที่ถูกฝึกฝนมาแตกต่างกัน ทำให้ลักษณะการทำวิจัยแตกต่างกันด้วยครับ
เคยถามอ.อีกท่านด้วยคำถามเดียวกัน เค้าบอกว่าสิ่งสำคัญมันอยู่ที่
ฝรั่งเขาสอนให้รู้จักตั้งคำถาม ไม่ใช่หาคำตอบเพียงอย่างเดียวครับ...
"เด็กเอเชียเก่งเลข ไปเรียนมหาวิทยาลัยในอเมริกาฝรั่งแพ้หมด เรื่องจริงหรือเป็นแค่ Myth"
ถ้าคำว่า "แพ้หมด" หมายถึง "สอบแพ้ฝรั่งทุกคนที่เรียนคลาสเดียวกัน" มันก็เป็นแค่ Myth ครับ
ในแต่ละปี หลายๆคนสอบชนะเด็กฝรั่งได้ครับ ถึงไม่ top แต่ก็ไม่บ๊วย
ถ้าคำว่า "แพ้หมด" หมายถึง "ในทุกๆปี เด็กเอเชียจะสอบแพ้ฝรั่งบางคนที่เก่งจริงๆเสมอ ไม่เคยขึ้น top ได้เลย" อันนี้ก็ยังน่าจะ Myth ครับ
(ถึงแม้ว่าสิ่งที่ผมรู้จะไม่ตรงนักก็ตาม)
ลองค้นคำว่า "ไพศาล นาคมหาชลาสินธุ์ curriculum vitae" ดูครับ จะพบว่าตอนที่อ.ไพศาลไปเรียนฟิสิกส์ที่ UCLA (U ระดับต้นๆของโลก)
อ.ก็สอบ qualifying exam ได้คะแนนสูงสุดของภาคฟิสิกส์ที่นั่น
ถึงจะไม่ใช่สาขาคณิตศาสตร์ก็จริง แต่มันก็พอจะอนุมานได้ว่าในสาขา math ผลลัพธ์ก็ไม่น่าจะต่างกันมาก
เด็กที่อยู่ในระดับเก่งที่สุดของไทย ถ้าวัดแค่การสอบล่ะก็ พอฟัดพอเหวี่ยงกับฝรั่งทั่วไปจนถึงระดับสูงครับ
(แต่บางทีฝรั่งมี genius ที่ born to be เกิดมา อันนี้ก็อาจจะเป็นกรณีพิเศษบางปีครับ)
และถึงแม้ผมจะไม่รู้ข้อมูลของเด็กจีน แต่พวกนี้เวลาสอบโอลิมปิกก็ได้เหรียญทองกันทั้งทีม
พอไปเรียน เด็กจีนหลายๆคนก็เลือกที่จะไปเรียนต่อที่อเมริกา ไปวัดกับฝรั่งที่นั่น
เพราะฉะนั้น มันก็พอจะมีหลักฐานให้เราเชื่อได้ว่า มันต้องมีบางปีบ้างแหละน่าที่เด็กเอเชียจะสอบได้คะแนนสูงสุดน่ะ...
.
ส่วนถ้าบอกว่า "แพ้หมด" หมายถึงการทำวิจัย
อันนี้จะตอบยากมาก เพราะงานวิจัยไม่เหมือนการสอบแข่งขัน ไม่มีคะแนนมาระบุว่าใครเหนือกว่าใครอย่างชัดเจน
แต่จะให้ข้อสังเกตว่า ผมเคยถามอ.ที่ปรึกษาตัวเองว่า เด็กฝรั่งเค้ามีความคิดสร้างสรรค์สูงกว่าเด็กไทยเหรอ
เค้าบอกว่า "ไม่น่าจะใช่น๊า ผมว่ามันขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมด้วยนะ"
เด็กทางเอเชียจะเรียนแบบเน้นการสอบแข่งขัน เพราะมหาวิทยาลัยดีๆมีน้อย ลักษณะการสอบแข่งขันเลยต้องรุนแรงหน่อย
จะมาสอบแบบวัดความคิดสร้างสรรค์และไม่ยากมากแบบ SAT หรือ IB, A-Level คงไม่ได้
พอเริ่มใช้ชีวิตในวิถีการสอบแข่งขันไปนานๆ ความคิดสร้างสรรค์มันจะเริ่มตาย
เวลาให้คิดโจทย์ พอคิดเสร็จก็จะจบกันแค่นั้น คิดเสร็จก็ move ไปทำข้ออื่นต่อ
กลายเป็นว่าโจทย์ข้อนึงถูก "ใช้แล้วทิ้ง"
แต่ของฝรั่ง ตอนนี้ผมก็สอนพิเศษหลักสูตรอินเตอร์อยู่ ทำให้ผมต้องเอาข้อสอบ SAT, IB, A-Level, IGCSE มาดูอยู่เรื่อย
และผมก็เลยได้รู้ว่า ข้อสอบพวกนี้มันสอนให้เรา "คิดต่อยอด" จริงๆ ถ้ามาลองทำดูจะสัมผัสได้เลย
คือมันไม่ใช่ยากอย่างเดียวจบ มันยากระดับปานกลาง แต่มันค่อยๆ develop ไอเดียอะไรบางอย่างให้เราโดยแบ่งโจทย์เป็นข้อย่อยๆ
แล้วใช้ข้อย่อยต่อยอดไปเรื่อยๆ ตั้งแต่ข้อย่อยแรกจนถึงข้อย่อยสุดท้าย
พยายามจะกระตุ้นให้เราคิดต่อยอดจนแก้โจทย์ข้อใหญ่ได้ทั้งหมด
ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญต่อความคิดสร้างสรรค์มากๆ
ดังนั้นพอไปถึงระดับการทำวิจัย นิสัยที่ถูกฝึกฝนมาแตกต่างกัน ทำให้ลักษณะการทำวิจัยแตกต่างกันด้วยครับ
เคยถามอ.อีกท่านด้วยคำถามเดียวกัน เค้าบอกว่าสิ่งสำคัญมันอยู่ที่
ฝรั่งเขาสอนให้รู้จักตั้งคำถาม ไม่ใช่หาคำตอบเพียงอย่างเดียวครับ...
แสดงความคิดเห็น
เด็กเอเชียเก่งเลข ไปเรียนมหาวิทยาลัยในอเมริกาฝรั่งแพ้หมด เรื่องจริงหรือเป็นแค่ Myth
มีประมาณชาติละ หกสิบกว่าล้านคน อย่างเนเทอแลนมีประชากรประมาณสิบล้านคน เมื่อปริมาณเยอะกว่ามากแน่นอนคนเยอะกว่าตัวเลือกก็มีมากกว่า
2 เด็กที่ไปเรียนต่อในอเมริกาได้คือเด็กที่คัดไปแล้ว แต่เด็กฝรั่งที่ไปเรียนก็คือคนธรรมดา
3 สายวิทย์เพียวตปทคืออันดับหนึ่ง สายวิทย์ประยุกต์ วิศว แพทย์อันดับรองลงมา เด็กเอเชียไปเรียนพวกนี้เยอะ จึงดูเหมือนเก่ง
4 บางคณะ เงินน้อยเรียนหนัก ฝรั่งไม่นิยมเรียน เด็กเอเชียไปเรียนเยอะๆไม่ใช่อะไรหรอก
5 นักวิทย์ที่ได้รางวัลโนเบล ส่วนใหญ่ในโลกยุคปัจจุบันนี้ก็ยังเป็นอเมริกันและชาวยุโรปส่วนใหญ่อยู่ดี ถึงแม้การศึกษาแบบสากลได้กระจายไปทั่วโลกแล้ว
เด็กเอเชียเก่งเลข ไปเรียนมหาวิทยาลัยในอเมริกาฝรั่งแพ้หมด เรื่องจริงหรือเป็นแค่ Myth