จากประสบการณ์ในการหางานของผม ตั้งแต่หว่านใบสมัคร ไปสอบสัมภาษณ์ทุกที่ที่เรียกไป ผมอยากจะแบ่งปันไอเดียสำหรับคนที่กำลังหางานดังนี้ ครับ
1. บางครั้งเราต้องยอมทำงานที่มันยังไม่ใช่ความฝันของเราเพื่อการเลี้ยงชีพครับ แต่ในขณะที่ทำอยู่นั้น อย่าลืมความฝันของตัวเอง ฝันอยากทำบริษัทอะไร ก็มั่นเช็คตำแหน่งงานบริษัทนั้นบ่อยๆ เค้ามี qualification อะไรบ้าง เราก็ต้องฝึกตัวเองให้มีสิ่งนั้นตามที่บริษัทเค้าต้องการ
2. ปรับ resume ให้เหมาะสมกับตำแหน่งที่คุณสมัคร เขียนให้ดูสะดุดตาเพราะมันคือจุดขายของคุณ ถ้าเค้าต้องการคุณสมบัติอะไร ก็ให้เน้นคุณสมบัตินั้นๆใน resume ถ้าไม่มีก็ต้องหาคุณสมบัติที่คุณมีมาทดแทนกันได้ สมัครงาน 2 ที่ อาจใช้ resume 2 styles ตามลักษณะงาน นะครับ
3. ถ้าคุณส่งใบสมัครแล้วถูกเรียกสัมภาษณ์ ถือว่า resume คุณน่าจะเตะตากรรมการ แต่ถ้าไม่มีเรียกเลย แสดงว่า resume ของคุณยัง present ตัวคุณไม่ดีพอ ดังนั้นต้องกลับไปแก้ไข resume ของคุณใหม่ครับ เช็คว่ามีจุดด้อยอะไรบ้าง และปรับเปลี่ยนให้ดูน่าสนใจ
4. ถ้าคุณเข้าไปสัมภาษณ์แล้ว ไม่ได้งาน มันก็น่าจะเกิดจากทักษะในการให้สัมภาษณ์ ดังนั้น ต้องแก้ไขในจุดนี้ พยายามฝึกทักษะการ present ตัวเอง ดู sale เวลาขายของนะครับ คุณจะเรียนรู้ได้เยอะว่าเขา present อย่างไร พยายามเน้นบริษัทว่าคุณจะเป็นประโยชน์ต่อทีมและบริษัทอย่างไรบ้าง ( ดูได้จาก job description นั่นเอง)
5. ก่อนสัมภาษณ์ให้หาข้อมูลบริษัทนั้นให้มากที่สุด ถ้ามีโอกาสถามก็ถามข้อมูลที่คุณอยากรู้ให้มากที่สุด เพราะมันจะช่วยให้คุณตัดสินใจว่างานที่คุณสัมภาษณ์อยู่เนี่ย มันใช่ที่คุณต้องการจริงๆหรือเปล่า บางครั้งมันอาจจะไม่ใช่อย่างที่คุณคิด พยายามสังเกตบรรยากาศการทำงาน การเดินทางไปทำงาน เพื่อนร่วมงาน เป็นต้น ว่าชอบหรือเปล่า ถ้าชอบก็ go for it. ถ้าไม่ชอบก็ต้องปล่อยครับ (เวลาผมได้ชื่อคนสัมภาษณ์ เช่นจากอีเมมล์ที่โต้ตอบกัน ผมจะหาประวัติเขาคร่าวๆ อะครับ จะได้มีเรื่องไว้คุยตอนสัมภาษณ์)
6. อย่าลืมนะครับว่า คุณเป็นคนเก่งมีความสามารถ บริษัทสามารถเลือกคนเข้าทำงาน และเราก็มีสิทธิ์เลือกบริษัทที่เราจะทำงานด้วยเหมือนกัน อย่าหว่านใบสมัคร ให้เลือกสมัครที่ที่คุณต้องการ เพราะจะได้ไม่เสียเวลาในการเตรียมตัว เงิน และเวลาที่เสียไปกับการสัมภาษณ์ (แต่ถ้าอยากฝึก skill ก็เต็มที่กับชีวิตเลยครับ) ถ้าประสบการณ์ไม่ดีพอ ให้เลือกทำบริษัทที่คล้ายๆ กันที่เข้าง่ายๆก่อน เพื่อเก็บประสบการณ์
7. ระยะเวลาในการรอคอยผลการสัมภาษณ์จะแตกต่างกันไปแล้วแต่ process ของแต่ละบริษัท ถ้าบริษัทเล็กคุณอาจจะทราบผลเร็ว บริษัทใหญ่อาจจะนานหน่อยเพราะ process นาน ตามประสบการณ์ของผม คุณสามารถรู้ว่าได้งานหรือไม่ เร็วสุดก็คือหลังสัมภาษณ์ ช้าสุดก็ประมาณเดือนหนึ่ง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นแล้วแต่เคสนะครับ เรามีสิทธิ์โทรถาม hr ได้เป็นระยะๆนะครับว่ากระบวนการพิจารณาถึงไหนแล้ว (ส่วนใหญ่ถ้าใช้เวลาในการสัมภาษณ์นาน แสดงว่ามีเปอร์เซนต์ที่จะได้สูงครับ ถ้าเค้าสัมภาษณ์แล้วเรายังไม่ใช่สิ่งที่เค้าต้องการ การสัมภาษณ์นั้นก็จะสั้นและกระชับ)
8. สิ่งสำคัญในการหางานคือ attitude ครับ พยายามคิดบวกไว้ครับ ถ้าคิดลบแล้วทำให้ปวดหัวสู้คิดบวกดีกว่า อิอิ
หวังว่าสิ่งที่ผมเล่ามาคงจะเป็นประโยชน์กับคนที่หางานอยู่นะครับ เชื่อมั่นในตัวเอง อย่าให้ใครมาบอกว่าเราทำไม่ได้และอย่าลืมความฝันของตัวเองครับ ขอให้ทุกคนโชคดีครับ
เล่าสู่กันฟัง ถึงเพื่อนๆที่กำลังหางานครับ
1. บางครั้งเราต้องยอมทำงานที่มันยังไม่ใช่ความฝันของเราเพื่อการเลี้ยงชีพครับ แต่ในขณะที่ทำอยู่นั้น อย่าลืมความฝันของตัวเอง ฝันอยากทำบริษัทอะไร ก็มั่นเช็คตำแหน่งงานบริษัทนั้นบ่อยๆ เค้ามี qualification อะไรบ้าง เราก็ต้องฝึกตัวเองให้มีสิ่งนั้นตามที่บริษัทเค้าต้องการ
2. ปรับ resume ให้เหมาะสมกับตำแหน่งที่คุณสมัคร เขียนให้ดูสะดุดตาเพราะมันคือจุดขายของคุณ ถ้าเค้าต้องการคุณสมบัติอะไร ก็ให้เน้นคุณสมบัตินั้นๆใน resume ถ้าไม่มีก็ต้องหาคุณสมบัติที่คุณมีมาทดแทนกันได้ สมัครงาน 2 ที่ อาจใช้ resume 2 styles ตามลักษณะงาน นะครับ
3. ถ้าคุณส่งใบสมัครแล้วถูกเรียกสัมภาษณ์ ถือว่า resume คุณน่าจะเตะตากรรมการ แต่ถ้าไม่มีเรียกเลย แสดงว่า resume ของคุณยัง present ตัวคุณไม่ดีพอ ดังนั้นต้องกลับไปแก้ไข resume ของคุณใหม่ครับ เช็คว่ามีจุดด้อยอะไรบ้าง และปรับเปลี่ยนให้ดูน่าสนใจ
4. ถ้าคุณเข้าไปสัมภาษณ์แล้ว ไม่ได้งาน มันก็น่าจะเกิดจากทักษะในการให้สัมภาษณ์ ดังนั้น ต้องแก้ไขในจุดนี้ พยายามฝึกทักษะการ present ตัวเอง ดู sale เวลาขายของนะครับ คุณจะเรียนรู้ได้เยอะว่าเขา present อย่างไร พยายามเน้นบริษัทว่าคุณจะเป็นประโยชน์ต่อทีมและบริษัทอย่างไรบ้าง ( ดูได้จาก job description นั่นเอง)
5. ก่อนสัมภาษณ์ให้หาข้อมูลบริษัทนั้นให้มากที่สุด ถ้ามีโอกาสถามก็ถามข้อมูลที่คุณอยากรู้ให้มากที่สุด เพราะมันจะช่วยให้คุณตัดสินใจว่างานที่คุณสัมภาษณ์อยู่เนี่ย มันใช่ที่คุณต้องการจริงๆหรือเปล่า บางครั้งมันอาจจะไม่ใช่อย่างที่คุณคิด พยายามสังเกตบรรยากาศการทำงาน การเดินทางไปทำงาน เพื่อนร่วมงาน เป็นต้น ว่าชอบหรือเปล่า ถ้าชอบก็ go for it. ถ้าไม่ชอบก็ต้องปล่อยครับ (เวลาผมได้ชื่อคนสัมภาษณ์ เช่นจากอีเมมล์ที่โต้ตอบกัน ผมจะหาประวัติเขาคร่าวๆ อะครับ จะได้มีเรื่องไว้คุยตอนสัมภาษณ์)
6. อย่าลืมนะครับว่า คุณเป็นคนเก่งมีความสามารถ บริษัทสามารถเลือกคนเข้าทำงาน และเราก็มีสิทธิ์เลือกบริษัทที่เราจะทำงานด้วยเหมือนกัน อย่าหว่านใบสมัคร ให้เลือกสมัครที่ที่คุณต้องการ เพราะจะได้ไม่เสียเวลาในการเตรียมตัว เงิน และเวลาที่เสียไปกับการสัมภาษณ์ (แต่ถ้าอยากฝึก skill ก็เต็มที่กับชีวิตเลยครับ) ถ้าประสบการณ์ไม่ดีพอ ให้เลือกทำบริษัทที่คล้ายๆ กันที่เข้าง่ายๆก่อน เพื่อเก็บประสบการณ์
7. ระยะเวลาในการรอคอยผลการสัมภาษณ์จะแตกต่างกันไปแล้วแต่ process ของแต่ละบริษัท ถ้าบริษัทเล็กคุณอาจจะทราบผลเร็ว บริษัทใหญ่อาจจะนานหน่อยเพราะ process นาน ตามประสบการณ์ของผม คุณสามารถรู้ว่าได้งานหรือไม่ เร็วสุดก็คือหลังสัมภาษณ์ ช้าสุดก็ประมาณเดือนหนึ่ง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นแล้วแต่เคสนะครับ เรามีสิทธิ์โทรถาม hr ได้เป็นระยะๆนะครับว่ากระบวนการพิจารณาถึงไหนแล้ว (ส่วนใหญ่ถ้าใช้เวลาในการสัมภาษณ์นาน แสดงว่ามีเปอร์เซนต์ที่จะได้สูงครับ ถ้าเค้าสัมภาษณ์แล้วเรายังไม่ใช่สิ่งที่เค้าต้องการ การสัมภาษณ์นั้นก็จะสั้นและกระชับ)
8. สิ่งสำคัญในการหางานคือ attitude ครับ พยายามคิดบวกไว้ครับ ถ้าคิดลบแล้วทำให้ปวดหัวสู้คิดบวกดีกว่า อิอิ
หวังว่าสิ่งที่ผมเล่ามาคงจะเป็นประโยชน์กับคนที่หางานอยู่นะครับ เชื่อมั่นในตัวเอง อย่าให้ใครมาบอกว่าเราทำไม่ได้และอย่าลืมความฝันของตัวเองครับ ขอให้ทุกคนโชคดีครับ