รีวิวนี้้เป็นรีวิวแรกของผม ผิดถูกยังไงขออภัยด้วยครับ
ขอเริ่มการรีวิวเลยแล้วกันครับ
รีวิวนี้ไม่ใช่รีวิวที่ เปิดกล่อง โชว์ของใหม่ แต่จะเป็น รีวิวที่ "ล้มแล้ว" "กลิ้งแล้ว" ฉะนั้นสภาพหมวกอาจจะแย่หน่อยครับผม และกล้องที่ใช้ก็เป็นเพียงกล้องมือถือเน่าๆ แต่จะพยายามเก็บรายละเอียดให้ได้มากที่สุดครับ
สิ่งของบรรจุภายในกล่องหมวก ผมก็มีให้ดูไม่ครบ เพราะหายบ้าง ใช้แล้วบ้าง ครับผม เอาเป็นว่ามาเจาะจงที่หมวกกันดีกว่า
(แต่ในกล่อง จริงๆแล้วถ้าผมจำไม่ผิดจะมีคู่มือมาให้ จุกยางปิดชิลด์สำรองสี่ชิ้น สติ๊กเกอร์LS2 ถุงผ้าใส่หมวกของLS2)
หมวกใบนี้เป็นหมวกกันน๊อคใบที่สองของผมถัดจากหมวกกินเด็กซ์ ฉะนั้นผมจะไม่สารมารถเปรียบเทียบกับหมวกที่ดีกว่านี้ได้
จะเปรียบเทียบกันได้เพียงคร่าวๆคือรูปร่างภายนอก น้ำหนัก และคุณภาพวัสดุ(เท่าที่เคยจับ เคยหยิบ และลองซนเล่นดู ) ไม่สามารถเปรียบเทียบเรื่องการเก็บเสียง หรืออะไรได้ หมวกใบนี้ผมล้มมาสองครั้งแล้วนะครับ เพราะยังไม่มีโอกาศ(ตังT^T)จะเปลี่ยน จริงๆหมวกถ้าล้มแรงๆควรเปลี่ยนเลยนะครับ
หลังจากผมเปลียนรถแบบข้ามยุคสมัย จาก คนข้างหน้า เป็นคันข้างหลัง
ผมก็ได้พบว่า เจ้าหมวกกินเด็กเน่าๆของผม มันห่วยแตกซะเหลือเกิน ต้องหาหมวกใหม่ โดยมีโจทย์ดังนี้
1.ราคาไม่เกิน4000
2.เนื่องจากผมเป็นคนขับช้า ขับใกล้ หยุดบ่อย จอดบ่อย แวะบ่อย ต้องการหมวกเปิดคาง
3.ผมใส่แว่นสายตา หมวกที่จะใช้ต้องใส่แว่นได้กระชับ ไม่บีบหัว
4.แดดเมืองไทยมันช่างนรกนัก จึงต้องการแว่นข้างในด้วย
5.มีมาตรฐานอะไรก็ได้ ที่ไม่ใช่ ม.อ.ก(เพียงอย่างเดียว) เพราะผมค่อนข้างจะไม่ค่อยไว้ใจเจ้านี่ซักเท่าไหร่ --
หลังจากใช้โจทย์พวกนี้ หาหทวกที่ต้องการ ก็มีโผล่มาดังนี้คือ
1.Real Orbid
2.LS2 FF70
3.Bilmola Explorer
สุดท้ายหวยก็มาลงที่ LS2 จนได้
เนื่องจาก
- ตัวล๊อคดูทนทาน ของยี่ห้ออื่น ถ้าผมจำไม่ผิด จะเป็นแค่พลาสติก หรืออะไรซักอย่างราวๆนี้ แต่ของLS2 เป็นเหล็ก
- หัวไม่กลมเกลี้ยงเหมือนอีกสองรุ่น ยังพอมีสปอยเลอร์นิดๆ ให้หัวทุยๆ
-Real Orbid คนรู้จัก หล่นจากโต๊ะ ตัวล๊อคหักเลย --*
- Bilmola Explorer ระบบปิดแว่นดำข้างในบอบบางไปหน่อย
จดๆจ้องๆ สายตานั่งมองเว็บ มือกำเงินในกระเป๋า4000บาท หาอ่านรีวิวในพันทิพย์ไปพลาง(ขอบคุณรีวิวของน้า=Razzo= มา ณ ที่นี้ด้วย)
ในที่สุดมันก็งอกมาอยู่บ้านผมจนได้ จากร้าน M-- Rider ในย่านเฉลิมพระเกียรติ โดยผมโชคดีที่ว่า บ้านอยู่ใกล้ๆร้าน ทำให้พี่เจ้าของร้านมาส่งให้กับมือ (ประทับใจเพิ่มมาหนึ่งจุด) โดยไม่คิดค่าบริการครับ
เริ่มต้นก่อนเลยที่ภายนอกของหมวก หน้าตารูปทรงเหมือนหมวกเปิดคางทั่วไป (แน่ละสิ --*)
เอียงๆ
ด้านข้าง ตัวถอดชิลด์เป็นแบบหมุนตามสไตล๋์ของLS2 หากเปิดปิดเป็นก็จะใช้ไม่ยากนัก อันนี้ผมขอข้ามไป เพราะหลายๆท่านน่าจะทราบแล้ว
ด้านหลัง มีช่องระบายลมสีเทา ทำให้หมวกไม่กลม เป็นทรงทุยๆ
ที่เปิดปิดแว่นดำข้างใน ถ้าจะเอาลงก็กดปุ่มแดง กดปิดกดปุ่มดำ เวลาเปิด ปุ่มค่อนข้างแข็ง"มาก" ทำให้ต้องเปิดชิลด์นอก แล้วเอามือบีบระหว่างหน้าหมวกกับปุ่ม จะทำให้เปิดง่ายขึ้นครับ ลองบ่อยๆเดี๋ยวก็จะชิน ส่วนเวลาปิด กดสีดำ แว่นจะดีดกลับเข้าไปอย่างเร็วครับ
ส่วนนี้ทำให้ผมถูกใจ เพราะถึงมันจะดูลำบาก แต่มันก็แข็งแรงดีครับ ใช้มาก็นาน ยังปกติดีอยู่ อ้อ หากมีเสียงเอี๊ยดอ๊าดก็ไม่ต้องตกใจครับ มันเป็นธรรมดาของชิ้นส่วนที่มีการเสียดสี เอาสเปรย์จารบีฉีดอัดเข้าไป ลื่นปรื๊ด กดง่าย ไม่มีเสียงครับผม
ตรงนี้เป็นที่กดเลื่อนลง เพื่อเปิดคางครับ(ไม่ต้องไปสนใจสติ๊กเกอร์ ==) เปิดง่ายดี แต่เวลาปิด จะต้องใช้มือกดที่หมวกทั้งสองข้างนะครับ เพราะไม่งั้นจะไม่ลงล๊อคทั้งสองข้าง
ถ้ากดจะเป็นแบบนี้
ส่วนนี้เป็นที่เปิดช่องลมด้านหน้านะครับ
ถ้าปิดจะเป็นแบบนี้
ตัวนี้คือที่เปิดช่องลมด้านบน เปิดปิด จะไม่ค่อยรู้สึกเท่าไหร่ครับ ตัวนี้ผมทำหักไปตอนล้ม ทำให้มันจะหลุดแหล่ไม่หลุดแหล่อยู่ข้างนึง
ด้านหน้าเวลาเปิดชิลด์ครับ เป็นข้อเสียของรุ่นนี้เลย ไม่มีการ์ดบังจมูกครับ เวลาอากาศเย็นๆ ชื้นๆ จะทำให้ฝ้าขึ้นชิลด์ง่ายๆเลย แต่ถ้าแง้มๆชิลด์(แง้มทีขึ้นไปครึ่งหน้า) เวลาขับ ก็จะหายไป หรือแก้ไขได้โดยการใส่โม่งครับ แต่ผมใส่แว่น พอใส่โม่งแล้ว ฝ้าขึ้นแว่นแทน --
ส่วนชิลด์ เป็นชิลด์ใสแจ๋ว ไม่หลอกตาครับผม ถ้าจำไม่ผิด ระบุด้วยว่ากันรอยขีดข่วน "ได้ในระดับนึง"ครับ เพราะถ้าเป็นชิลด์ปกติ กระแทกนิดหน่อยก็ขึ้นขีดยาวแล้ว ส่วนตัวนี้ก็มี แต่น้อย(กว่าที่ควร)ครับ
เวลาเปิดแว่นลงมาจะเป็นแบบนี้ครับ ทรงแว่นเห่ยไปหน่อย กลมๆ ไม่มีเหลี่ยมไม่มีมุม คนไม่มีดั้งแบบผมก็อาภัพ อุบาทว์กันไป T^T (แก้ไขได้โดยการใส่โม่งปิดบังครับ 555) แต่ไม่หลอกตาเห็นชัดเจน ครับผม
นวมสามารถถอดได้สามชิ้นครับ บนหัว แก้มซ้ายขวา ยึดกับหมวกโดยใช้กระดุมและตีนตุ๊กแกครับ
ส่วนตัวล๊อค เป็นแบบกิ๊บล๊อคครับ แต่บอกตรงๆผมค่อนข้างเสียความรู้สึกครับ โดนน้ำฝนนิดหน่อยก็ขึ้นสนิมง่ายมาก ถึงจะเช็ดหลังจากเปียกน้ำมาก็ตาม น่าจะพ่นสีกันสนิมให้ดีกว่านี้หน่อย หรือชุบสีดีๆไปเลย(เข้าใจว่ามันต้องใช้เหล็กครับ แต่ก็น่าจะทำให้มันดูดีหน่อย) รูปอาจจะไม่ชัดนะครับ กล้องมือถือ
ด้านหลังครับ สัญญลักษณ์LS2 แดงดำขาว เรียบๆครับ พร้อมร่องรอยอารธรรมการล้มกลิ้ง และกระแทกอย่างโชคโชน
มีมาตรฐาน ECE มาให้ด้วยครับ
การป้องกัน ผมให้ สี่ดาวครับ(ส่วนตัว)
เพราะมันป้องกันผมจากการเสียชีวิตมาถึงสองครั้ง ล้มสไลด์หนึ่งครั้ง หัวฟาดพื้นอย่างแรงอีกหนึ่งครั้ง โดยที่ผมเพียงแต่ ลุกขึ้นมา แล้วเดินไปดึงรถขึ้นตามปกติ มีอื้อๆเล็กน้อยด้วยความตกใจเท่านั้นครับ
เรื่องเสียง ผมให้ 3ครึ่งครับ
ถึงจะเข้าใจ และทำใจไว้ก่อนแล้วว่า หมวกแบบนี้จะมีข้อต่อมากมาย ทำให้มีเสียงลมเล็ดลอดเข้ามาเยอะกว่าเต็มใบปกติ
แต่เสียงส่วนมากมาจากคางครับ ลองเอามือปิดใต้คางแล้วเสียงหายไปเยอะ ถ้าให้แผ่นกันลมใต้คางมาด้วยน่าจะดีกว่านี้ครับ(ของเดิมมันสั้น)
รูปทรง ผมให้3ครับ
หมวกทรงนี้ผมว่ามันก็ได้ราวๆนี้แหละ หัวจะโตกว่าปกติ แต่หากดีไซน์ลายสวยๆ(ซึ่งตอนนี้ร่นใหม่ๆมาเยอะแยะสวยงามมากมาย แถมราคายังลงไปตั้งสี่ร้อยT^T) น่าจะดีขึ้น
น้ำหนัก ให้สามครับ
"หนัก" แต่ก็อยู่ในระดับพอทนได้ แต่ผมเคยออกทริปสองร้อยโล(รวมไปกลับ) กลับมาปวดคอเหมือนคอเคล็ดเลยครับ --
รวมแล้ว สามดาวครึ่ง ครับผม
ทั้งหมดเป็นเพียงความคิดส่วนตัวนะครับผม จบเท่านี้แหละครับ ใครมีอะไรจะถาม ถามได้เลยครับผม ยินดีตอบ ผิดถูกอย่างไรขออภัยด้วยครับผม ขอบคุณครับ
[CR] {CR}รีวิวหมวกกันน๊อค LS2 FF370 Easy เปิดคางสายโหด จากผู้ใช้จริง ล้มจริง เจ็บจริง กลิ้งจริง!!!
ขอเริ่มการรีวิวเลยแล้วกันครับ
รีวิวนี้ไม่ใช่รีวิวที่ เปิดกล่อง โชว์ของใหม่ แต่จะเป็น รีวิวที่ "ล้มแล้ว" "กลิ้งแล้ว" ฉะนั้นสภาพหมวกอาจจะแย่หน่อยครับผม และกล้องที่ใช้ก็เป็นเพียงกล้องมือถือเน่าๆ แต่จะพยายามเก็บรายละเอียดให้ได้มากที่สุดครับ
สิ่งของบรรจุภายในกล่องหมวก ผมก็มีให้ดูไม่ครบ เพราะหายบ้าง ใช้แล้วบ้าง ครับผม เอาเป็นว่ามาเจาะจงที่หมวกกันดีกว่า
(แต่ในกล่อง จริงๆแล้วถ้าผมจำไม่ผิดจะมีคู่มือมาให้ จุกยางปิดชิลด์สำรองสี่ชิ้น สติ๊กเกอร์LS2 ถุงผ้าใส่หมวกของLS2)
หมวกใบนี้เป็นหมวกกันน๊อคใบที่สองของผมถัดจากหมวกกินเด็กซ์ ฉะนั้นผมจะไม่สารมารถเปรียบเทียบกับหมวกที่ดีกว่านี้ได้
จะเปรียบเทียบกันได้เพียงคร่าวๆคือรูปร่างภายนอก น้ำหนัก และคุณภาพวัสดุ(เท่าที่เคยจับ เคยหยิบ และลองซนเล่นดู ) ไม่สามารถเปรียบเทียบเรื่องการเก็บเสียง หรืออะไรได้ หมวกใบนี้ผมล้มมาสองครั้งแล้วนะครับ เพราะยังไม่มีโอกาศ(ตังT^T)จะเปลี่ยน จริงๆหมวกถ้าล้มแรงๆควรเปลี่ยนเลยนะครับ
หลังจากผมเปลียนรถแบบข้ามยุคสมัย จาก คนข้างหน้า เป็นคันข้างหลัง
ผมก็ได้พบว่า เจ้าหมวกกินเด็กเน่าๆของผม มันห่วยแตกซะเหลือเกิน ต้องหาหมวกใหม่ โดยมีโจทย์ดังนี้
1.ราคาไม่เกิน4000
2.เนื่องจากผมเป็นคนขับช้า ขับใกล้ หยุดบ่อย จอดบ่อย แวะบ่อย ต้องการหมวกเปิดคาง
3.ผมใส่แว่นสายตา หมวกที่จะใช้ต้องใส่แว่นได้กระชับ ไม่บีบหัว
4.แดดเมืองไทยมันช่างนรกนัก จึงต้องการแว่นข้างในด้วย
5.มีมาตรฐานอะไรก็ได้ ที่ไม่ใช่ ม.อ.ก(เพียงอย่างเดียว) เพราะผมค่อนข้างจะไม่ค่อยไว้ใจเจ้านี่ซักเท่าไหร่ --
หลังจากใช้โจทย์พวกนี้ หาหทวกที่ต้องการ ก็มีโผล่มาดังนี้คือ
1.Real Orbid
2.LS2 FF70
3.Bilmola Explorer
สุดท้ายหวยก็มาลงที่ LS2 จนได้
เนื่องจาก
- ตัวล๊อคดูทนทาน ของยี่ห้ออื่น ถ้าผมจำไม่ผิด จะเป็นแค่พลาสติก หรืออะไรซักอย่างราวๆนี้ แต่ของLS2 เป็นเหล็ก
- หัวไม่กลมเกลี้ยงเหมือนอีกสองรุ่น ยังพอมีสปอยเลอร์นิดๆ ให้หัวทุยๆ
-Real Orbid คนรู้จัก หล่นจากโต๊ะ ตัวล๊อคหักเลย --*
- Bilmola Explorer ระบบปิดแว่นดำข้างในบอบบางไปหน่อย
จดๆจ้องๆ สายตานั่งมองเว็บ มือกำเงินในกระเป๋า4000บาท หาอ่านรีวิวในพันทิพย์ไปพลาง(ขอบคุณรีวิวของน้า=Razzo= มา ณ ที่นี้ด้วย)
ในที่สุดมันก็งอกมาอยู่บ้านผมจนได้ จากร้าน M-- Rider ในย่านเฉลิมพระเกียรติ โดยผมโชคดีที่ว่า บ้านอยู่ใกล้ๆร้าน ทำให้พี่เจ้าของร้านมาส่งให้กับมือ (ประทับใจเพิ่มมาหนึ่งจุด) โดยไม่คิดค่าบริการครับ
เริ่มต้นก่อนเลยที่ภายนอกของหมวก หน้าตารูปทรงเหมือนหมวกเปิดคางทั่วไป (แน่ละสิ --*)
เอียงๆ
ด้านข้าง ตัวถอดชิลด์เป็นแบบหมุนตามสไตล๋์ของLS2 หากเปิดปิดเป็นก็จะใช้ไม่ยากนัก อันนี้ผมขอข้ามไป เพราะหลายๆท่านน่าจะทราบแล้ว
ด้านหลัง มีช่องระบายลมสีเทา ทำให้หมวกไม่กลม เป็นทรงทุยๆ
ที่เปิดปิดแว่นดำข้างใน ถ้าจะเอาลงก็กดปุ่มแดง กดปิดกดปุ่มดำ เวลาเปิด ปุ่มค่อนข้างแข็ง"มาก" ทำให้ต้องเปิดชิลด์นอก แล้วเอามือบีบระหว่างหน้าหมวกกับปุ่ม จะทำให้เปิดง่ายขึ้นครับ ลองบ่อยๆเดี๋ยวก็จะชิน ส่วนเวลาปิด กดสีดำ แว่นจะดีดกลับเข้าไปอย่างเร็วครับ
ส่วนนี้ทำให้ผมถูกใจ เพราะถึงมันจะดูลำบาก แต่มันก็แข็งแรงดีครับ ใช้มาก็นาน ยังปกติดีอยู่ อ้อ หากมีเสียงเอี๊ยดอ๊าดก็ไม่ต้องตกใจครับ มันเป็นธรรมดาของชิ้นส่วนที่มีการเสียดสี เอาสเปรย์จารบีฉีดอัดเข้าไป ลื่นปรื๊ด กดง่าย ไม่มีเสียงครับผม
ตรงนี้เป็นที่กดเลื่อนลง เพื่อเปิดคางครับ(ไม่ต้องไปสนใจสติ๊กเกอร์ ==) เปิดง่ายดี แต่เวลาปิด จะต้องใช้มือกดที่หมวกทั้งสองข้างนะครับ เพราะไม่งั้นจะไม่ลงล๊อคทั้งสองข้าง
ถ้ากดจะเป็นแบบนี้
ส่วนนี้เป็นที่เปิดช่องลมด้านหน้านะครับ
ถ้าปิดจะเป็นแบบนี้
ตัวนี้คือที่เปิดช่องลมด้านบน เปิดปิด จะไม่ค่อยรู้สึกเท่าไหร่ครับ ตัวนี้ผมทำหักไปตอนล้ม ทำให้มันจะหลุดแหล่ไม่หลุดแหล่อยู่ข้างนึง
ด้านหน้าเวลาเปิดชิลด์ครับ เป็นข้อเสียของรุ่นนี้เลย ไม่มีการ์ดบังจมูกครับ เวลาอากาศเย็นๆ ชื้นๆ จะทำให้ฝ้าขึ้นชิลด์ง่ายๆเลย แต่ถ้าแง้มๆชิลด์(แง้มทีขึ้นไปครึ่งหน้า) เวลาขับ ก็จะหายไป หรือแก้ไขได้โดยการใส่โม่งครับ แต่ผมใส่แว่น พอใส่โม่งแล้ว ฝ้าขึ้นแว่นแทน --
ส่วนชิลด์ เป็นชิลด์ใสแจ๋ว ไม่หลอกตาครับผม ถ้าจำไม่ผิด ระบุด้วยว่ากันรอยขีดข่วน "ได้ในระดับนึง"ครับ เพราะถ้าเป็นชิลด์ปกติ กระแทกนิดหน่อยก็ขึ้นขีดยาวแล้ว ส่วนตัวนี้ก็มี แต่น้อย(กว่าที่ควร)ครับ
เวลาเปิดแว่นลงมาจะเป็นแบบนี้ครับ ทรงแว่นเห่ยไปหน่อย กลมๆ ไม่มีเหลี่ยมไม่มีมุม คนไม่มีดั้งแบบผมก็อาภัพ อุบาทว์กันไป T^T (แก้ไขได้โดยการใส่โม่งปิดบังครับ 555) แต่ไม่หลอกตาเห็นชัดเจน ครับผม
นวมสามารถถอดได้สามชิ้นครับ บนหัว แก้มซ้ายขวา ยึดกับหมวกโดยใช้กระดุมและตีนตุ๊กแกครับ
ส่วนตัวล๊อค เป็นแบบกิ๊บล๊อคครับ แต่บอกตรงๆผมค่อนข้างเสียความรู้สึกครับ โดนน้ำฝนนิดหน่อยก็ขึ้นสนิมง่ายมาก ถึงจะเช็ดหลังจากเปียกน้ำมาก็ตาม น่าจะพ่นสีกันสนิมให้ดีกว่านี้หน่อย หรือชุบสีดีๆไปเลย(เข้าใจว่ามันต้องใช้เหล็กครับ แต่ก็น่าจะทำให้มันดูดีหน่อย) รูปอาจจะไม่ชัดนะครับ กล้องมือถือ
ด้านหลังครับ สัญญลักษณ์LS2 แดงดำขาว เรียบๆครับ พร้อมร่องรอยอารธรรมการล้มกลิ้ง และกระแทกอย่างโชคโชน
มีมาตรฐาน ECE มาให้ด้วยครับ
การป้องกัน ผมให้ สี่ดาวครับ(ส่วนตัว)
เพราะมันป้องกันผมจากการเสียชีวิตมาถึงสองครั้ง ล้มสไลด์หนึ่งครั้ง หัวฟาดพื้นอย่างแรงอีกหนึ่งครั้ง โดยที่ผมเพียงแต่ ลุกขึ้นมา แล้วเดินไปดึงรถขึ้นตามปกติ มีอื้อๆเล็กน้อยด้วยความตกใจเท่านั้นครับ
เรื่องเสียง ผมให้ 3ครึ่งครับ
ถึงจะเข้าใจ และทำใจไว้ก่อนแล้วว่า หมวกแบบนี้จะมีข้อต่อมากมาย ทำให้มีเสียงลมเล็ดลอดเข้ามาเยอะกว่าเต็มใบปกติ
แต่เสียงส่วนมากมาจากคางครับ ลองเอามือปิดใต้คางแล้วเสียงหายไปเยอะ ถ้าให้แผ่นกันลมใต้คางมาด้วยน่าจะดีกว่านี้ครับ(ของเดิมมันสั้น)
รูปทรง ผมให้3ครับ
หมวกทรงนี้ผมว่ามันก็ได้ราวๆนี้แหละ หัวจะโตกว่าปกติ แต่หากดีไซน์ลายสวยๆ(ซึ่งตอนนี้ร่นใหม่ๆมาเยอะแยะสวยงามมากมาย แถมราคายังลงไปตั้งสี่ร้อยT^T) น่าจะดีขึ้น
น้ำหนัก ให้สามครับ
"หนัก" แต่ก็อยู่ในระดับพอทนได้ แต่ผมเคยออกทริปสองร้อยโล(รวมไปกลับ) กลับมาปวดคอเหมือนคอเคล็ดเลยครับ --
รวมแล้ว สามดาวครึ่ง ครับผม
ทั้งหมดเป็นเพียงความคิดส่วนตัวนะครับผม จบเท่านี้แหละครับ ใครมีอะไรจะถาม ถามได้เลยครับผม ยินดีตอบ ผิดถูกอย่างไรขออภัยด้วยครับผม ขอบคุณครับ