ออกตัวก่อนว่า จขกท เป็นเพื่อนกับน้องเจ้าสาว แล้วน้องเขียนบทความทั้งหมดในเฟส และอยากลงพันทิบแต่ไม่มี id เลยฝากให้ช่วยทำ
ตอนนี้งานแต่งเสร็จสิ้นแล้ว เลยมาแชร์ประสบการณ์ ให้คนอื่นเพื่อจะได้ระวังและไม่พลาดและพาลหงุดหงิดใจคะ
จากประสบการณ์ในการเตรียมงานแต่ง
1. การเลือกร้านชุดควรดูถึงความเหมาะสมของราคากับเนื้อผ้าที่ใช้ตัดเย็บ
แต่... ชุดเจ้าสาวทุกชุดพอสวมอยู่บนตัวเจ้าสาวแล้วจะพบว่า "สวย" ด้วยตัวเองอยู่แล้ว
ดังนั้นบางทีร้านดังๆ ราคาแพงๆ อาจไม่ใช่คำตอบเสมอไป ควรเลือกชุดที่เหมาะกับตัวเอง ใส่แล้วรู้สึกไม่เขิน เดินสะดวกจะดีกว่า
และถ้าจะให้ดี ควรเลือกร้านที่พูดจาดี ไม่สับปรับกลับกลอก ซึ่งดูน้ำใจกันได้ตั้งแต่วันแรกที่ก้าวขาเข้าร้าน
ถ้าคุยกับร้านไหนแล้วถูกใจ ราคาสู้ไหว มีชุดแบบที่เราชอบ เจ้าของร้านหรือเซลล์ไม่ด่าลูกค้ารายอื่นไล่หลังหรือนินทาให้เราฟัง
และถ้าเป็นไปได้ ควรเลือกร้านที่เดินทางสะดวก ไม่ไกลจากบ้านมากนัก เพราะว่าเดือนสุดท้ายก่อนวันงานต้องเทียวไปเทียวมา
ถ้ามีเวลาพอก็ควรจะเลือกดูหลายๆร้าน เพื่อเปรียบเทียบราคา และการบริการ!
2. ตวรจสอบเรื่องการวางเงินมัดจำและสัญญาให้เรียบร้อย ให้เค้าลงรายละเอียดให้ครบ เผื่อมีปัญญาในภายหลัง
3. จากประสบกาณ์ส่วนตัวที่เจอมา ตั้งใจไปซื้อแพคเกจชุดแต่งงานวันจริงไม่ได้รวมกับการถ่ายภาพพรีเวดดิ้ง
แต่เซลล์จะพยายามหว่านล้อมให้เราซื้อแพคเกจเพิ่ม โดยที่บอกว่าเพิ่มเงินอีกแค่ 5000 บาท ก็จะได้อัลบั้มรูป 15 รูปเล่มใหญ่
ภาพใหญ่ใส่กรอบหลุยส์สำหรับวางหน้างาน และ presentation
โดยที่วันถ่ายพรีเวดดิ้ง มีชุดของทางร้านทั้งหมด 3 ชุด และ ชุดที่เราเอาไปเองได้ 2 ชุด พร้อมช่างแต่งหน้า
ตอนแรกก็คิดว่าน่าจะโอเค ราคารวมๆทั้งหมดก็ไม่ได้แพงมากนัก และเซลล์บอกว่าที่สตูดิโอเป็นบ้านสวน
มีสนามหญ้ากว้าง และมีส่วนของสตูดิโอ ทำให้ได้ภาพทั้งสองบรรยากาศ เราก็เลยโอเค
พอไปถึง สนามหญ้าที่นางพูดถึงถูกรื้อไปเพื่อก่อสร้างสตูดิโอหลังใหม่...ซึ่งเราเข้าไปใช้ได้แค่สองฉาก
ส่วนของสตูดิโอ เป็นบ้านสองชั้น ห้องถ่ายรูปมีลักษณะเช่นเดียวกับการถ่ายรูปตามร้านถ่ายรูปธรรมดา คือ ดึงฉากผ้าลงมา
ที่ดีกว่าหน่อยก็คงเป็นโซฟายาว 1 ตัว กับตั่งไม้สำหรับถ่าบชุดไทย
พร้อมกับ ห่านนนนนนนนนนนนน!!!!!!!!! เป็ด และไก่ ฝูงใหญ่ ยังกะรู้ว่าเจ้าบ่าวทำงานเกี่ยวกับสัตว์ปีก =="
วันแรกที่ไปเลือกชุด เจอกับตากล้อง เค้าก็ถามว่าเราอยากได้ภาพแบบไหน แล้วก็เล่าให้ฟังว่า มีคู่นึงอยากได้ภาพออกมาเน้นอารมณ์แบบ ต่าย-ทิม ซึ่งเค้าทำให้ไม่ได้หรอกนะ ไอ้เราก็นึกในใจว่า อ่าวเวรละ แล้วแกเป็นตากล้อง wedding ได้ไง =='
พอวันที่ไปถ่ายจริง... เค้าก็จะมาจัดท่าเราแบบเราเป็นตุ๊กตา มือวางตรงนี้นะ เอียงคอ ยืดไหล่ อะไรแบบนี้... บางท่าฝืนมั่กๆ
เท่านี้ก็พอจะรู้แระว่า ภาพมันคงแปลกๆ เสียเวลาทั้งวันกับการเปลี่ยนเสื้อไปมา ได้ภาพออกมาก 80 ภาพ =='
วันที่ไปเลือกภาพ เห็นภาพสดยังไม่แต่งแล้วแบบ...เอิ่มมมมมมม อยากจะกรีดร้อง เพราะหน้าที่ออกมามันไม่ใช่เราเลย (ชะนีนี่เป็นใคร) แถมเราไม่ชอบรูปที่ออกมาอีก
ที่ร้ายไปกว่านั้น เซลล์พยายามขายรูปมากๆ บอกว่า 15 รูปมันจะทำอัลบั้มไม่สวย ยื้ออยู่นั่น พอเราไไม่ยอมซื้อรูปเยอะๆ ก็บอกว่าอัลบั้มใหญ่จะไม่สวย เลยลดขนาดอัลบั้มลงเล็กกว่าที่ตกลงกันไว้ แล้วจะแถมอัลบั้มเล็กขนาดจัมโบ้ 1 อัน พอจะไม่ซื้อ ก็พูดทำนองขู่ว่าถ้าไม่ช่วยเด๋ววันจริงช่างแต่งหน้าแต่งออกมาไม่สวยนะคะน้อง..... นี่มันเอาวันสำคัญของผู้หญิงคนนึงมาเป็นเครื่องต่อรอง พูดได้คำเดียวว่า เลวมากกกกกกก!
สรุปคุณแฟนเลยตัดรำคาญ เนื่องจากคุยมาสองชั่วโมงไม่จบซะที ด้วยการซื้อมา 10 รูปราคารูปละ 400 บาท แถมรูปที่ไม่แต่งภาพอีก 4 รูป อ๊ากกกกกกส์
บอกตามตรงนะคะ เสีบดายเงินไม่เท่าไหร่ แต่เสียเวลาแล้วก็เสียความรู้สึกมากๆ
เท่าที่ถามๆเจ้าสาวรุ่นพี่มา แต่ละร้านจะมีวิธีการให้เราซื้อรูปเพิ่มต่างกันออกไป เช่น
- ถ่ายภาพสวยๆมาเยอะๆ ทำให้เราอยากได้ เกิดกิเลส แล้วซื้อเพิ่ม (ซึ่งวิธีการนี้บอมรับได้มากกว่าแบบที่เจอ)
- บอกว่าเพิ่มเงินอีกนิดหน่อยให้ถึงเป้าที่ร้านวางไว้ แล้วจะได้โปรโมชั่นอื่นเพิ่ม
- แบบที่แย่ที่สุดที่แบบที่เจอมา คือ บังคับแกมขอร้อง =*=
สรุปงานนี้เสียเงินไปกับรูปที่ไม่อยากได้ 29 รูป และ presentation แบบ photo slide ที่ใครๆก็ทำได้ เท่ากับค่าถ่ายพรีเวดดิ้งใหม่อีกรอบ
ใครที่คิดจะถ่ายภาพกับสตูดิโอก็ลองศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมดูได้นะคะ ที่เขียนมาทั้งหมดนี้ เป็นความคิดเห็นส่วนตัวและอยากจะเล่าเป็นวิทยาทาน ไม่อยากให้ใครโดนแบบเดียวกันอีก
ขอแชร์ประสบการณ์ไม่ดีกรณีร้านย่านบางลำพูขายชุดเจ้าสาวพ่วง pre-wedding
ตอนนี้งานแต่งเสร็จสิ้นแล้ว เลยมาแชร์ประสบการณ์ ให้คนอื่นเพื่อจะได้ระวังและไม่พลาดและพาลหงุดหงิดใจคะ
จากประสบการณ์ในการเตรียมงานแต่ง
1. การเลือกร้านชุดควรดูถึงความเหมาะสมของราคากับเนื้อผ้าที่ใช้ตัดเย็บ
แต่... ชุดเจ้าสาวทุกชุดพอสวมอยู่บนตัวเจ้าสาวแล้วจะพบว่า "สวย" ด้วยตัวเองอยู่แล้ว
ดังนั้นบางทีร้านดังๆ ราคาแพงๆ อาจไม่ใช่คำตอบเสมอไป ควรเลือกชุดที่เหมาะกับตัวเอง ใส่แล้วรู้สึกไม่เขิน เดินสะดวกจะดีกว่า
และถ้าจะให้ดี ควรเลือกร้านที่พูดจาดี ไม่สับปรับกลับกลอก ซึ่งดูน้ำใจกันได้ตั้งแต่วันแรกที่ก้าวขาเข้าร้าน
ถ้าคุยกับร้านไหนแล้วถูกใจ ราคาสู้ไหว มีชุดแบบที่เราชอบ เจ้าของร้านหรือเซลล์ไม่ด่าลูกค้ารายอื่นไล่หลังหรือนินทาให้เราฟัง
และถ้าเป็นไปได้ ควรเลือกร้านที่เดินทางสะดวก ไม่ไกลจากบ้านมากนัก เพราะว่าเดือนสุดท้ายก่อนวันงานต้องเทียวไปเทียวมา
ถ้ามีเวลาพอก็ควรจะเลือกดูหลายๆร้าน เพื่อเปรียบเทียบราคา และการบริการ!
2. ตวรจสอบเรื่องการวางเงินมัดจำและสัญญาให้เรียบร้อย ให้เค้าลงรายละเอียดให้ครบ เผื่อมีปัญญาในภายหลัง
3. จากประสบกาณ์ส่วนตัวที่เจอมา ตั้งใจไปซื้อแพคเกจชุดแต่งงานวันจริงไม่ได้รวมกับการถ่ายภาพพรีเวดดิ้ง
แต่เซลล์จะพยายามหว่านล้อมให้เราซื้อแพคเกจเพิ่ม โดยที่บอกว่าเพิ่มเงินอีกแค่ 5000 บาท ก็จะได้อัลบั้มรูป 15 รูปเล่มใหญ่
ภาพใหญ่ใส่กรอบหลุยส์สำหรับวางหน้างาน และ presentation
โดยที่วันถ่ายพรีเวดดิ้ง มีชุดของทางร้านทั้งหมด 3 ชุด และ ชุดที่เราเอาไปเองได้ 2 ชุด พร้อมช่างแต่งหน้า
ตอนแรกก็คิดว่าน่าจะโอเค ราคารวมๆทั้งหมดก็ไม่ได้แพงมากนัก และเซลล์บอกว่าที่สตูดิโอเป็นบ้านสวน
มีสนามหญ้ากว้าง และมีส่วนของสตูดิโอ ทำให้ได้ภาพทั้งสองบรรยากาศ เราก็เลยโอเค
พอไปถึง สนามหญ้าที่นางพูดถึงถูกรื้อไปเพื่อก่อสร้างสตูดิโอหลังใหม่...ซึ่งเราเข้าไปใช้ได้แค่สองฉาก
ส่วนของสตูดิโอ เป็นบ้านสองชั้น ห้องถ่ายรูปมีลักษณะเช่นเดียวกับการถ่ายรูปตามร้านถ่ายรูปธรรมดา คือ ดึงฉากผ้าลงมา
ที่ดีกว่าหน่อยก็คงเป็นโซฟายาว 1 ตัว กับตั่งไม้สำหรับถ่าบชุดไทย
พร้อมกับ ห่านนนนนนนนนนนนน!!!!!!!!! เป็ด และไก่ ฝูงใหญ่ ยังกะรู้ว่าเจ้าบ่าวทำงานเกี่ยวกับสัตว์ปีก =="
วันแรกที่ไปเลือกชุด เจอกับตากล้อง เค้าก็ถามว่าเราอยากได้ภาพแบบไหน แล้วก็เล่าให้ฟังว่า มีคู่นึงอยากได้ภาพออกมาเน้นอารมณ์แบบ ต่าย-ทิม ซึ่งเค้าทำให้ไม่ได้หรอกนะ ไอ้เราก็นึกในใจว่า อ่าวเวรละ แล้วแกเป็นตากล้อง wedding ได้ไง =='
พอวันที่ไปถ่ายจริง... เค้าก็จะมาจัดท่าเราแบบเราเป็นตุ๊กตา มือวางตรงนี้นะ เอียงคอ ยืดไหล่ อะไรแบบนี้... บางท่าฝืนมั่กๆ
เท่านี้ก็พอจะรู้แระว่า ภาพมันคงแปลกๆ เสียเวลาทั้งวันกับการเปลี่ยนเสื้อไปมา ได้ภาพออกมาก 80 ภาพ =='
วันที่ไปเลือกภาพ เห็นภาพสดยังไม่แต่งแล้วแบบ...เอิ่มมมมมมม อยากจะกรีดร้อง เพราะหน้าที่ออกมามันไม่ใช่เราเลย (ชะนีนี่เป็นใคร) แถมเราไม่ชอบรูปที่ออกมาอีก
ที่ร้ายไปกว่านั้น เซลล์พยายามขายรูปมากๆ บอกว่า 15 รูปมันจะทำอัลบั้มไม่สวย ยื้ออยู่นั่น พอเราไไม่ยอมซื้อรูปเยอะๆ ก็บอกว่าอัลบั้มใหญ่จะไม่สวย เลยลดขนาดอัลบั้มลงเล็กกว่าที่ตกลงกันไว้ แล้วจะแถมอัลบั้มเล็กขนาดจัมโบ้ 1 อัน พอจะไม่ซื้อ ก็พูดทำนองขู่ว่าถ้าไม่ช่วยเด๋ววันจริงช่างแต่งหน้าแต่งออกมาไม่สวยนะคะน้อง..... นี่มันเอาวันสำคัญของผู้หญิงคนนึงมาเป็นเครื่องต่อรอง พูดได้คำเดียวว่า เลวมากกกกกกก!
สรุปคุณแฟนเลยตัดรำคาญ เนื่องจากคุยมาสองชั่วโมงไม่จบซะที ด้วยการซื้อมา 10 รูปราคารูปละ 400 บาท แถมรูปที่ไม่แต่งภาพอีก 4 รูป อ๊ากกกกกกส์
บอกตามตรงนะคะ เสีบดายเงินไม่เท่าไหร่ แต่เสียเวลาแล้วก็เสียความรู้สึกมากๆ
เท่าที่ถามๆเจ้าสาวรุ่นพี่มา แต่ละร้านจะมีวิธีการให้เราซื้อรูปเพิ่มต่างกันออกไป เช่น
- ถ่ายภาพสวยๆมาเยอะๆ ทำให้เราอยากได้ เกิดกิเลส แล้วซื้อเพิ่ม (ซึ่งวิธีการนี้บอมรับได้มากกว่าแบบที่เจอ)
- บอกว่าเพิ่มเงินอีกนิดหน่อยให้ถึงเป้าที่ร้านวางไว้ แล้วจะได้โปรโมชั่นอื่นเพิ่ม
- แบบที่แย่ที่สุดที่แบบที่เจอมา คือ บังคับแกมขอร้อง =*=
สรุปงานนี้เสียเงินไปกับรูปที่ไม่อยากได้ 29 รูป และ presentation แบบ photo slide ที่ใครๆก็ทำได้ เท่ากับค่าถ่ายพรีเวดดิ้งใหม่อีกรอบ
ใครที่คิดจะถ่ายภาพกับสตูดิโอก็ลองศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมดูได้นะคะ ที่เขียนมาทั้งหมดนี้ เป็นความคิดเห็นส่วนตัวและอยากจะเล่าเป็นวิทยาทาน ไม่อยากให้ใครโดนแบบเดียวกันอีก