ผมได้มีโอกาส ดูคลิปนึง (ดูมาจากเพื่อน ๆ ในห้องนี้แหละครับ) .. ที่มี ดร.นิเวศน์ และ คุณพิชัย จาวลา มาพูดบนเวทีเดียวกัน .. อาจจะจำข้อความไม่ได้เป๊ะ ๆ 100% .. แต่ก็จะพยามให้ใกล้เคียงที่สุดแล้วกัน (อาจจะมีเสริม เพิ่มเติมกันบ้างเล็กน้อย)
ในคลิปนั้น .. คุณพิชัย จาวลา ได้กล่าวว่า ..
เราอาจจะคิดว่าการเอาชนะหุ้น หรือ เอาชนะตลาดหุ้นเป็นเรื่องง่าย .. จริง ๆ แล้วไม่ใช่เลย .. มันยากมาก ๆ
วิธีการเอาชนะตลาดหุ้นที่เราได้ยินมาเกือบทุกวัน ฟังดูเหมือนง่ายมากเลย .. “แค่ซื้อหุ้นบริษัทที่ดี แล้วถือระยะยาว” .. ฟังดูง่ายมาก ๆ เลย
แต่จริง ๆ แล้ว มันมี "Key" อยู่ .. ว่าถ้าการเอาชนะหุ้น หรือ ลงทุนในหุ้น มันง่ายมากขนาดนั้น .. ทำไมเราไม่รวยกันหมดแล้วล่ะ ???
ทำไมถึงมี ดร.นิเวศน์ แค่คนเดียวที่ได้มานั่งพูดบนเวที อย่างเด่นเป็นสง่า .. ทำไมพวกเราทุกคนถึงไม่มีโอกาสมานั่งพูดบนเวทีบ้าง
ฉะนั้น เมื่อมันมี Key อยู่ ฟังดูเหมือนมันง่าย แต่จริง ๆ แล้วมันยาก ยากเพราะอะไร .. ยากเพราะมันต้องมีการดีลกับ “อารมณ์” เยอะ เช่น
1. หุ้นที่คุณซื้อ ที่ดีมาก ๆ แล้วราคาไม่ขึ้น .. คุณทนได้มั๊ย ทนได้เท่าไหร่ ? .. เช่น ถ้าคุณไปซื้อหุ้นค้าปลีกตั้งแต่ปี 2538 แล้วราคามันไม่ขึ้นเลย แล้วราคามันขึ้นแต่หุ้นไฟแนนซ์ .. เราทนได้มั๊ย ? .. คนส่วนมากทนไม่ได้ แล้วจะหลงไปกับหุ้นตัวอื่น ๆ ที่ราคาขึ้นเร็ว และ แรง
2. จากข้อ 1. ถ้าคุณทนได้ .. ผ่านมาระยะหนึ่ง 3 ปีก็แล้ว 5 ปีก็แล้ว 7 ปีก็แล้ว .. หุ้นของคุณเริ่มมีราคาขึ้นมาแล้ว 100% , 200% , 300% ก็แล้ว .. แล้วคุณไม่กะเก็งตลาด ไม่ขาย .. คุณทนได้มั๊ย ? ... คนส่วนใหญ่ทนไม่ได้ ราคาขึ้นแค่ 30% ก็อยากขายทำกำไรแล้ว เดี๋ยวค่อยไปซื้อคืน .. ที่ขายไม่ใช่เพราะบริษัทไม่ดี .. แต่เป็นเพราะเราไปหลงกับเหตุผลต่าง ๆ นา ๆ ที่จะเข้ามาปั่นกระทบให้อารมณ์เราหวั่นไหว .. ถ้าใครทนอยู่เฉย ๆ แล้วไม่หลงไปกับอารมณ์ หรือ เหตุผลต่าง ๆ นั่นแหละ ถึงจะชนะตลาดได้ .. แต่คนส่วนใหญ่ ทำไม่ได้
3. ถ้าคุณทนจนสามารถผ่านข้อ 1 และ ข้อ 2 มาได้แล้ว .. คุณจะต้องเจอกับบททดสอบที่ยากขึ้นไปอีก .. เพราะปกติแล้ว .. ไม่ใช่ว่าคุณซื้อหุ้นแล้วราคาจะขึ้นตลอดไป .. เช่น ราคาหุ้นขึ้นมาจนทำให้เรามีกำไร 300% ที่เราอดทนไม่ยอมขาย เพราะบริษัทมันดีมากเหลือเกิน พื้นฐานบริษัทยังดีเหมือนเดิม เรารู้สึกชนะตลาดแล้ว เราควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ .. แล้วอยู่ ๆ ราคามันตกลงอย่างไม่มีเหตุผล เหลือกำไรแค่ 150% หรือ 100% หรือ 50% หรือพูดง่าย ๆ จากกำไร 1 ล้าน เหลือแค่ 5 แสน .. หายไปครึ่งต่อครึ่ง !! .. เราทนได้มั๊ย ? ทำใจได้มั๊ย ?
ทั้ง 3 ข้อนี้ .. ถ้าคุณทนได้ หรือ ทำใจได้หมด .. อีก 10 ปี .. คุณก็เตรียมตัวมานั่งพูดบนเวทีเดียวกับ ดร.นิเวศน์ ได้เลยครับ .. เพราะ ดร.นิเวศน์ ผ่านมาหมดแล้ว .. และเอาชนะมาได้อย่างโชกโชนด้วย
แต่ถ้าคุณทนไม่ได้ หรือ ทำใจไม่ได้ .. ผมแนะนำให้เอาเงินเก็บทั้งหมด ไปลงทุนทำธุรกิจส่วนตัว หรือ เปิดบริษัทเองจะดีกว่า ง่ายกว่า แล้วรวยเร็วกว่าด้วย เพราะมันเป็นอะไรที่คุณสามารถควบคุมได้ทั้งหมด แล้วไม่ต้องเกี่ยวข้องกับ “อารมณ์” มากนัก
คุณพิชัย กล่าวเสริมต่อว่า .. ความจริงอีกอย่าง ที่จริงใจมาก ๆ ที่ได้ยินในวันนี้ก็คือ .. พวกเราส่วนใหญ่ “ขี้เกียจ ไม่อยากทำงาน แต่อยากรวยเร็ว” ฉะนั้นจึงเข้ามาในตลาดหุ้น เพราะรู้สึกว่ามันง่าย
คุณพิชัย จาวลา ได้มาทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เค้าบอกว่าเหนื่อยมาก .. แต่เค้าก็ทำ เพราะรู้สึกว่ามันง่ายกว่าการลงทุนในหุ้น
และเค้ารู้สึกว่า สิ่งที่ ดร.นิเวศน์ กำลังทำอยู่ “มันยากกว่า” สิ่งที่เค้าทำ
ฉะนั้น คนเราถนัดไม่เหมือนกัน .. หรือ ระบบความคิดต่างกัน
คุณพิชัย ยังบอกอีกว่า .. เค้ายอมรับเลยว่า เค้าเป็นคนแรกที่ทนไม่ได้ ที่เห็นราคาหุ้นขึ้นมาถึง 300% แล้วไม่ขาย .. ฉะนั้น คนอย่างเค้า "จะไม่มีวันถือหุ้นจนกำไรเป็น 1000% เหมือน ดร.นิเวศน์ ได้"
จะเห็นได้ว่า .. นี่แหละ คือ สิ่งที่แตกต่างระหว่าง “เซียน” และ “เม่า”
คือ ความสามารถในการควบคุม “อารมณ์” ตนเอง ไม่ให้หวั่นไหวไปกับสภาวะของตลาด หรือพูดง่าย ๆ คือ “ชนะใจตัวเอง”
แม้กระทั่ง ดร.นิเวศน์ ท่านเองก็พูดบนเวทีเลยว่า .. "ยอมรับว่า ทุกวันนี้ ถึงแม้จะไม่ได้ซื้อ-ขาย หุ้นบ่อย ๆ และลงทุนระยะยาว .. แต่ตัวเค้าก็ต้องดูราคาหุ้นเกือบทุกวัน"
ซึ่งต่างจาก วอเร็น บัฟเฟตต์ .. คือ ไม่ดูราคาหุ้นเลย .. ย้ำ !! ไม่เคยดูราคาหุ้นเลย .. คือ ลงทุนแบบนักธุรกิจเต็มตัวจริง ๆ ที่มีความเข้าใจในธุรกิจ และ เข้าใจในตัวบริษัท มากกว่า CEO หรือ ผู้ก่อตั้งบริษัทเองซะอีก
และนี่แหละ คือ “ความสามารถพิเศษ” ที่ยากจะใครมาเทียบได้ .. และทำให้ วอเร็น บัฟเฟตต์ กลายเป็นนักลงทุนที่เก่งที่สุดในโลกเท่าที่เคยมีมา
ขอบคุณ ทุก ๆ ความเห็นมากครับ
ฟังคุณพิชัย จาวลา พูดจากคลิปนึง แล้วผมชอบมาก ๆ เลยครับ .. เกี่ยวกับ “อารมณ์” และ การเอาชนะตลาดหุ้น
ในคลิปนั้น .. คุณพิชัย จาวลา ได้กล่าวว่า ..
เราอาจจะคิดว่าการเอาชนะหุ้น หรือ เอาชนะตลาดหุ้นเป็นเรื่องง่าย .. จริง ๆ แล้วไม่ใช่เลย .. มันยากมาก ๆ
วิธีการเอาชนะตลาดหุ้นที่เราได้ยินมาเกือบทุกวัน ฟังดูเหมือนง่ายมากเลย .. “แค่ซื้อหุ้นบริษัทที่ดี แล้วถือระยะยาว” .. ฟังดูง่ายมาก ๆ เลย
แต่จริง ๆ แล้ว มันมี "Key" อยู่ .. ว่าถ้าการเอาชนะหุ้น หรือ ลงทุนในหุ้น มันง่ายมากขนาดนั้น .. ทำไมเราไม่รวยกันหมดแล้วล่ะ ???
ทำไมถึงมี ดร.นิเวศน์ แค่คนเดียวที่ได้มานั่งพูดบนเวที อย่างเด่นเป็นสง่า .. ทำไมพวกเราทุกคนถึงไม่มีโอกาสมานั่งพูดบนเวทีบ้าง
ฉะนั้น เมื่อมันมี Key อยู่ ฟังดูเหมือนมันง่าย แต่จริง ๆ แล้วมันยาก ยากเพราะอะไร .. ยากเพราะมันต้องมีการดีลกับ “อารมณ์” เยอะ เช่น
1. หุ้นที่คุณซื้อ ที่ดีมาก ๆ แล้วราคาไม่ขึ้น .. คุณทนได้มั๊ย ทนได้เท่าไหร่ ? .. เช่น ถ้าคุณไปซื้อหุ้นค้าปลีกตั้งแต่ปี 2538 แล้วราคามันไม่ขึ้นเลย แล้วราคามันขึ้นแต่หุ้นไฟแนนซ์ .. เราทนได้มั๊ย ? .. คนส่วนมากทนไม่ได้ แล้วจะหลงไปกับหุ้นตัวอื่น ๆ ที่ราคาขึ้นเร็ว และ แรง
2. จากข้อ 1. ถ้าคุณทนได้ .. ผ่านมาระยะหนึ่ง 3 ปีก็แล้ว 5 ปีก็แล้ว 7 ปีก็แล้ว .. หุ้นของคุณเริ่มมีราคาขึ้นมาแล้ว 100% , 200% , 300% ก็แล้ว .. แล้วคุณไม่กะเก็งตลาด ไม่ขาย .. คุณทนได้มั๊ย ? ... คนส่วนใหญ่ทนไม่ได้ ราคาขึ้นแค่ 30% ก็อยากขายทำกำไรแล้ว เดี๋ยวค่อยไปซื้อคืน .. ที่ขายไม่ใช่เพราะบริษัทไม่ดี .. แต่เป็นเพราะเราไปหลงกับเหตุผลต่าง ๆ นา ๆ ที่จะเข้ามาปั่นกระทบให้อารมณ์เราหวั่นไหว .. ถ้าใครทนอยู่เฉย ๆ แล้วไม่หลงไปกับอารมณ์ หรือ เหตุผลต่าง ๆ นั่นแหละ ถึงจะชนะตลาดได้ .. แต่คนส่วนใหญ่ ทำไม่ได้
3. ถ้าคุณทนจนสามารถผ่านข้อ 1 และ ข้อ 2 มาได้แล้ว .. คุณจะต้องเจอกับบททดสอบที่ยากขึ้นไปอีก .. เพราะปกติแล้ว .. ไม่ใช่ว่าคุณซื้อหุ้นแล้วราคาจะขึ้นตลอดไป .. เช่น ราคาหุ้นขึ้นมาจนทำให้เรามีกำไร 300% ที่เราอดทนไม่ยอมขาย เพราะบริษัทมันดีมากเหลือเกิน พื้นฐานบริษัทยังดีเหมือนเดิม เรารู้สึกชนะตลาดแล้ว เราควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ .. แล้วอยู่ ๆ ราคามันตกลงอย่างไม่มีเหตุผล เหลือกำไรแค่ 150% หรือ 100% หรือ 50% หรือพูดง่าย ๆ จากกำไร 1 ล้าน เหลือแค่ 5 แสน .. หายไปครึ่งต่อครึ่ง !! .. เราทนได้มั๊ย ? ทำใจได้มั๊ย ?
ทั้ง 3 ข้อนี้ .. ถ้าคุณทนได้ หรือ ทำใจได้หมด .. อีก 10 ปี .. คุณก็เตรียมตัวมานั่งพูดบนเวทีเดียวกับ ดร.นิเวศน์ ได้เลยครับ .. เพราะ ดร.นิเวศน์ ผ่านมาหมดแล้ว .. และเอาชนะมาได้อย่างโชกโชนด้วย
แต่ถ้าคุณทนไม่ได้ หรือ ทำใจไม่ได้ .. ผมแนะนำให้เอาเงินเก็บทั้งหมด ไปลงทุนทำธุรกิจส่วนตัว หรือ เปิดบริษัทเองจะดีกว่า ง่ายกว่า แล้วรวยเร็วกว่าด้วย เพราะมันเป็นอะไรที่คุณสามารถควบคุมได้ทั้งหมด แล้วไม่ต้องเกี่ยวข้องกับ “อารมณ์” มากนัก
คุณพิชัย กล่าวเสริมต่อว่า .. ความจริงอีกอย่าง ที่จริงใจมาก ๆ ที่ได้ยินในวันนี้ก็คือ .. พวกเราส่วนใหญ่ “ขี้เกียจ ไม่อยากทำงาน แต่อยากรวยเร็ว” ฉะนั้นจึงเข้ามาในตลาดหุ้น เพราะรู้สึกว่ามันง่าย
คุณพิชัย จาวลา ได้มาทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เค้าบอกว่าเหนื่อยมาก .. แต่เค้าก็ทำ เพราะรู้สึกว่ามันง่ายกว่าการลงทุนในหุ้น
และเค้ารู้สึกว่า สิ่งที่ ดร.นิเวศน์ กำลังทำอยู่ “มันยากกว่า” สิ่งที่เค้าทำ
ฉะนั้น คนเราถนัดไม่เหมือนกัน .. หรือ ระบบความคิดต่างกัน
คุณพิชัย ยังบอกอีกว่า .. เค้ายอมรับเลยว่า เค้าเป็นคนแรกที่ทนไม่ได้ ที่เห็นราคาหุ้นขึ้นมาถึง 300% แล้วไม่ขาย .. ฉะนั้น คนอย่างเค้า "จะไม่มีวันถือหุ้นจนกำไรเป็น 1000% เหมือน ดร.นิเวศน์ ได้"
จะเห็นได้ว่า .. นี่แหละ คือ สิ่งที่แตกต่างระหว่าง “เซียน” และ “เม่า”
คือ ความสามารถในการควบคุม “อารมณ์” ตนเอง ไม่ให้หวั่นไหวไปกับสภาวะของตลาด หรือพูดง่าย ๆ คือ “ชนะใจตัวเอง”
แม้กระทั่ง ดร.นิเวศน์ ท่านเองก็พูดบนเวทีเลยว่า .. "ยอมรับว่า ทุกวันนี้ ถึงแม้จะไม่ได้ซื้อ-ขาย หุ้นบ่อย ๆ และลงทุนระยะยาว .. แต่ตัวเค้าก็ต้องดูราคาหุ้นเกือบทุกวัน"
ซึ่งต่างจาก วอเร็น บัฟเฟตต์ .. คือ ไม่ดูราคาหุ้นเลย .. ย้ำ !! ไม่เคยดูราคาหุ้นเลย .. คือ ลงทุนแบบนักธุรกิจเต็มตัวจริง ๆ ที่มีความเข้าใจในธุรกิจ และ เข้าใจในตัวบริษัท มากกว่า CEO หรือ ผู้ก่อตั้งบริษัทเองซะอีก
และนี่แหละ คือ “ความสามารถพิเศษ” ที่ยากจะใครมาเทียบได้ .. และทำให้ วอเร็น บัฟเฟตต์ กลายเป็นนักลงทุนที่เก่งที่สุดในโลกเท่าที่เคยมีมา
ขอบคุณ ทุก ๆ ความเห็นมากครับ