ถามจริงเหอะ >>> คิดว่าวงการแฟชั่นมีส่วนทำให้คนฟุ้งเฟ้อมั้ย <<<

เราคิดมานานหลายวันแล้วว่าอยากจะตั้งกระทู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ แรงบันดาลใจของกระทู้มาจากดราม่าแม่ยูอะ ดูหัวข้อแล้วบางคนอาจจะถามว่ามันเกี่ยวกันยังไง แต่เราเชื่อว่ามันเกี่ยวกันแน่นอน ก็เลยเป็นที่มาของกระทู้นี้ ที่อยากตั้งมาเพื่อระบายความในใจหรือว่าแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันค่ะ ดราม่าครั้งนี้ทำให้พวกเราได้เห็นความฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมจนเกินพอดีของคนเรา ที่นำไปสู่เรื่องแย่ๆ มันคือความฟุ้งเฟ้อในเรื่องของการแต่งตัว แต่งหน้า ทำศัลยกรรม หรือการตามแฟชั่นต่างๆ ซึ่งตรงนี้เราขอโฟกัสลงไปในประเด็นของแฟชั่นอย่างเดียวแล้วกัน

หลังจากเกิดเรื่องขึ้นและเราได้ตามเผือกอย่างต่อเนื่อง เรามานั่งคิดๆดูว่าในสังคมเราก็มีคนที่เป็นแบบนี้กันมาก ไม่ได้หมายถึงขนาดไปคดโกงใครนะ แต่หมายถึงคนที่ว่ายเวียนอยู่ในกระแสการตามแฟชั่นจนเป็นเหตุให้ตัวเองเดือดร้อนเนี่ยละ และไม่ต้องปฏิเสธเลยว่าชนชั้นกลางอย่างเราๆจะไม่เจอปัญหานี้ เอาแค่ว่าซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมเพิ่มสักใบก็ต้องโกหกแม่ว่ามันลดเยอะ หรือซ่อนบิลไม่ให้แฟน/ผัวเห็น แค่นี้ก็นับว่าเป็นปัญหาแล้ว เราก็เลยคิดขึ้นมาว่าแวดวงแฟชั่นและนิตยสารแฟชั่นต่างๆนี่มันควรจะมีส่วนช่วยรับผิดชอบสังคมด้วยหรือเปล่า หรือมันน่าจะมีนิตยสารอะไรสักหัวที่เป็นช้อยส์ให้ผู้อ่านได้เลือกเสพแฟชั่นที่ไม่แพง ไม่ต้องตะกายไปหามา ไม่ต้องสะสมเงินมากมายก็เป็นเจ้าของกันได้ไม่ยาก

ที่ผ่านๆมาวงการแฟชั่นและนิตยสารแฟชั่นได้แต่ตอกย้ำภาพลักษณ์ของแฟชั่นว่าเป็นอะไรที่สวยงาม ทันสมัย ฟุ้งเฟ้อ ฟุ่มเฟือย ไม่ใช่เรื่องที่คนประหยัดหรือเขียมเขาจะทำกัน นิตยสารต่างๆก็มีออกมาเพื่อช่วยโปรโมทให้แบรนด์ ทำการตลาดให้ทางอ้อมอยู่ตลอดมา ซึ่งเราก็เข้าใจนะเพราะเราก็เรียนมาทางด้านนี้โดยตรง (สื่อสารมวลชนและการตลาด) มันเป็นระบบของทุนนิยมที่ไม่มีใครในโลกนี้หลีกได้พ้น แต่ถ้าจะบอกว่าเราทุกคนต้องเตือนตัวเองเสมอว่าอย่าไปฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมตามเขาจนตัวเองเดือดร้อน มันก็ดูเหมือนพูดง่ายไปหน่อยมั้ย จริงๆมันก็คือสิ่งที่ทุกคนควรทำแหละ เราไม่เถียง แต่เฮ้ย คนที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องโดยตรงในวงการจะไม่มีส่วนร่วมรับผิดชอบอะไรกันบ้างเลยเหรอ กูจะโปรโมท จะเสนอขายแบรนด์อย่างเดียว ใครมีก็ซื้อ ดีสิกูได้ตังค์ ใครไม่มีแต่อยากมี จะไปทำยังไงจนมีพอมาซื้อได้ กูไม่สน เย้ กูได้ตังค์ (ตามเคย) ส่วนใครไม่มี และไม่แคร์ที่จะต้องมีให้เหมือนคนอื่นเขาเลยไม่สนใจจะซื้อ ก็เรื่องของเมิง ทุกวันนี้เรารู้สึกเหมือนมันเป็นแบบนี้เลยอะ

ขอยกตัวอย่างให้เห็นภาพชัดละกัน เพราะเราเองก็เป็นคนนึงที่เสพนิตยสารแฟชั่นมาตลอดสิบกว่าปี เอาแค่ตัวอย่างในบ้านเรา สังคมแบบไทยๆนี้แหละ ไม่ต้องมองออกไปไหนให้ไกลตัว บ้านเรามีนิตยสารแฟชั่นเยอะมาก ทั้งหัวนอกและหัวไทย นิตยสารหัวนอกที่นำเสนอแบรนด์ระดับสูง (hi-end) อันนี้ก็รู้อยู่ว่ามีอะไรบ้าง และเราคงไม่ไปว่าอะไรเขาเพราะ target มันถูกแบ่งไว้ชัดเจนแล้ว ส่วนพวกนิตยสารระดับกลางลงมา ไม่ว่าจะของประเทศไหนก็ตาม เช่น Cosmopolitan, Cleo, Elle, Marie Clarie, Ray, Cecil, Nylon หรือของไทยๆแบบ Cheeze กลุ่มนี้นี่แหละที่เรามองว่ามันเข้าข่าย ไม่ว่าจะเสื้อผ้า เครื่องประดับ หรือรองเท้า ส่วนมากก็เป็นของแพงๆทั้งนั้นเลย มีตั้งแต่ hi street brand ไปจนถึง hi-end เลยทีเดียว อย่างเสื้อยืดนี่ที่เอามาถ่ายลงตัวนึงต่ำๆก็ 600 up ทั้งนั้น กางเกงยีน เดรส รองเท้าเอย กระเป๋าเอย ไม่เคยเห็นอะไรต่ำกว่า 500 บาทไทยเท่าไหร่ นานๆจะหลุดมาที เป็นพวกแหวนหรือต่างหูสักคู่ แต่ถ้าเป็นเสื้อผ้านี่จะหายากมาก

ที่คิดแบบนี้ก็ใช่ว่าเราจะไม่ซื้อของพวกนี้ใช้นะ เราก็ซื้อ เพราะเรานี่บ้า sneaker เอามากๆเลยด้วยซ้ำ และเราก็เข้าใจดีว่าถ้าคุณผู้หญิงอยากได้รองเท้าไปงานดีๆใส่ ก็ต้องซื้อแบรนด์ดีๆ เช่น Charles&Keith หรือไม่ก็ Nine West เพราะมันคุณภาพดีและออกแบบมาอย่างดี คงจะไม่ไปซื้อรองเท้าแบบ 299 ตามตลาดเปิดท้ายหรอกใช่มั้ย หรือแม้แต่หนุ่มๆที่อยากได้ยีนคู่ใจมาใส่ปั้นลายให้สวย ก็คงจะไม่ไปซื้อยีนตามตลาดเปิดท้ายตอนเย็นหน้าบิ๊กซี อย่างห่วยๆเลยก็ต้องซื้อสัก Mc หรือ Wrangler ใช่ปะ และถ้าจะให้ดีมันต้องเล่นแบรนด์ที่ราคาเรือนพันขึ้นไป อย่าง Evisu หรือ Nudie และอีกมากมายหลายแบรนด์ เหมือนกับที่ได้ยินคนพูดกันบ่อยว่าถ้าได้ลองใส่ยีนแบรนด์ดีๆสักครั้งแล้วจะรู้เลยว่ามันต่างจากยีนโหลประตูน้ำยังไง ประมาณนั้น

มันน่าเสียดายที่ไม่มีนิตยสารหัวไหนไม่ว่าของเก่าของของเกิดใหม่ ที่จะกล้านำเสนอแฟชั่นในรูปแบบที่ต่างออกไป แฟชั่นที่ราคาไม่แพง เข้าถึงง่าย ไม่ต้องรู้สึกว่าเก็บเงินกันนานกว่าจะซื้อมาใส่ได้ เป็นนิตยสารที่เมื่อเปิดไปหน้า directory สินค้าแล้วจะไม่เจอสยามสแควร์, Central World, Siam Paragon หรือ Central rama 9 หรือสถานที่อะไรทำนองนี้ แต่เรากลับจะเห็นจตุจักร สะพานพุทธ ยูเนียนมอล ตลาดวังหลังแทน เป็นหนังสือที่แบรนด์อย่าง H&M, Top Shop, GAP, ZARA หรือแบรนด์อื่นๆที่มี positioning ระดับเดียวกันนี้เป็นแบรนด์ที่สูงสุดในเล่ม งงมั้ย เราหมายถึงว่าแบรนด์พวกนี้คือกลุ่มที่มีราคาสูงที่สุดจากทั้งหมดนำเสนอ ไม่นำเสนออะไรที่แพงกว่านี้แล้ว เพราะความจริงตอนนี้ตามนิตยสารต่างๆ แบรนด์กลุ่มที่ว่ามาคือกลุ่มราคาต่ำสุดที่มักนำเสนอกัน มันคงเป็นได้แค่ฝันใช่มั้ยที่อยากให้มีนิตยสารแฟชั่นที่นำเสนอแฟชั่นแบบไม่แพงและจับต้องได้ออกมาขาย

เราเองก็จัดว่าเป็นคนที่มีกำลังซื้อพอประมาณ ยังรู้สึกอยู่ตลอดเลยว่าเรื่องแฟชั่นเหมือนเป็นเรื่องของคนที่มีอันจะกินประมาณนึงเท่านั้น ไม่ใช่เรื่องของคนเบี้ยน้อยหอยน้อย คนจนกรอบแกรบ มันเป็นเรื่องของเหล่า trendsetter และ follower ของพวกเขา ก็ดูตามสื่อทุกวันนี้สิ พวกตัวแม่ๆทางด้านแฟชั่นมีใครบ้างละ มีสักกี่คนกันที่เป็นคนธรรมดาจริงๆ ซึ่งคนที่ตามเขาก็เป็นพวกคนชั้นกลางธรรมดาๆแบบเราๆนี่แหละ หรืออย่างคนที่ได้ชื่อว่าเป็นแฟชั่นกูรูนี่มีกี่คนที่จัดว่าเป็นคนเบี้ยน้อยหอยน้อย เป็นไปไม่ได้เลย จะมีก็แต่พวกที่มีพอประมาณขึ้นไปถึงพวกมีเหลือเฟือนั่นแหละ หรือไม่จริง เราเลยสรุปกับตัวเองว่าวงการนี้มีส่วนมากในการชักนำจิตใจคนให้เป็นอย่างที่เป็นในทุกวันนี้

เอาละ เราระบายความคิดเสร็จแล้ว และเราก็อยากจะรู้ว่าแต่ละคนคิดยังไงกันบ้างกับประเด็นอันนี้ของเรา คิดยังไงก็มาแชร์และแลกเปลี่ยนกันได้นะ ลึกๆเราแอบหวังว่าจะมีคนที่คิดแบบเราอยู่เหมือนกัน
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่